จากกรณีคนร้ายก่อเหตุใช้ของแข็งทุบศีรษะนายพรมจักร อายุ 33 ปี ชาวลาว และใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดจ่อยิง น.ส.วิชุดา อายุ 50 ปี พนักงานปั๊ม ชาว บ้านดอนม่วง เสียชีวิต คาที่ เหตุเกิดเวลาประมาณ 22.00 น. วันที่ 29 ธ.ค.2566 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

 

ทีมข่าวช่อง 8 ได้กล้องวงจรปิด แถวหมู่บ้านของนางสาววิชุดา ผู้เสียชีวิต ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 3 กิโลเมตร

 

ในกล้องวงจรปิดเวลา วันที่ 29 ธันวาคม 2566 เวลา 20.52.16 จะได้ยินเสียงดังของพลุ เวลา 20.52.44 จะได้ยินเสียงดังคล้ายปืน และเวลา 20.53.28 ได้ยินเสียงดังคล้ายปืน โดยเสียงดังของพลุ และเสียงคล้ายปืนที่เกิดขึ้นนั้น ก็ไม่อาจระบุว่าเป็นเสียงปืนขณะเกิดเหตุ เนื่องจากคืนที่เกิดเหตุ จากการสอบถามชาวบ้าน พบว่าโรงงานใกล้จุดเกิดเหตุมีการจัดงานเลี้ยงทั้งจุดพลุ และมีชาวบ้านยิงปืนล่านก บริเวณนั้น จึงไม่อาจระบุยืนยันแน่นอนได้ว่าเป็นเสียงปืนที่คนร้ายยิงผู้เสียชีวิตหรือไม่

 

ล่าสุดผลการชันสูตรศพจากโรงพยาบาลศรีนครินทร์ พบว่า น.ส.วิชุดา เสียชีวิตจากการ ขาดอากาศหายใจ และถูกจ่อยิงที่แก้มซ้ายทะลุท้ายทอย ส่วนนายพรหมจัก พบว่ามีร่องรอยการต่อสู้ในที่เกิดเหตุ ก่อนถูกจ่อยิงในลักษณะเผาขน โดยในวันเกิดเหตุไม่พบปลอกกระสุนหรือหัวกระสุน ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ

 

ขณะที่วันนี้ 1 มกราคม 2567 เวลาประมาณ 10.30 น. ตำรวจชุด EOD ของภูธรจังหวัดนครพนม ได้นำเครื่องตรวจจับโลหะมาสแกน หาวัตถุพยานบริเวณรอบปั๊มน้ำมันที่เกิดเหตุนานกว่า 2 ชั่วโมง เพื่อหาปลอกกระสุนปืนและหัวกระสุนปืนที่ใช้ก่อเหตุ

 

ด้านญาติของนายพรหมจัก ได้ไปติดต่อขอรับศพที่ รพ.นครพนม หลังส่งกลับจากชันสูตรที่ รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น แล้วนำมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดโคกเกลี้ยง ต.นาทราย โดยมีนายเกียงคำ อายุ 66 ปี และนางตุ่นคำ อายุ 63 ปี พ่อและแม่ของนายพรหมจัก ผู้ตาย พร้อมญาติได้เดินทางมาจากเมืองคำเกิด แขวงบริคำไชย หลังทราบข่าวนายพรหมจัก เสียชีวิต ทันที

 

โดยทันทีที่พบศพลูกชายนายเกียงคำ และนางตุ่นคำ ต่าง พากันกอดญาติพี่น้องร้องไห้ปริ่มจะขาดใจ ซึ่งนางตุ่นคำ แม่ผู้ตาย ได้จุดธูปไว้อาลัยและเดินไปเคาะโลงศพบอกลูกชายว่า ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวคนร้ายที่ก่อเหตุมาลงโทษโดยเร็วเพื่อให้วิญญาณ จะได้ไปสู่สุคติ โดย กล่าวว่า หากตำรวจจับคนร้ายได้อยากจะถามว่าฆ่าผู้ตายเพราะอะไร โดยจะมีพิธีฌาปนกิจศพนายพรหมจัก ในวันที่ 4 ม.ค.2567

 

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.)ภ.จว.นครพนม ได้เดินทางมาที่วัดเพื่อตัดเล็บของนายพรหมจัก ผู้ตาย เพื่อนำเศษชิ้นเนื้อไปตรวจดีเอ็นเอ และนำไปเทียบเคียงกับของผู้ต้องสงสัย 3 รายที่ชุดสืบสวนนำตัวมาสอบปากคำก่อนหน้านี้ หลังผลชันสูตรพบว่าก่อนที่นายพรหมจัก จะเสียชีวิตมีการต่อสู้กับคนร้าย ก่อนจะถูกยิงเสียชีวิต

 

โดยนอกจากประเด็นขัดแย้งเรื่องขัดผลประโยชน์บิลน้ำมันผีของรถกู้ชีพแห่งหนึ่งแล้ว ตำรวจชุดสืบสวนยังได้นำตัว 2 ใน 3 ผู้ต้องสงสัยมาสอบเค้นแล้ว ยังพุ่งเป้าไปที่ประเด็นชู้สาว เนื่องจากก่อนหน้าที่ น.ส.วิชุดา จะเสียชีวิตพบโทรศัพท์ปริศนาเข้ามาที่เครื่องหลายครั้ง แต่ผู้ตายไม่ยอมรับ อีกทั้งพบภาพเบียร์ 5 ขวดและข้อความทางแชทไลน์ของนายพรหมจัก ที่ส่งเข้าในกลุ่มไลน์เด็กปั๊ม ก่อนเสียชีวิตทั้งคู่

 

นอกจากนี้ยังมีพยาน 2 คนระบุว่า ช่วง21.00 น.หลังปั๊มน้ำมันปิดตัวลงแล้ว พบรถกระบะเก่าคันหนึ่งขับมาเติมน้ำมัน ผู้ที่มาเติมได้ใช้มือถือแสกนแทนเงินสด แต่นายพรหมจัก และ น.ส.วิชุดา ผู้ตายทั้งคู่ ใช้แอปพลิเคชั่นเก็บเงินไม่เป็น พยาน 2 คนนี้จึงอาสาทำให้ ซึ่งพบว่ารถกระบะคันดังกล่าวมีลักษณะ ตรงกับผู้ต้องสงสัย ซึ่งเป็นอดีตนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่ง และมีการส่งแชตไลน์ในลักษณะชู้สาวและโทรศัพท์เข้ามือถือ น.ส.วิชุดาก่อนถูกฆาตกรรมอีกด้วยด้วย

 

เวลา 17.00 น. วันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 4 ได้พาตัวนายสิน นามสมมติ พยานคนที่เติมน้ำมันคนสุดท้าย ก่อนเกิดเหตุ (เติมน้ำมันเวลา 20.47 น.) มาที่จุดเกิดเหตุ เพื่อสอบสวน และให้นายสิน ชี้จุดที่เติมน้ำมันเทียบเคียงเหตุการณ์คืนเกิดเหตุ

 

จากนั้นนายสิน ได้เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า ก่อนเกิดเหตุ ตัวเองได้กลับจากกินเลี้ยงในที่ทำงานในพื้นที่ อำเภอเมืองจังหวัดนครพนม ซึ่งก่อนจะถึงบ้าน ตัวเองได้แวะเติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันดังกล่าว เวลา 20.47 น. โดยเติม 500 บาท จากนั้นตัวเองก็สแกนจ่ายเงินตามปกติ ตอนที่ตัวเองเติมน้ำมันนั้น พบว่าผู้เสียชีวิตทั้งสองราย ยังมีชีวิตอยู่และเขาก็เติมน้ำมันให้ตัวเองปกติ

 

จากนั้นตัวเองก็ขับรถกระบะออกจากปั๊มน้ำมัน เพื่อเดินทางกลับบ้าน ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ ประมาณ 5 กิโลเมตร โดยตอนที่ตัวเองขับรถออกมาจากปั๊ม ตัวเองไม่เห็นบุคคลต้องสงสัย และไม่เห็นมีรถต้องสงสัยจอดอยู่บริเวณนั้นเลย เพราะตัวเองก็ไม่ได้สังเกตอะไรมาก เนื่อจาก ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น กระทั่งช่วงเช้าของวันที่ 30 ธันวาคม 2566 ตัวเองถึงมาทราบข่าวว่า พนักงานปั๊มสองคนที่ตัวเองเพิ่งไปเติมน้ำมันมาเมื่อคืน เขาได้เสียชีวิตแล้ว

 

ส่วนตัวไม่รู้จักกับผู้เสียชีวิตทั้งทั้งสองเป็นการส่วนตัว เคยคุยกันเฉพาะตอนที่ไปเติมน้ำมัน

 

ส่วนกรณีที่มีคนนำเบียร์จำนวน 5 ขวด มาให้กับนายพรหมจักร ก่อนเกิดเหตุนั้น ตัวเองก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเอามาให้กับคนตาย เพราะตอนที่ตัวเองไปเติมน้ำมันนั้น ตัวเองไม่เจอลูกค้าคนอื่นอยู่ที่ปั๊ม

 

ด้านนางสาววรินทร์ธร อายุ 25 ปี ลูกสาวของนางสาววิชุดา ผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อคืนวันที่ 29 ธันวาคม 2566 ก่อนเกิดเหตุ เวลาเกือบ 3 ทุ่ม ตัวเอและแฟนหนุ่ม ได้มาที่ปั๊มจุดเกิดเหตุ เพื่อจะไปบอกแม่ว่า จะไปต่างจังหวัด วันนั้นตัวเองขอยืนยันว่า แฟนหนุ่มของตัวเองได้เห็นรถกระบะของนายสินจริง ซึ่งตอนนั้นก็เห็นนายสิน เติมน้ำมัน และสแกนเงินอยู่ ก่อนที่ตัวเองและแฟนหนุ่ม จะขับรถออกจากปั๊มเพื่อไปต่างจังหวัด

 

ซึ่งตัวเองก็ไม่รู้ว่านายสินเขาจะเห็นอะไรหรือไม่ เพราะเขาเติมน้ำมันเป็นคนสุดท้าย

 

ลูกสาวของผู้เสียชีวิตยังบอกกับทีมข่าวอีกว่า วันนี้ผลชันสูตรเบื้องต้นของแม่ได้ออกมาว่า “ขาดอากาศจากการกดรัดบริเวณลำคอ และถูกยิงบริเวณใบหน้า” ทำให้ตัวเองคิดว่าแม่น่าจะถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายด้วยการบีบคอ ก่อนจะถูกโดนยิงทีหลัง ซึ่งตัวเองมองว่าคนก่อเหตุเขากระทำอย่างโหดเหี้ยมมาก ทั้งที่แม่ไม่เคยกับใครมาก่อน ส่วนผลชันสูตรอย่างละเอียดต้องรอประมาณ 20-30 วัน