เกิดเหตุรถไฟโยก 3 ที่นั่ง ในสนามเด็กเล่นโรงเรียนแห่งหนึ่ง จ.อุดรธานี ชนกระแทกเด็กหญิง ป.3 ตับฉีกเสียชีวิต ญาติเศร้า ยกเป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคนในประเทศ ชี้เครื่องเล่นแบบนี้ไม่ควรจะมีในโรงเรียน

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ ต.หนองหญ้าไซ อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี หลังทราบว่าน้องแพรวา อายุ 9 ขวบ นักเรียนชั้น ป.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี โดนเครื่องเล่นรถไฟโยก 3 ที่นั่ง ในสนามเด็กเล่นภายในโรงเรียน ชนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตขณะนำส่งโรงพยาบาล แพทย์ระบุว่าตับฉีกและเลือดตกในช่องท้อง เหตุเกิดช่วงเลิกเรียนวันที่ 30 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ญาติได้นำร่างน้องแพรวา กลับมาประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้าน ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของญาติพี่น้อง และเพื่อนบ้านที่ทราบข่าวต่างก็เดินทางมาแสดงความเสียใจ




นางศิริทา อายุ 62 ปี ข้าราชการครูบำนาญ ย่าน้องแพรวา พูดทั้งน้ำตาว่า พ่อแม่น้องแพรวาแยกทางกัน น้องแพรวาจะอยู่กับป้า (พี่สาวพ่อ) ซึ่งรับราชการและอาศัยอยู่ในตัวเมืองอุดรธานี จึงนำน้องแพรวาไปอยู่ด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นการสูญเสียที่สุดของครอบครัว เรื่องของน้องแพรวาเป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคนในประเทศก็ว่าได้


ในฐานะที่ย่าเป็นคุณครู อยากให้เรื่องความปลอดภัยของนักเรียน เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดของโรงเรียนก็ว่าได้ โรงเรียนต้องเป็นที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก ดูเครื่องเล่นในภาพแล้ว เครื่องเล่นแบบนี้ไม่ควรจะมีในโรงเรียน เมื่อก่อนทุกโรงเรียนจะมีแต่พอมาดูแล้วมันไม่เป็นผลดีก็จะรื้อออกทั้งหมด เครื่องเล่นแบบนี้ต่อไปไม่น่าจะมีเลย ผู้บริหารน่าจะรื้อออกเพื่อความปลอดภัย เพราะเด็กมีของเล่นเยอะ มีกระบะทราย มีลานให้เล่นเยอะ เครื่องพวกนี้ควรจะหมดไปแล้วตามโรงเรียนบ้านนอก


นางศิริทา เล่าอีกว่า ส่วนเรื่องการชี้แจงของทางโรงเรียนตนไม่รู้ แต่พอเห็นว่าหลานเกิดอุบัติเหตุจากเครื่องเล่นชนิดนี้ ตนตกใจและร้องไห้เลย เพราะตนเป็นคุณครูที่ห่วงเรื่องปลอดภัยของนักเรียนมากที่สุด เครื่องเล่นเหมือนเรือโยก เด็กโยกไม่รู้จังหวะใครก็มีโอกาสพลาดได้ ที่โรงเรียนของตนก็เคยมี แต่ได้ประชุมแล้วสั่งให้ภารโรงรื้อออกให้หมด เหลือเพียงกระบะทรายใหญ่ ๆ ให้เด็กเล่นเพื่อความปลอดภัย




ต่อมา ร.ต.อ.สหรัฐ ต่อเติมวัฒนกุล รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.อุดรธานี เดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุสนามเด็กเล่นภายในโรงเรียน ซึ่งอยู่ระหว่างอาคารเรียนชั้นประถมศึกษา กับอาคารเรียนมัธยมศึกษา มีการนำเชือกมากั้นสนามเด็กเล่นไว้ ห้ามเข้าและใช้สนาม ภายในมีเครื่องเล่นหลากหลายประเภท ม้ากระดก ชิงช้าแบบเดี่ยว ปีนเชือก กระบะทราย หน้าผาจำลอง ม้าหมุน โดยได้เก็บหลักฐานบริเวณรถไฟโยก 3 ที่นั่ง มีการวัดระยะความยาว ความกว้าง และระยะที่รถไฟโยกไปด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งมีพวงมาลัยดอกดาวเรืองวางเพื่อไว้อาลัย 1 พวง


ด้านคุณครู เล่าว่า นักเรียนที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่า วันที่เกิดเหตุซึ่งเป็นเวลาเลิกเรียน เพื่อนได้มาเล่นสนามเด็กเล่น เพื่อรอผู้ปกครองมารับ เพื่อนๆ ได้นั่งอยู่บนรถไฟโยก ส่วนน้องแพรวายืนอยู่ด้านหลังรถไฟ แล้วใช้มือผลักท้ายรถไฟโยกไปด้านหน้าให้เพื่อนนั่ง ไม่นานจังหวะโยกกลับมา ท้ายรถไฟโยกได้ชนบริเวณท้องน้องแพรวา จนล้มลงและกุมท้อง มีอาการหน้าซีด ปากเขียวคล้ำ ครูเห็นจึงเข้ามาปฐมพยาบาลด้วยการ CPR พร้อมกับแจ้งรถกู้ชีพนำส่งโรงพยาบาล และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งสนามเด็กเล่นไม่มีกล้องวงจรปิด


ส่วนการเยียวยา เบื้องต้นทางโรงเรียนได้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในงานศพทั้งหมด ส่วนเรื่องประกันชีวิต ซึ่งทางโรงเรียนได้ทำประกันชีวิตหมู่ ซึ่งจะได้สินไหมประมาณ 6 หมื่นบาท และจะมีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการต่อไป


ร.ต.อ.สหรัฐ เปิดเผยว่า เบื้องต้นจะต้องดูว่าบริเวณสนามเด็กเล่นใครเป็นคนอนุญาต วิศวกรรมที่มาดูสถานที่ความปลอดภัยในการก่อสร้างลงความเห็นว่าอย่างไร ออกแบบอย่างไร ส่วนเรื่องอื่นจะเป็นเรื่องการเล่นของเด็ก ไม่มีใครมาผลักเล่นแล้วเป็นอุบัติเหตุ ส่วนเรื่องปลอดภัยทางโรงเรียนจะต้องประสานกับทางตำรวจอีกครั้ง ตอนยังไม่ได้เรียกใครมาสอบเพราะคนเห็นเหตุการณ์จะเป็นเด็กทั้งหมด เด็กอายุ 8-9 ขวบ ยังช็อกที่เพื่อนเสียชีวิตตามที่คุณครูบอกมา เด็กยังไม่พร้อมที่มาให้ปากคำต้องรอสหวิชาชีพด้วย จึงต้องรอซักระยะ ญาติผู้ตายก็ยังวุ่นอยู่กับการจัดงานศพ ดูแล้วจะเป็นเรื่องประมาท ไม่ใช่คดีอาญา สามารถไปฟ้องเพ่งที่ศาลได้