แม่สงสัย "ลุงพล" ก่อไฟเผาเสื้อชมพู่

ด้านนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่น้องชมพู่ ได้เปิดใจกับช่อง 8 ถึงประเด็นใหม่ล่าสุดที่พ่อแบมบอกว่า หลังเจอศพน้องชมพู่หนึ่งวัน พ่อแบมได้เห็นลุงพลเกาะกองไฟเผาอะไรบางอย่างอยู่ข้างบ้านนั้น ความคิดเห็นของแม่น้องชมพู่จะคิดเป็นการทำลายหลักฐานทางคดีหรือไม่ แม่น้องชมพู่ตอบทีมข่าวในประเด็นนี้ว่า สำหรับพยานหลักฐานในคดีน้องชมพู่ที่ไม่เจอในที่เกิดเหตุ คือเสื้อของน้องแต่หากถามว่าการที่ลุงพลเผาอะไรบางอย่าง จะเชื่อมโยงกับเสื้อของน้องชมพู่ที่หายไปไม่นั้น ตัวเองก็คิดว่ามีส่วนเหมือนกัน แต่ตัวเองก็ไม่มีหลักฐานที่จะไปกล่าวหาเขาในประเด็นนี้



น้องชมพู่เล่าถึงบรรยากาศในบัลลังก์ให้กับทีมข่าวฟังว่า ตอนที่อ่านคำพิพากษา ในประเด็นที่ตัวเองคาใจ แล้วคำพิพากษาในประเด็นนั้น ๆ ออกมา ตัวเองก็ได้แอบมองสีหน้าของคู่กรณี ก็พบว่าสีหน้าที่นิ่ง ลักษณะคล้ายกับว่าเขาเตรียมใจหรือทำใจไว้แล้ว

ส่วนเรื่องแนวทางในการต่อสู้คดีหลังจากนี้ ตัวเองก็จะมีการปรึกษาทนายความและต่อสู้กันไปตามขั้นตอนต่อไป สุดท้ายนี้ก็อยากจะบอกดวงวิญญาณของน้องชมพู่ว่า “ให้น้องไปเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ ตรงนี้ไม่มืดมนอีกแล้ว มีความกระจ่างแล้ว”

แม่ชมพู่เชื่อ "ลุงพล" ร้องไห้กับศพเป็นการแสดง

กรณีที่ลุงพลร้องไห้ฟูมฟาย ในตอนที่เจอศพของน้องชมพู่เมื่อตอนค่ำของวันที่ 14 พฤษภาคมนั้น แม่น้องชมพู่ เผยว่า ตัวเองยอมรับเลยเหตุการณ์นั้นก็เป็นพิรุธบางอย่างให้กับครอบครัวตัวสงสัยมาเหมือนกัน ซึ่งตัวเองก็ได้แต่เก็บพิรุธตรงนั้นเก็บไว้ แล้วบอกตำรวจไปว่า ตัวเองสงสัยพฤติกรรมของลุงพลในจุดนี้ ส่วนตำรวจจะสงสัยเหมือนตัวเองหรือเปล่าก็แล้วแต่กระบวนการ

ด้วยตัวเองมองว่าการร้องไห้ของลุงพลในวันที่เจอศพน้องชมพู่นั้น เขาไม่ได้ร้องไห้จากใจจริง ๆ มันเหมือนการแสดงถ้าคนร้องไห้จริง ๆ น้ำเสียงจะต้องไปพร้อมกับน้ำตา แต่สิ่งที่ตัวเองเห็นเห็นลุงพลร้องไห้นั้น มันเหมือนเป็นการพยายามร้องไห้มากกว่า

แม่เชื่อ "ลุงพล" ตัดผมชมพู่สะกดวิญญาณ

กรณีคำตัดสินของศาล พูดถึงเรื่องของเส้นผมของน้องชมพู่ที่โดนตัด (กล่าวว่าเส้นผม 1 เส้น ที่ตกอยู่ในรถยนต์จำเลยที่ 1 มีองศาของรอยตัด หน้าตัด และพื้นผิวด้านข้างตรงกันกับเส้นผมผู้ตาย 2 เส้นนั้น) ยอมรับว่าประเด็นเส้นผมถูกตัดนั้น ตัวเองก็พอรู้กับเจ้าหน้าที่มาตั้งแต่ปี 2565 แล้ว ซึ่งตัวเองคิดว่า การที่จำเลยที่หนึ่งเค้าตัดเส้นผมของน้องชมพู่ไปนั้น เขาน่าจะเอาไปทำไสยศาสตร์เพื่อสะกดวิญญาณ เพราะตัวเองก็เคยคิดเรื่องนี้มาเหมือนกัน เพราะก่อนจะเกิดเหตุเท่าที่ตัวเองสัมผัสกับลุงพล เขาเป็นคนชอบเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับหลายอย่าง ส่วนป้าแต๋นพี่สาวของตัวเองก็จะชอบเรื่องลี้ลับ หรือเรื่องการให้โชคลาภการขอหวย



ส่วนอีกประเด็นหนึ่งที่ตัวเองสงสัยในตัวของลุงพล คือวันสาบานที่วัดถ้ำภูผาแอก โดยตัวเองสงสัยในการที่ลุงพลกินถ่าน และปักธูปกลับหัว ส่วนกรณีที่ลุงพลไม่ดื่มน้ำสาบานร่วมกับคนในครอบครัวนั้น ตอนแรกตัวเองก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพราะคิดได้สองมุมทั้งเรื่องพิรุธ และเรื่องที่เขาอาจไม่เต็มใจดื่มก็ได้ เพราะตอนนั้นครอบครัวตัวเองก็มีเรื่องของการแตกแยก เลยคิดว่าเขาอาจจะไม่เคารพตาชาญ ซึ่งเป็นคนไปกรอกน้ำให้ดื่มหรือไม่

ตัวเองอยากจะบอกสังคมว่าอย่าดูคนแค่ภายนอก และอย่าเชื่อคำพูดของคนง่าย ๆ และคดีน้องชมพู่ เป็นคดีในครอบครัว อยากให้ฟังเสียงจากคนในครอบครัวก่อน บางทีตัวเองก็คิดว่าสังคมไทยประณามคนอื่นเร็วเกินไป เพราะตัวเองและสามีก็ถูกสังคมสงสัย ว่าเป็นคนฆ่าลูกมาเหมือนกัน เพราะบางคอมเมนต์อาจทำให้บางคนซึมเศร้า หรือฆ่าตัวตายก็ได้

ส่วนตลอดระยะเวลาหลายปีหลังจากเกิดเหตุ ที่อีกฝ่ายเขามีเอฟซี มีชื่อเสียง และมีรายได้ ตัวเองก็มองว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับผู้ให้ ถ้าผู้ให้เขายินดีจะให้ก็เป็นเรื่องของเขา สำหรับคดีน้องชมพู่ ช่วงแรก ๆ ที่เป็นคดีความตัวเองได้ไปอ่านคอมเมนต์ ของเอฟซีฝั่งนั้นบางคนถึงขั้นพูดขึ้นมาว่า “ต่อให้เขาเป็นผู้ร้ายก็จะรัก” “ต่อให้ตำรวจจับลุงพลฉันก็จะรัก และบางคนก็บอกว่า ถ้าลูกคุณโดนจับ เขาก็จะรมควันตัวเองตาย”

ศาลคุกลุงพล พ่อแม่ดีใจ พ้นมลทินถูกตราหน้าฆ่าลูก

ด้านนายอนามัย วงศ์ศรีชา พ่อของน้องชมพู่ ได้ให้สัมภาษณ์หลังจากศาลตัดสินว่า ตัวเองรู้สึกดีใจที่ กระบวนการทางกฎหมายให้ความยุติธรรมกับครอบครัวของตัวเอง

ยอมรับว่าที่ผ่านมาตัวเองในฐานะคนเป็นพ่อ ก็โดนสังคมถล่มมาค่อนข้างมาก เพราะสังคมก็กล่าวหาว่าพ่อแม่เป็นผู้ต้องสงสัยในการฆ่าลูกมาโดยตลอด เวลาตัวเองไปซื้ออาหารตามตลาด ก็มีคนที่เขาความคิดเห็นเข้ากับฝั่งตรงข้าม ด่าทอตัวเองมาโดยตลอด ตัวเองอยากจะบอกสังคมว่าอย่าดูคนที่ภายนอกให้ดูกันไปนานนาน โดยเฉพาะเรื่องของพยานและหลักฐาน ยอมรับว่าวันแรกแรกที่น้องชมพูหายไป คู่กรณีเขาก็ทำสีหน้าปกติเหมือนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น จนตัวเองไม่เห็นพิรุธ



ตัวเองอยากจะบอกวิญญาณลูกสาวว่า “น้องได้รับความยุติธรรมแล้ว ให้น้องไปสบาย ไม่ต้องห่วงอะไรหลังจากนี้แล้ว” วันนี้รู้สึกดีใจมากที่ความยุติธรรมเกิดขึ้นกับครอบครัวของน้องชมพู่

ตัวเองไม่มีคำพูดไหนฝากถึงลุงพล ให้เขาได้รับโทษตามกระบวนการทางกฎหมายและอยากขอบคุณชาวบ้านกกกอกทุกคน ที่เป็นกำลังใจให้ครอบครัววงศ์ศรีชามาโดยตลอด

"น้าแต" พอใจผลตัดสิน รับครอบครัวแตก ยากสานสัมพันธ์

ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายังบ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ได้พูดคุยกับนรินทร์ หลาบโพธิ์ หรือน้าแต ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวว่า วันนี้ตอนที่ศาลตัดสิน ตัวเอง ตาชาน ยายสมควร และน้าต่าย ก็ได้ นั่งดูข่าวด้วยกันทั้งครอบครัว ซึ่งผลตัดสินที่ออกมานั้น ตัวเองก็รู้สึกพอใจ เพราะคิดว่าเป็นการได้คืนความยุติธรรมให้กับน้องชมพู่ หลานสาวของตัวเอง ซึ่งวันนี้วันที่ 20 ธันวาคม ตัวเองยกให้เป็นวันของน้องชมพู่



ยอมรับว่าที่ผ่านมาครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นตัวเอง น้าต่าย หรือตาชาน และยายสมควร ก็ถูกคำครหา ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการก่อเหตุ ฆ่าน้องชมพู่ แต่วันนี้คำตัดสินได้กระจ่างออกมาแล้ว ส่วนคนที่ทำผิดก็ให้เขาได้รับโทษตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป

ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวนั้น ตัวเองขอยืนยันว่า ครอบครัวตัวเองได้แตกร้าว เกินที่จะสานสัมพันธ์กันได้แล้ว ซึ่งระหว่างลุงพลป้าแต๋น และแม่น้องชมพู่ ในส่วนของเรื่องคดีก็ให้เขาไปต่อสู้กันต่อไป ยอมรับว่าช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ตัวเองได้ฝันเห็นน้องชมพู่ถึงสองครั้ง โดยฝันว่าน้องชมพู่มาร้องไห้กับตัวเอง

แม่พูดครั้งแรก! เสื้อชมพู่หายไปไหน ชี้พิรุธคืนไฟลุก "พ่อ-น้าแต" ดีใจได้ความเป็นธรรม