"บิ๊กก้อง" เผยหลักฐานคลิปเสียง-เส้นทางการเงิน เอาผิด "ศรีสุวรรณ-พวก" ส่วนเมียพี่ศรี ยังไม่พบความผิดร่วมด้วย

จากกรณีตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. จับกุม นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน, นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก ประธานกลุ่มรวมใจรักชาติ และ น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อดีตผู้สมัคร สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ (ในฐานะเลขานุการนายยศวริศ) หลังได้รับร้องเรียนว่า ร่วมกันข่มขู่เรียกเงินจำนวน 3 ล้านบาทจากอธิบดีกรมการข้าว เพื่อแลกกับการยุติเรื่องร้องเรียนโครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการปลูกข้าว และโครงการปรับปรุงการผลิตสำหรับผู้ปลูกข้าว นั้น

ล่าสุด วันนี้ (27 ม.ค.67) พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า คดีนี้เริ่มมีหนังสือร้องเรียนหรือบัตรสนเท่ห์มาที่หน่วยงานตั้งแต่ต้นปี 2566 กระทั่งช่วงปลายปี 2566 กลุ่มผู้ต้องหาเริ่มมีการไปคุยเรียกรับเงินกับกลุ่มผู้เสียหาย ต่อมาวันที่ 4 ม.ค.67 ฝ่ายผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์กับ บก.ปปป. เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนจนได้พยานหลักฐานพอสมควร เพื่อขอศาลออกหมายจับ ซึ่งศาลได้มีการอนุมัติทั้ง 3 หมายจับพร้อมเพรียงกัน

ทั้งนี้ จากรายงานการสืบสวนจะพบว่าทั้งสามมักมีการแถลงข่าวด้วยกันหลายหน ส่วนทางผู้ต้องหาผู้หญิงก็มีความสนิทสนมกับทางนายยศวริศพอสมควร ส่วนเรื่องเส้นทางการเงินระหว่างกลุ่มผู้ต้องหา พนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานชัดเจนหลายรายการ อาทิ รายการเส้นทางการเงินของการทำธุรกรรม และคลิปเสียงสนทนา เป็นต้น

“นอกเหนือจากผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ที่มีการระบุถึงบัญชีม้า และ การกล่าวอ้างชื่อผู้ใหญ่นั้น ผู้ต้องหาทุกคนให้การปฏิเสธ และขอทำเอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหานำส่งให้พนักงานสอบสวนในภายหลัง เพราะยังไม่ขอให้การใด ซึ่งทั้งหมดจะต้องนำส่งเอกสารภายใน 15 วัน โดยก่อนหน้านี้ ป.ป.ช. เป็นผู้ดำเนินการ แต่เมื่อพบว่าเข้าข่าย จึงส่งพยานหลักฐานและสำนวนให้ ปปป. สอบสวน หากคดีเสร็จสิ้นและพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องในคดี ทางพนักงานสอบสวน ปปป. จะต้องเร่งสรุปสำนวนส่งให้อัยการ และแจ้งให้ทาง ป.ป.ช. รับทราบ”

ส่วนประเด็นเรื่องผู้ต้องหาทิ้งเงินของกลาง หรือการแขวนเงินไว้ที่รั้วบ้าน ผู้ต้องหาให้การเพียงบางส่วน และยังขอละเว้นไม่ให้การในบางประเด็น โดยผู้ต้องหาจะให้การอะไรในชั้นสอบสวนก็ยินดีรับฟัง เราจะใช้ความยุติธรรมในการสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์ ซึ่งตอนนี้ก็ค่อนข้างแน่นพอสมควร หากผู้เสียหายต้องการให้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม พนักงานสอบสวนก็พร้อมรับเข้าสำนวนเช่นกัน ส่วนกรณีภรรยานายศรีสุวรรณ เบื้องต้นยังไม่มีความผิดร่วมด้วย พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างสืบสวนต่อไป และหากคดีมีความคืบหน้าอย่างไร จะมอบหมายให้คณะทำงานมาแถลงความคืบหน้าแก่สาธารณชนให้รับทราบกันต่อไป