วุ่นกันทั้งอุดรฯ สกัดจับสาวเมาเพี้ยน ลวงนักเรียน 4 คนขึ้นเก๋ง หวิดโดนผู้ปกครองประชาทัณฑ์

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 ศูนย์วิทยุ 191 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุ ลักพาเด็ก 4 คน เป็นเด็กชาย 1 คน เด็กหญิง 3 คน อายุ 9-11 ปี ขึ้นรถมิตซูบิชิ เอ็กเพนเดอร์ สีดำ หมายเลขทะเบียน ขค 2360 อุดรธานี จากบ้านหนองผึ้ง ต.พันดอน อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี โดยมีผู้หญิงเป็นคนขับ หากพบเห็นให้ช่วยสกัดรถคันดังกล่าว และแจ้ง สภ.กุมภวาปีด่วน หลังจากรับแจ้งได้ มูลนิธิประชาธรรมกุมภวาปีได้นำภาพเบาะแสรถคันดังกล่าวลงในเพจ ทำให้มีแชร์ออกไปจำนวนมาก

กระทั่งเวลา 18.30 น. ได้รับแจ้งว่าสามารถสกัดจับรถคันดังกล่าวได้ที่ร้านสะดวกซื้อสาขาพันดอน ตำรวจได้เข้าจับกุม น.ส.ภัทรกร หรือ กุ้ง อายุ 47 ปี ซึ่งมีอาการมึนเมาและพยายามขัดขืน และช่วยเหลือเด็กทั้ง 4 คน ซึ่งอยู่ในอาการตกใจ ทราบชื่อภายหลังว่า น้องใหม่ อายุ 10 ปี / น้องปาย อายุ 10 ปี / น้องนุ่น อายุ 11 ปี และ น้องป้าง อายุ 9 ปี ซึ่งทุกคนยังอยู่ในชุดนักเรียน ตรวจในรถพบกระป๋องเบียร์ 2 กระป๋อง

เมื่อผู้ปกครองและญาติมาถึงเด็กทั้ง 4 คนได้โผเข้ากอดพ่อแม่ และญาติพี่น้องที่ออกติดตามหาด้วยความดีใจ ซึ่งทุกคนมีอาการตกใจจากนั้นพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กทั้ง 4 คน ได้พยายามจะรุมประชาทัณฑ์ น.ส.ภัทรกร ด้วยความโกรธแค้น ทำให้เกิดการชุลมุนขึ้น ตำรวจจึงต้องควบคุมตัวพร้อมรถยนต์ไป สภ.กุมภวาปี เพื่อทำการสอบสวน แต่เนื่องจาก น.ส.ภัทรกร มีอาการมึนเมาสุรา พูดจาไม่รู้เรื่อง จึงนำเครื่องเป่าวัดปริมาณแอลกอฮอล์มาเป่า ปรากฏว่าสูงถึง 210 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จึงแจ้งข้อหาเบื้องต้น “ขับรถในขณะมึนเมาสุรา” นำเข้าห้องควบคุม

พ.ต.อ.วิชาญ สุธรรมแปง ผกก.สภ.กุมภวาปี ได้เชิญผู้ปกครองและเด็กทั้ง 4 คน พร้อมด้วยญาติของ น.ส.ภัทรกร ผู้ต้องหามาพูดคุยสอบถาม เพื่อค้นหาข้อเท็จจริง และไกล่เกลี่ย ซึ่งฝ่ายญาติของ น.ส.ภัทรกร ผู้ต้องหาเล่าว่า น.ส.ภัทรกร เมื่อมีอาการเมาสุราหรือเบียร์จะมีอาการเพี้ยน ทำอะไรไม่คิด ควบคุมสติตัวเองไม่ได้ แต่ญาติยืนยันว่าไม่มีการรักษาอาการจิตเวชมาก่อน เรื่องเมาแล้วขับให้ตำรวจดำเนินคดีไปตามกฎหมาย ส่วนเรื่องลักพาตัวญาติคิดว่า น.ส.ภัทรกร คงไม่มีเจตนา หากเมาสุราก็จะมีอาการเพี้ยนแบบนี้ประจำ แต่ผู้ปกครองเด็กยืนยันจะดำเนินคดีจนถึงที่สุด เนื่องจากหวาดกลัวในความปลอดภัยของเด็ก เกรงจะกลับมากระทำเช่นนี้อีก ถือว่าเป็นภัยสังคม หากเมาแล้วขับพาเด็กไปประสบอุบัติเหตุ อาจจะทำให้ได้รับอันตรายถึงชีวิตก็เป็นได้

นางพัชราภรณ์ พลหล้า อายุ 54 ปี กรรมการหมู่บ้านหนองผึ้ง เล่าว่า เห็น น.ส.ภัทรกร ขับรถสีดำมาจอดบริเวณเด็กเล่น และถามจากนั้นก็พาเด็กขึ้นรถ ตนเลยร้องถามว่าจะพาเด็กไปไหน คนขับบอกว่าจะให้เด็กพาไปบ้านยายเบียบ ซึ่งเป็นญาติกัน และจ้างเงินเด็กพาไป แต่เมื่อเด็กขึ้นรถแล้ว กลับไม่ได้ไปบ้านยายเบียบ แต่ขับออกไปจากหมู่บ้านไป ไม่เห็นเด็กกลับมา จึงไปสอบถามยายเบียบว่ามีญาติมาพบหรือไม่ ซึ่งยายเบียบบอกว่าไม่มีใครมาพบ ตนตกใจมาก เกรงว่าเด็กจะถูกลักพาตัว จึงได้ไปแจ้งผู้ปกครองเด็ก และแจ้งผู้ใหญ่บ้านให้ประกาศเสียงตามสาย ให้ช่วยกันติดตามหารถที่ลักพาตัว และไปเอาภาพวงจรปิดที่ร้านขายของชำในหมู่บ้าน นำไปแจ้งตำรวจ โชคดีที่ตามจับได้และพบเด็ก

ส่วน ด.ญ.วันใหม่ เล่าว่า หลังเลิกเรียนได้มานั่งเล่นกันที่ลานบ้านปู่กั้ง ได้มีผู้หญิงขับรถมาถามหาบ้านยายเบียบ และจ้างให้พวกตนพาไปบ้านยายเบียบคนละ 250 บาท รวม 4 คน 1000 บาท พวกตนจึงขึ้นรถพาผู้หญิงซึ่งมีอาการเมาเหล้ามากไปที่บ้านยายเบียบ แต่กลับขับรถออกจากหมู่บ้านไป ซึ่งตนก็รู้สึกกลัวมาก เห็นรถจักรยานยนต์ขี่ตามหลังว่าจะร้องขอความช่วยเหลือแต่ก็ไม่กล้า ผู้หญิงคนดังกล่าวพาขับรถไปเรื่อยๆ เสร็จแล้วพากลับมาที่ร้านสะดวกซื้อบ้านพันดอน ให้พวกตนลงไปหยิบเอาอะไรก็ได้ในร้าน ทุกคนก็ลงไปหยิบ แต่ตนได้ไปบอกผู้จัดการในร้านให้โทรหาแม่ 3 ครั้ง แม่ไม่รับสาย ซึ่งผู้จัดการก็รู้ว่าพวกตนถูกลักตัวมา และตำรวจก็มาพอดี “พอมีคนช่วย มีตำรวจมา และพ่อแม่มา ก็รู้สึกดีใจ ผู้หญิงคนนี้เมามาก พูดไม่รู้เรื่อง ต่อไปจะไม่ไปไหนกับคนแปลกหน้า ตามที่พ่อแม่เคยบอกไว้ว่า เขาจะพาไปตัดแขนตัดขา”

พ.ต.อ.วิชาญ สุธรรมแปง ผกก.สภ.กุมภวาปี จากทั้งสองฝ่ายได้เจรจากัน ยังไม่สามารถตกลงกันได้ ตำรวจจึงแจ้งญาติ น.ส.ภัทรกร ข้อหาเมาแล้วขับ ส่วนข้อหาลักพาตัวเด็กนั้น ขึ้นอยู่กับผู้ปกครองเด็กว่าจะแจ้งความดำเนินคดีหรือไม่ แต่ก็ให้พนักงานสอบสวนเก็บข้อมูลไว้ เพื่อดำเนินการ หากผู้ปกครองเด็กทั้ง 4 คนต้องการดำเนินคดี โดยจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย