จากกรณีเมื่อวันที่ 21 ม.ค. ที่ผ่านมา เวลา 16.12 น. ศูนย์วิทยุหน่วยกู้ชีพ-กู้ภัยสมาคมพุทธประทีปหลังสวน (สำนักงานใหญ่) รับแจ้งจาก 1669 เหตุโดนทำร้ายร่างกายที่เกิดเหตุ ถ.เลียบชายทะเล หน้าฟาร์มกุ้งแห่งหนึ่ง ม.13 ต.บางมะพร้าว อ.หลังสวน จ.ชุมพร เจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัยพุทธประทีปฯ ถึงที่เกิดเหตุพบผู้บาดเจ็บคือ นายเรวัต อายุ 42 ปี โดนพันธนาการด้วยเชือกทั้งมือและเท้า มีบาดแผลบริเวณศีรษะ ฉีกขาดจำนวน 2 แผล 10-15 ซม. และ 5-10 ซม. ฉีกขาดบริเวณหน้าแข้งซ้าย 1-2 ซม. ถลอกตามร่างกาย รู้สึกตัวดี ทีมกู้ชีพฯ ให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำส่งห้องฉุกเฉิน รพ.ปากน้ำหลังสวน



ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุซึ่งจะอยู่บริเวณชายหาดคอเขา ต.บางมะพร้าว อ.หลังสวน จ.ชุมพร จากนั้นทีมข่าวได้เข้าพูดคุยกับ นายณัฐวุฒิ อายุ 30 ปี ผู้ก่อเหตุ หรือพ่อของน้องเนย อายุ 11 ขวบ เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า สาเหตุที่ตนและน้องชายไปตีนายเรวัตเกิดจาก ความคับแค้นใจที่เขามาทำอนาจารลูกสาวของตนที่อายุเพียง 11 ขวบ เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา โดยตนมาทราบเรื่องนี้เมื่อวันที่ 20 มกราคม เพราะครูประจำชั้นของลูกสาวโทร. มาบอกว่า ลูกสาวเล่าให้ฟังว่าถูกนายเรวัตทำอนาจาร โดยการใช้ลิ้นและนิ้วสอดใส่เข้าอวัยวะเพศของน้อง

หลังทราบเรื่องจึงคุยกับลูกสาวและพาเขาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลหลังสวน จากนั้นในวันที่ 21 มกราคม ช่วงเช้าจึงได้พาลูกสาวเข้าแจ้งความที่ สภ.หลังสวน หลังจากจัดการเรื่องที่ สภ. เสร็จ จึงได้เดินทางกลับบ้าน ระหว่างที่กลับตนได้ถามลูกสาวว่านายเรวัตทำลูกที่ไหน ลูกจึงพาไปที่นั่น โดยพอไปถึงได้บังเอิญพบนายเรวัตจอดรถนั่งอยู่ตรงนั้นพอดี ตนจึงรีบกลับไปส่งลูกที่บ้าน และเดินทางกลับมาหานายเรวัตตรงริมหาดอีกครั้ง โดยตนมา 3 คน มีตน อา และลูกพี่ลูกน้องตน

พอไปถึงตนจึงเดินเข้าไปถามว่าเขามาทำอนาจารลูกตนจริงหรือไม่ และจะพาเขาไปส่งตำรวจ แต่เขาไม่ยอมรับ และพยายามจะสู้ ตนกับเขาจึงได้ต่อยกัน ก่อนตนจะพบไม้วางอยู่แถวนั้น จึงได้คว้ามาตีเขาจนเขายอม จากนั้นตนจึงได้เอาเชือกไนล่อนที่มีอยู่บนรถตนมามัดมือเท้าเขาไว้ เพื่อไม่ให้เขาหนีไปไหน



จากนั้นตนจึงโทร. แจ้งตำรวจว่าเจอตัวเขาแล้วให้ตำรวจมารับตัวไป แต่ตำรวจไม่สามารถมาได้เพราะตำรวจยังไม่มีหลักฐานว่าเขาทำลูกตน ตนจึงทิ้งเขาไว้ตรงนั้นและเดินทางไปหาตำรวจ และบอกตำรวจว่าตนตีเขาแล้วทิ้งไว้ตรงนั้น ตำรวจจึงเดินทางไปดู

ตนยอมรับว่าตนโกรธจริง ๆ อยากให้ลองนึกถึงจิตใจของคนเป็นพ่อ ที่มีคนมาทำลูกสาวตัวเอง ทั้งที่ลูกสาวตนอายุเพียงแต่ 11 ขวบ ยังไม่จบ ป.6 ด้วยซ้ำ ตนจะทนได้อย่างไร ตนโกรธมาก ๆ หากเขาจะดำเนินคดีที่ตนไปตีเขา ตนก็ยอมรับ แต่เขาก็จะต้องโดนคดีที่มาทำอนาจารล่วงเกินลูกสาวตนเช่นกัน ตนพร้อมสู้คดี

โดยทีมข่าวยังได้คลิปเสียงที่ครอบครัวของน้องเนย ได้ให้น้องเนยโทร. ไปหลอกล่อนายเรวัตให้ออกมาเจอ โดยระหว่างการสนทนาน้องเนยได้มีการหลอกนายเรวัตว่า อยากได้โทรศัพท์ นายเรวัตก็ได้มีการตอบกลับมาว่า “หากวันนั้นยอมให้เขาทำ ก็ซื้อให้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”

จากนั้นน้องเนยจึงหลอกต่อว่า ให้นายเรวัตซื้อโทรศัพท์และเอามาให้วันนี้เลย แต่นายเรวัตบอกว่าค่ำแล้วค่อยวันหลัง จากนั้นนายเรวัตยังมีการถามน้องกลับว่า “แล้วยอมให้ลุงทำเหรอ รู้ใช่ไหมว่าลุงทำอะไร ก็โตเป็นสาวแล้วน่าจะรู้ได้แล้วว่าทำอะไร ไม่เสียหายหรอก”



นอกจากนี้นายเรวัตยังได้มีการถามน้องอีกว่า “แล้ววันนั้นที่ลุงทำไม่กลัวเหรอ เห็นตอนแรก ๆ กลัว วันนี้ไม่กลัวแล้วเหรอ อยากได้เหรอ จริง ๆ ถ้าวันนั้นยอมก็ได้แล้ว ลุงพาไปซื้อแล้ว”

ด้านนางสาวเตย (นามสมมุติ) ลูกพี่ลูกน้องของน้องเนยเด็ก 11 ขวบ เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า สาเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้น้องเนยเล่าให้ตนฟังว่า เรื่องเกิดเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2567 ป้าของตนได้นัดเจอกับนายเรวัต ซึ่งทั้งคู่คุยกันจากแอปฯ หาคู่ โดยป้าตนได้พาน้องเนยไปด้วย เนื่องจากนัดกันริมชายหาด และน้องเนยอยากไปเล่นชายหาดจึงไปกับป้าด้วย



พอไปถึงได้สักพักป้าได้ออกไปซื้อของร้านค้า และปล่อยน้องเนยไว้กับนายเรวัตสองต่อสอง จากนั้นนายเรวัตได้ให้น้องขึ้นไปนั่งบนรถกระบะของเขา และเอาแมสก์ปิดตาน้องพร้อมทั้งเอาเทปมัดปากน้องไว้ และกระทำอนาจารน้องโดยการใช้ลิ้นและนิ้วมือของเขาสอดใส่เข้าอวัยวะเพศของน้องเนย น้องเนยพยายามดิ้นจนหลุดและวิ่งหนีออกจากรถไป จากนั้นเขาจึงได้ขับรถหลบหนีไป พอป้ากลับมาน้องเนยไม่กล้าเล่าให้ป้าฟัง จึงได้พากันกลับบ้าน

จากนั้นทุกคนในครอบครัวเริ่มสังเกตุเห็นว่าน้องเนยเปลี่ยนไปพูดน้อยดูซึม ๆ จนมาวันที่ 20 มกราคม ครูประจำชั้นของน้องเนยได้โทร. มาบอกพ่อว่าน้องเนยเล่าให้ครูฟังว่าถูกทำอนาจาร ทางครอบครัวจึงได้มีการคุยกันว่าจะทำอย่างไร แล้วจึงพาน้องไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล จากนั้นจึงได้ไปแจ้งความที่ สภ.หลังสวน ในวันที่ 21 มกราคม ช่วงเช้า จนพ่อบังเอิญไปพบนายเรวัต คนที่ทำน้องเนยที่จุดเกิดเหตุ จึงได้ไปตีเขาตามที่ข่าวออกไป