เหยื่อเมาแล้วขับร้องเพจสายไหมต้องรอด แฟนสาวดับ ตัวเองเจ็บสาหัส คู่กรณีไร้เหลียวแล พนักงานสอบสวนไม่เคยเรียกสอบ แถมให้หาหลักฐานกล้องวงจรปิดเอง

วันที่ 7 ม.ค. 2567 ที่สำนักงานสายไหมต้องรอด ซ.สายไหม 38 แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายคเณศ หรือเจมส์ น้าชาย พร้อมด้วยนายลุ ผู้บาดเจ็บ อายุ 35 ปี และ น.ส.ณีรนุช หรือส้ม อายุ 31 ปี น้องสาวของ น.ส.ไพรินทร์ ผู้เสียชีวิต อายุ 41 ปี เข้าขอความเป็นธรรมกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังถูกผู้ก่อเหตุขับรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น JAZZ สีเทา เมาแล้วขับ จนชน น.ส.ไพรินทร์ เสียชีวิต และชนนายลุ ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่กลับไม่มีการรับผิดชอบเยียวยาใดๆ ไม่มีการเจรจา และตำรวจ สน.บางเขน ยังไม่เรียกสอบปากคำผู้เสียหาย ทั้งยังให้ประกันตัวคู่กรณีในชั้นสอบสวน

นายคเณศ ญาติผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า วันเกิดเหตุ วันที่ 30 ธ.ค. 2566 เวลา 17.40 น. ซ.รามอินทรา 8 บริเวณหน้าวัดไตรรัตนาราม เขตบางเขนนายลุ ซึ่งเป็นหลานชายของตน ได้ขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น SCOOP I สีดำ แดง มีแฟนสาว คือ น.ส.ไพรินทร์ อายุ 41 ปี นั่งซ้อนท้ายเพื่อไปซื้อสินค้าที่ร้านขายปลีก-ส่ง จากนั้นได้ถูกคู่กรณี ทราบชื่อ คือ นายสมควร (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี ขับรถรถยนฮอนด้า รุ่น JAZZ สีเทา ขับชนด้านหน้าอย่างจัง จนร่างทั้งคู่กระเด็นไกลตกจากรถจักรยานยนต์ น.ส.ไพรินทร์ ได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที และยังกวาดชนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่จอดบริเวณนั้นไปด้วยร่วม 3 คัน ชนแผงร้านค้าหลายร้าน อีกทั้งในวันเกิดเหตุ คู่กรณีลงจากรถยนต์มาด้วยอาการมึนเมา เพราะก่อนหน้านี้ตามคำบอกเล่าของพยาน พบว่าคู่กรณีได้มีการไปจอดซื้อยาดองก่อนขับอย่างไวเข้ามาในซอยจนเกิดอุบัติเหตุขึ้น ทำให้ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนต่างรุมสหบาทา เพราะเจ้าตัวมีอาการเมาคลั่ง กร่างว่าชนแล้วมีปัญหาอะไร

ในวันเดียวกันนั้น ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความที่ สน.บางเขน กับพนักงานสอบสวน ฐานความผิดขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนรถ (ทรัพย์สิน) ผู้อื่นเสียหาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ขับรถโดยประมาท มีผู้ได้รับอันตรายสาหัส ทรัพย์สินเสียหาย

แต่สุดท้าย น.ส.ไพรินทร์ เสียชีวิตลงในวันที่ 2 ม.ค. 2567 ขณะที่นายลุเข้ารับการรักษาด้วย พ.ร.บ.มอเตอร์ไซค์ ที่ รพ.โรงพยาบาลเปาโล เกษตร ค่าใช้จ่าย 37,000 บาท จากนั้นต้องกลับมาใช้สิทธิประกันสังคมที่ รพ.นวมินทร์ 1 ค่าใช้จ่ายการรักษาต่างๆ ต้องจ่ายเองทั้งหมด เพราะหลานชายได้รับอาการบาดเจ็บ คือ ศีรษะแตก นิ้วก้อยข้างซ้ายหัก ส่วนหน้าแข้งข้างซ้ายเป็นแผลฉกรรจ์ หัวเข่าขาขวากระดูกโผล่ ต้องผ่าตัดใส่เหล็ก หากจะกลับมาเดินต้องกายภาพบำบัด ซึ่ง รพ.นวมินทร์ 1 ได้ออกใบรับรองแพทย์ให้พักรักษาตัวนาน 2 เดือน ทำให้หลานชายทำงานไม่ได้ ขาดรายได้ แต่คู่กรณีกลับไม่เคยมาประสานพูดคุยหรือเจรจาเยียวยาใด รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่เคยเรียกหลานชายของตนไปสอบถามเลยสักครั้ง ภาพจากกล้องวงจรปิดก็ต้องหาเอง

นายคเณศ กล่าวอีกว่า คู่กรณีได้ถูกวัดแอลกอฮอลล์เกินกว่า 296 มิลลิกรัม และทราบว่าได้รับการประกันตัวในชั้นสอบสวนไปแล้ว แต่ตนเเคลงใจว่าทั้งเมาและขับรถไว แถมยังเมาในช่วง 7 วันอันตราย ขับรถโดยประมาท เหตุใดตำรวจจึงอนุญาตประกันตัวชั่วคราว ตนจึงขอให้ทางสายไหมต้องรอดช่วยประสานความคืบหน้าทางคดี โดยเฉพาะการติดต่อเราในฐานะผู้เสียหาย เพราะการสูญเสียที่เกิดขึ้น พวกเราในฐานะญาติต้องรับผิดชอบเดินเรื่องเองหมด จนในเย็นวันนี้ เวลา 17.00 น. น.ส.ไพรินทร์ แฟนของหลานชายจะต้องมีพิธีเผาศพที่วัดไตรรัตนาราม แต่ก็ยังไม่มีการแสดงความรับผิดชอบใดๆ จากคู่กรณี และตนยังพบว่ารถยนต์คู่กรณี พ.ร.บ.ไม่มี ประกันไม่มี ภาษีขาด จึงอยากขอความเป็นธรรม ทั้งนี้ รถยนต์คู่กรณีพังแค่ด้านหน้า แต่รถจักรยานยนต์ของหลานชายเราพังยับ และทราบจากพยานบุคคลว่าคู่กรณีมีอาชีพรับเหมาก่อสร้างในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งแถวนั้น แต่ตนก็ไม่เคยได้เจอตัวจริง

ขณะที่นายลุ กล่าวว่า ตนอยากให้คู่กรณีออกมารับผิดชอบ มาหามาพบเรา มาไกล่เกลี่ยกับเรา เพราะเราเสียใจมากๆ เรามีลูก 1 คน อายุ 14 ปี ที่ต้องเลี้ยงดู และแฟนก็เป็นคู่ชีวิตเรา ตนอยากให้เย็นวันนี้ คู่กรณีมาเคารพศพแฟนสาวด้วย เขาต้องรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเงินที่ใช้ในการจัดงานศพแฟนก็ต้องเอาทองไปจำนำเป็นเงินสดออกมา เราไม่มีเงินมากมาย ตั้งใจจะเก็บทองไว้ให้เป็นสมบัติของลูก แต่กลับต้องมาใช้จัดงานศพเช่นนี้

ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า หลังจากนี้ตนจะประสานไปยัง พ.ต.อ.อนันต์ วรสาตร์ ผกก.สน.บางเขน ให้เเจ้งข้อหาที่ครอบคลุมที่สุด และหนักที่สุดตามพฤติการณ์ความผิด เพราะงานศพนั้น คู่กรณีจะต้องเยียวยาช่วยเหลือ ไม่ใช่ไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ พร้อม ฝาก สสส. หรือหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ช่วยให้ช่องทางติดต่อตนด้วย ต้องเอาเงินมาช่วยเหลือผู้เสียหายจากกรณีถูกชนจากกลุ่มคนเมาแล้วขับ เพราะตนต้องเรียนตามตรงว่าตนไม่เคยเห็นหน่วยงานมาจ่ายเยียวยา ตนทำเคสแบบนี้มาเยอะ เหยื่อไม่เคยได้รับการติดต่อเลย รวมถึงร้านยาดองที่ขายให้คู่กรณีผู้บาดเจ็บ ทั้งๆ ที่ก็เห็นคนเมาอยู่แล้ว กลับยังขายให้อีก อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการชดเชยเยียวยามันจะทดแทนไม่ได้ แต่เราก็ต้องคืนความเป็นธรรมให้ได้ที่สุด และในวันทำการปกติตนจะพาผู้เสียหายและครอบครัวไปยื่นเรื่องขอรับการคุ้มครองสิทธิ จากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม

ส่วน พ.ต.อ.อนันต์ วรสาตร์ ผกก.สน.บางเขน เปิดเผยว่า ในเบื้องต้นหลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุและผู้ก่อเหตุ พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิด และได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาในเบื้องต้นในข้อหาเมาแล้วขับและข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ต่อมาภายหลังพบว่า หนึ่งในผู้เสียหายเสียชีวิต จึงได้เรียกผู้ก่อเหตุมารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแล้ว ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ไปเมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2567 และหลังจากนี้จะเรียกผู้เสียหายทั้งหมดมาเจรจาเยียวยา พร้อมยืนยันว่าเรื่องไม่ได้เงียบหาย และพยายามให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย