เปิดหลักฐานพลิกคดีมัด "ลุงพล"
ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนายวัชรินทร์ กงแก่นท้าว หรือ พ่อแบม พยานปากสำคัญอีกครั้ง โดยพ่อแบม เปิดใจกับทีมข่าวว่า ตัวเองยังยืนยันเหมือนเดิมว่า ตัวเองเจอลุงพลตอนประมาณ 9 โมงกว่า ในวันที่ 11 พฤษภาคม วันที่น้องชมพู่หายตัวไป ซึ่งจุดที่ตัวเองเจอนั้นก็คือบริเวณสวนยางใกล้กับบ้านตัวเอง ซึ่งเป็นทางเชื่อมต่อไปบ้านแม่น้องชมพู่ ไปภูเหล็กไฟ และไปบ้านลุงพลก็ได้ ตอนนั้นลุงพลทำท่าทางเหมือนกรีดยางไปด้วย ทำท่าด้อม ๆ มอง ๆ ไปด้วย เหมือนคนไม่ได้ตั้งใจกรีดยางพารา
จากนั้นตัวเองจึงเข้าไปทักทายลุงพล และเรียกลุงพลแทนว่า “พ่อ ทำไมถึงได้มากรีดยางที่สวนยางสวนนี้ เจ้าของเขาให้มากรีดยางตรงนี้แล้วใช่ไหม” เพราะสวนยางดังกล่าวไม่ใช่สวนยางของลุงพล จากนั้นลุงพลจึงตอบตัวเองว่า “ค้าบ”
จากนั้นลุงพลก็ถามตัวเองกลับว่า “อ้าว พ่อแบมไม่ได้ไปไร่เหรอ เมื่อกี้ได้ยินเสียงเหมือนรถมอเตอร์ไซต์พ่อแบมเลย” ตัวเองก็ตอบว่า “แม่แบมไปคนเดียว ผมไม่ได้ไป” จากนั้นลุงพลก็เริ่มถามตัวเองว่า “ถ้าพ่อแบมไม่ได้ไปไหน แล้วเมื่อกี้พ่อแบมอยู่ไหน ไปทำอะไรมา” ตัวเองก็เลยบอกไปว่า “เมื่อกี้ผมไปฉีดยาที่ตีนเขาภูเหล็กไฟมา” จากนั้นลุงพลก็ทำท่าตกใจพร้อมพูดขึ้นมาว่า “ห๊ะ” แล้วลงพลก็มีอาการกระสับกระส่าย รุกรี้รุกรน
และการแต่งตัวของลุงพลวันนั้นเขาก็ไม่เหมือนคนไปกรีดยาง เขามีแค่มีดเล่มเดียว แต่ไม่มีหมวก หรือมียากันยุง เหมือนคนกรีดยางทั่วไป และเสื้อผ้าที่ใส่ก็ไม่ได้มิดชิด เหมือนคนกรีดยาง
ซึ่งตัวเองยืนยันว่า วันที่ตัวเองเห็นลุงพลตามเหตุการณ์ข้างต้นนั้น คือวันที่น้องชมพู่หายตัวไป เนื่องจากในวันเดียวกัน หลังจากที่ตัวเองเจอลุงพล ตัวเองก็ได้ไปนั่งพักที่บ้านอยู่สักพัก ก็มีนายอนามัย วงศ์ศรีชา พ่อของน้องชมพู่ เดินมาถามหาน้องชมพู่ และตัวเองก็ให้การแบบนี้มาตลอด
กระทั่งหลังจากน้องชมพู่หายตัวไป ตำรวจเริ่มลงพื้นที่และทำการสืบสวนสอบสวน ลุงพลก็ได้มาข่มขู่ตัวเองที่บ้าน เพื่อให้ตัวเองกลับคำให้การ ให้ตัวเองให้การกับตำรวจว่า ตัวเองเจอลุงพลที่สวนยาง วันที่ 9 หรือวันที่ 10 พ.ค. ซึ่งเป็นวันก่อนที่น้องชมพู่จะหายตัวไป ไม่ใช่วันที่น้องชมพู่หายตัวไป (น้องชมพู่หาย 11 พ.ค.) แต่ตัวเองก็ยืนยันมาตลอดว่า ตัวเองเจอลุงพลในวันที่น้องชมพู่หายตัวไป คือวันที่ 11 พ.ค.
พ่อแบม ยังเปิดเผย ข้อมูลสำคัญกับช่อง 8 ที่แรกว่า หลังจากเจอศพน้องชมพู่ หนึ่งวัน (เจอศพ 14 พ.ค.) ในวันที่ 15 พ.ค. ลุงพล ได้มาร้องไห้กับตัวเองอยู่ที่บ้าน ซึ่งเป็นการร้องไห้เหมือนกับตอนที่ลุงพลเจอศพน้องชมพู่ แล้วลุงพลก็พูดทำนองว่า “ไม่น่าเลย คนที่ทำหลานผม ผมเห็นมันมา แต่เดี๋ยวนี้ไม่เห็นมันมาแล้ว” ลักษณะเหมือนชี้เป้าว่าคนอื่นเป็นคนร้าย
และช่วงค่ำของวันที่ 15 พ.ค. ตัวเองก็เห็นที่บ้านลุงพล มีการจุดไฟเผาอะไรบางอย่าง จนเกิดกองไฟขนาดใหญ่ ที่ข้างบ้านของเขา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ลุงพลเผานั้นเกี่ยวข้องกับ หลักฐานในคดีของน้องชมพู่หรือไม่ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตัวเองคิดว่าลุงพลเป็นคนที่แปลกกว่าคนอื่นและเป็นคนที่น่ากลัว
เปิดหลักฐานพลิกคดี "ลุงพล" เจอเผาหลักฐานใกล้บ้าน
เวลา 19.30 น. พ่อแบม ได้พาทีมข่าวช่อง 8 ไปดูจุดที่เจอลุงพล กรีดยางในวันที่ 11 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันที่น้องชมพู่หายตัวไป โดยพ่อแบม ได้อธิบายว่า ในวันนั้นตัวเองเห็นลุงพล กรีดยางที่ต้นยางข้างบ้านตัวเอง พร้อมกับมีท่าทีรุกรี้ รุกรน ก่อนที่พ่อแบมจะเข้ามาสอบถามลุงพล ตามคำที่ให้สัมภาษณ์กับช่อง 8 ซึ่งลุงพลก็มีการเดินกรีดยาง จากต้นยางต้นที่ไปต้นยางต้นที่สอง และเดินต่อไปในต้นยางคนที่สาม ซึ่งสวนยางดังกล่าวเป็นของชาวบ้านคนอื่นไม่ใช่ของลุงพลแต่อย่างใด
จากนั้นทีมข่าวช่อง 8 ได้อธิบายจุดที่พ่อแบมเจอลุงพลกรีดยาง ในวันที่น้องชมพู่หายตัวไป ซึ่งสวนยางแห่งนี้หากเดินตรงไปจะสามารถไปเชื่อมต่อกับตีนเขาทางขึ้นภูเหล็กไฟได้ และเส้นทางนี้ก็สามารถไปเชื่อมต่อกับบ้านน้องชมพู่ได้ โดยสวนยางแห่งนี้นอกจากจะอยู่ติดกับบ้านพ่อแบมแล้ว ยังอยู่ตรงตรงข้ามกับบ้านลุงพล ห่างจากบ้านลุงพลประมาณ 150 เมตร เท่านั้น
จากนั้นพ่อแบมได้พาทีมข่าวไปชี้จุดที่พ่อแบมเจอเปลวเพลิงมาจากทางด้านหลังบ้านลุงพล โดยพ่อแบมได้อธิบายว่า หลังจากเจอศพน้องชมพู่ ช่วงค่ำของวันหนึ่ง คาดว่าเป็นวันก่อนที่เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจะลงพื้นที่บ้านลุงพลประมาณ 2-3 วัน ตัวเองได้ยืนอยู่บริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน จากนั้นก็มองไม่เห็นปริวเพลิงลอยขึ้นมาจากทางด้านหลังบ้านลุงพล และมีเสียงเหมือนคนทำอะไรบางอย่าง แต่ตัวเองยอมรับว่าตอนนั้นไม่ได้เห็นลุงพล เพราะตัวเองยืนอยู่ที่บ้านไม่ได้เดินไปดูตรงนั้น (บ้านลุงพล คือหลังที่เปิดไฟ)
พระอธิการบุญมายืนยันคำเดิม ว่าลุงพลรู้ว่าน้องชมพู่หายตัวไปตั้งแต่ตอนที่มาวัด
ด้านพระอธิการบุญมา เจ้าอาวาสวัดกกกอก พยานในคดีอีกราย ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวช่อง 8 ว่า กรณีวันนี้ที่ศาลตัดสินตัวเองก็ไม่ขอออกความคิดเห็น เพราะทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน และกระบวนการทางกฎหมาย
ตัวเองยังยืนยันเหมือนเดิมว่า ในวันที่น้องชมพู่หายไปตอนที่ลุงพลมาที่วัด ลุงพลได้ทราบข่าวว่าน้องชมพู่หายแล้วจริง ๆ ส่วนเรื่องเวลาที่เจอลุงพล ตัวเองก็ยืนยันเหมือนเดิม
พระอธิการบุญมา ยังบอกทีมข่าวอีกว่า ตอนนี้ตัวเองก็ขอให้ดวงวิญญาณน้องชมพู่ไปสู่สุคติ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะไม่มีใครพาน้องชมพู่ไปบนภูเหล็กไฟก็ได้ เพราะในอีกแง่มุมเขามองว่าน่าจะเป็นเรื่องลี้ลับ เพราะตอนตัวเองเด็ก ๆ ตอนนั้นยังเป็นฆราวาสอยู่ ที่หมู่บ้านของตัวเองก็เคยมีเด็กผู้หญิงหายไปบนเขาสามถึงสี่วันแบบนี้มาแล้ว สุดท้ายก็มาเจอว่าเป็นศพ ทั้งที่ไม่มีใครพาขึ้นไปบนภูเขา
พระอธิการบุญมายังบอกอีกว่า หลังจากน้องชมพู่หายตัวไปหนึ่งวัน ลุงพลก็ได้ช่วยตามหาน้องและมีการถามหาเซียงฆ้อง หรือหมอธรรม กับตัวเอง ซึ่งเซียงฆ้องจะทำหน้าที่ช่วยตามหาคนหาย โดยใช้ความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์มาเกี่ยวข้อง โดยใช้ฆ้อง (สิ่งของที่ใช้ใส่กบใส่เขียด) เป็นสื่อกลาง ในการเรียกบุคคลที่สูญหายไปเพื่อให้เจอตัวโดยเร็ว ถามว่าตั้งแต่น้องชมพู่หายตัวไปนั้นตัวเองเคยเจอวิญญาณของน้องหรือไม่ พระอธิการบุญมาก็บอกว่าไม่เคยเจอ