เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา เวลาประมาณ 05.35 น. ของวันที่ 16 ก.พ. 2567 ได้เกิดเหตุมีชายพลัดตกท้ายรถกระบะและเสียชีวิตคาที่ โดยเหตุเกิดที่บริเวณถนนรถไฟตะวันตก ต.นครปฐม อ.เมือง จ.นครปฐม ทราบชื่อคือ นายณัฐพล อายุ 31 ปี แต่เหตุการณ์นี้มันมีเรื่องแปลกเพราะรถกระบะที่นายณัฐพลพลัดตกลงมาไม่ใช่รถกระบะทั่วไป แต่เป็นรถกระบะของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครปฐม


ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งมีระยะทางอยู่ห่างจากจุดที่ตั้งด่านประมาณ 80 เมตร ในเวลา 04.55 น. จะเห็นว่าบริเวณดังกล่าวมีการตั้งด่านตรวจของ สภ.เมืองนครปฐม โดยมีการเปิดไฟกระพริบตั้งอยู่กลางถนน และต่อมาเจ้าหน้าที่ก็ได้ทำการเก็บป้ายด่านตรวจออกจากถนน


จากนั้นในเวลา 05.05 น. รถกระบะของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ขับออกมาจากบริเวณที่ตั้งด่าน โดยที่หลังรถกระบะนั้นจะปรากฏภาพนายณัฐพล ผู้ตาย กำลังนั่งอยู่บริเวณขอบกระบะด้านซ้าย และก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกนายหนึ่งนั่งอยู่บริเวณขอบกระบะด้านขวา จากนั้นก็มีตำรวจอีกนายขี่รถจักรยานยนต์ตามไปติด ๆ





ต่อมาในเวลา 05.08 น. บริเวณถนนรถไฟตะวันตก ซึ่งมีระยะทางอยู่ห่างจากจุดตั้งด่านประมาณ 1.5 กิโลเมตร สามารถจับภาพรถกระบะของตำรวจ สภ.เมืองนครปฐม โดยที่นายณัฐพลนั้นก็ยังคงนั่งอยู่บริเวณขอบกระบะด้านซ้ายจุดเดิม


จากนั้นกล้องอีกตัว ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่นายณัฐพล พลัดตกเพียง 750 เมตร สามารถจับภาพรถกระบะของตำรวจ สภ.เมืองนครปฐม โดยที่บริเวณหลังกระบะนั้น ยังคงปรากฏภาพของนายณัฐพล ผู้ตาย ซึ่งใส่เสื้อสีฟ้านั่งอยู่บริเวณขอลกระบะด้านซ้ายตำแหน่งเดิม และยังคงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนั่งอยู่บริเวณขอบกระบะด้านขวา นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 2 นาย ขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังมาติด ๆ


ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปยังจุดที่พลัดตก ปรากฏว่าบริเวณริมถนนนั้นยังคงมีคราบเลือดของนายณัฐพลกองอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งจุดนี้จะอยู่กึ่งกลางระหว่างริมทางรถไฟและกำแพงวัด ทำให้จุดนี้ไม่มีกล้องวงจรปิดตัวไหน สามารถจับภาพขณะเกิดเหตุไว้ได้


จนในเวลา 18.50 น. ทีมข่าวได้ย้อนกลับไปที่จุดพลัดตกอีกครั้ง ก็พบว่าเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง แต่เมื่อทีมข่าวลงจากรถและกำลังจะเดินเข้าไปสังเกตการณ์อยู่บริเวณรอบนอก ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ พฐ. ก็ได้พากันขึ้นรถและขับออกไปในทันที





ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปยัง สภ.เมืองนครปฐม เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น จึงได้พูดคุยกับ นางปาริษา (นามสมมติ) อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นแฟนของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตนและนายณัฐพลได้เดินทางออกจากบ้านที่จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อที่จะไปโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) เนื่องจากตนนั้นมีอาการปวดบริเวณดวงตาทั้งสองข้าง ซึ่งระหว่างทางนายณัฐพลก็เกิดอาการเหนื่อยล้า หลังจากขับรถมานาน ตนจึงได้อาสาสับเปลี่ยนไปขับรถแทน


จนกระทั่งเวลาประมาณ 04.55 น. ได้ขับมาเจอด่านตรวจตั้งอยู่บริเวณถนนมาลัยแมน อ.เมือง จ.นครปฐม จากนั้นตำรวจก็โบกให้ตนจอดรถชิดซ้ายพร้อมเข้ามาถามว่า “ทำไมผู้หญิงขับรถ ทำไมผู้ชายไม่ขับ” ตนจึงบอกไปว่า “แฟนหนูง่วงนอน หนูเลยมาขับแทน” จากนั้นตำรวจก็ถามอีกว่าจะไปไหนกัน ซึ่งตนก็บอกว่าจะไปหาหมอแถววัดไร่ขิง แล้วจู่ ๆ ตำรวจก็ปลุกแฟนตนให้ตื่นพร้อมกับเข้ามาตรวจค้นภายในรถ ซึ่งตรวจไปสักพักก็ไม่เจอกับอะไร


ต่อมาตำรวจจึงเรียกให้แฟนตนไปตรวจปัสสาวะ แฟนตนก็เดินไปพร้อมกับน้ำเปล่า 1 ขวด จนเวลาล่วงเลยไปกว่า 10 นาที ตนก็โทรศัพท์ไปหาแฟนว่าทำไมถึงยังไม่กลับมาขึ้นรถ นายณัฐพลก็บอกว่า “ยังฉี่ไม่ออก” จากนั้นตำรวจก็มาเคาะเรียกที่รถตนพร้อมบอกว่า “เขาฉี่ไม่ออก เดี๋ยวจะพาไปตรวจที่โรงพักนะ” แล้วก็เห็นว่าตำรวจได้พาแฟนตนขึ้นท้ายรถกระบะไป ซึ่งแฟนตนนั่งอยู่ขอบกระบะฝั่งซ้ายและมีตำรวจนายหนึ่งนั่งอยู่ขอบกระบะฝั่งขวา


หลังจากนั้นตนก็ได้ขับตามรถตำรวจไปอย่างช้า ๆ เพราะตนมีอาการปวดตาจึงมองเห็นไม่ค่อยชัด แต่ขับไปได้ไม่กี่นาที ตนก็ยังรู้สึกตะหงิดใจว่าทำไมต้องพาไปตรวจที่โรงพัก ตนจึงโทรศัพท์หาแฟนอีกครั้งและถามว่า “ตรวจฉี่ไม่ผ่านคืออะไร” จากนั้นนายณัฐพลก็ตอบมาว่า “ไม่ผ่านอะไร ยังไม่ได้ตรวจเลย กำลังจะไปโรงพัก” แล้วก็ได้วางสายไป ซึ่งไม่ทันจะถึง 20 วินาที หลังจากวางสาย ตนก็ขับรถไปเจอแฟนของตัวเองในสภาพนอนหมดสติอยู่ข้างถนน พร้อมกับเลือดที่ไหลนอง ตอนนั้นตนก็สติแตกและถามตำรวจ ว่าทำไมแฟนของตนถึงตกอยู่ในสภาพแบบนี้ เกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่มีตำรวจคนไหนปริปาก บอกตนเลยแม้แต่คำเดียว





ทีมข่าวก็ได้สอบถามถึงความเป็นไปได้ ว่านายณัฐพลมีประวัติเกี่ยวกับยาเสพติดหรือเปล่า อาจทำให้อยากกระโดดหนี แต่ทางด้านนางปาริษา ยืนยันว่า นายณัฐพลนั้นเลิกยาเสพติดนานแล้ว เพราะเขาต้องทำงานโรงงาน ซึ่งจะมีการตรวจปัสสาวะทุกเดือน จึงเป็นไปไม่ได้ที่แฟนตนจะเสพยา และอีกอย่างหากคนคิดจะกระโดดหนี ก็ควรหนีเพื่อเอาชีวิตรอด ไม่ใช่หนีแล้วไปตายแบบนั้น


สุดท้ายตอนนี้ตนก็ยังไม่ได้คำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายณัฐพล แต่ตนเชื่อและมั่นใจว่าแฟนของตนไม่มีทางกระโดดลงมาแน่นอน จึงอยากขอวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยตรวจสอบเรื่องนี้อย่างโปร่งใส เพราะคู่กรณีที่พานายณัฐพลไปก็เป็นตำรวจเช่นเดียวกัน


ล่าสุด นางมณี อายุ 60 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต และภรรยาของนายณัฐพล ผู้เสียชีวิต พร้อมด้วยญาติ ๆ ช่วยกันนำศพนายณัฐพล มาตั้งบำเพ็ญกุศลวัดเทพคีรีวงศาราม (วัดเขาชานหมาก ) ต.จรเข้สามพัน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี และมีพิธีรดน้ำศพนายณัฐพล ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้าเสียใจของบรรดาญาติพี่น้อง ส่วนภรรยาของนายณัฐพล ถึงกับร้องไห้เป็นลม ญาติต้องช่วยประคอง ช่วยประถมพยาบาลเบื้องต้น


ส่วนคดีได้แจ้งความไว้ให้ปากคำกับอัยการแล้ว ขณะที่ทางแม่กับภรรยา และญาติ ๆ ของผู้เสียชีวิต ยังติดใจการเสียชีวิตของนายณัฐพล เพราะยังมีข้อสงสัยอีกหลายอย่าง เบื้องต้นอาจจะทำการฌาปนกิจนายณัฐพล ในวันอาทิตย์ 18 ก.พ. นี้ แต่ยังต้องปรึกษากันว่าจะเก็บร่างเอาไว้ก่อนหรือไม่จนกว่าจะได้รับความกระจ่างและเป็นธรรม





นางมณี แม่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า แม่สงสัยสุด ๆ เลย เขาไม่น่าตาย เขาไม่ได้เกเร ไม่ติดยา เขาไม่สมควรที่จะตายแบบนั้น นอกจากตำรวจจะทำให้ตาย เพชรเขาเป็นคนนิสัยดี เขาทำงานตลอดเวลา พูดจาดี นิสัยดี แม่ก็คุยกับเขาทุกวัน เรียกเขาไปทำงานทุกวัน เขาก็จะอาบน้ำไปทำงานทุกวัน แม่ก็สงสัยสาเหตุว่าเกิดจากอะไร เขาไม่เสพยา สูบบุหรี่อย่างเดียว เขาเป็นเสาหลักของครอบครัว


ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้พยายามเข้าไปติดต่อ พ.ต.อ.ภูภณ ทัพเจริญ ผกก.สภ.เมืองนครปฐม แต่ทางด้านผู้กำกับยังคงเก็บตัวอยู่ภายในห้องพัก มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้าห้องพักออกมาให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ผู้กำกับยังไม่สามารถออกมาแถลงต่อสื่อมวลชนได้ เพราะอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และกำลังรอประชุมกับผู้การฯ ในเช้าวันพรุ่งนี้ ซึ่งหากสามารถรวบรวมข้อมูลได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน ก็ยินดีที่จะให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน และในช่วงค่ำที่ผ่านมา ทีมข่าวก็ได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อไปยัง พ.ต.อ.ภูภณ อีกครั้งเพื่อสอบถามถึงความคืบหน้า แต่ก็ยังไม่มีการตอบรับแต่อย่างใด





ขณะที่รถกระบะซึ่งเป็นคันที่นายณัฐพล ได้โดยสารไปและเกิดพลัดตกลงมาจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต ทีมข่าวก็ได้พยายามเดินค้นหาจนทั่วบริเวณ สภ.เมืองนครปฐม แต่ก็ไม่พบกับรถคันดังกล่าว ทีมข่าวจึงได้เดินไปดูรถคันอื่นที่เป็นรถยี่ห้อเดียวกัน พบว่าความสูงจากขอบกระบะจนถึงพื้นนั้น มีความสูงประมาณ 1.20 เมตร


โดยทีมข่าวก็ได้ทดลองขึ้นไปนั่งบริเวณขอบกระบะของรถตำรวจ โดยที่รถจอดหยุดนิ่ง พบว่าบริเวณขอบกระบะรวมถึงพื้นกระบะนั้น ค่อนข้างที่จะมีความลื่น ซึ่งเบื้องต้นทีมข่าวก็ได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าปกติแล้วตำรวจสามารถขับรถได้ที่ความเร็วเท่าไรต่อชั่วโมง ซึ่งตำรวจก็ได้ให้ข้อมูลว่า “ปกติแล้วตำรวจไม่ค่อยขับรถเร็ว อย่างดีก็ 80 กม./ชั่วโมง”

 

หนุ่มถูกจับตรวจฉี่ตายคาถนน ภาพสุดท้ายเจอตำรวจนั่งท้ายกระบะ เมียสงสัยใครทำ