ฆาตกรสวมรอยเป็นผู้ตายทักแชตหาญาติ พร้อมโพสต์ข้อความตัดพ้อ เพื่อให้ญาติเข้าใจว่าตัวเองกับผู้ตายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน

ย้อนไทม์ไลน์ไปก่อนหน้านี้ที่ทางญาติและสามีของผู้ตายได้ให้ข้อมูลว่า วันที่ 29 ธ.ค.66 น.ส.จันทร์จิรา นั้นได้ขับรถยนต์ Honda Civic สีบรอนซ์เทา ทะเบียน กบ 5098 สุพรรณบุรี ออกจากบ้านพักในพื้นที่ อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ในเวลาประมาณ 01.00 น. และในวันเดียวกันเวลาประมาณ 12.00 น. นางสาวจันทร์จิรา (ผู้ตาย) ก็ได้โทรศัพท์มาหาสามีและมีการบอกกับสามีว่า "ตอนนี้อยู่ที่ทำงานแล้ว" และก็เป็นครั้งสุดท้ายที่สามีได้ติดต่อกับ น.ส.จันทร์จิรา เพราะหลังจากนั้น น.ส.จันทร์จิรา ก็ได้เงียบหายไป

 

แต่ในขณะเดียวกัน เฟซบุ๊กของ น.ส.จันทร์จิรา (ผู้ตาย) ก็มีความเคลื่อนไหวในวันที่ 1 ธ.ค.66 โดยมีการโพสต์ข้อความว่า "จากกันด้วยดีนะพี่ หนูขอไปมีชีวิตที่ดีกว่านี้นะ ไม่ใช่พี่ไม่ดีนะ แต่หนูต้องการที่มันดีกว่านี้ จากกันด้วยดีนะพี่" และเฟซบุ๊กของผู้ตายมีการพิมพ์แชตไปหานางอุ้ม (พี่สาวของผู้ตาย) ในวันที่ 1-2 ธ.ค.66 โดยมีการพูดถึงนายนนท์ (คนก่อเหตุ) บอกว่า เลิกกับพี่นนท์แล้ว, พี่นนท์หายไปไหนก็ไม่รู้, ติดต่อพี่นนท์ไม่ได้เลย, รู้ไหมว่าพี่นนท์หายไปไหน ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้น ไม่ว่าจะเป็นโพสต์หรือข้อความแชต สามารถสรุปได้ว่า นายนนท์ (คนก่อเหตุ) ได้สวมรอยเป็น น.ส.จันทร์จิรา เพื่อให้ทางญาติของผู้ตายเข้าใจว่านายนนท์กับผู้ตายนั้นขาดการติดต่อกันและได้เลิกรากันไปแล้ว

และอีกหนึ่งสิ่งที่สามารถยืนยันได้ว่าคนที่เข้าไปโพสต์ข้อความหรือพูดคุยสนทนานั้นไม่ใช่ น.ส.จันทร์จิรา (ผู้ตาย) เป็นเพราะว่า น.ส.จันทร์จิรา นั้นได้ถูกฆาตกรรมตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย.66 โดยนายนนท์ หรือนายปรัชญาธรรศ (คนก่อเหตุ) ได้ให้การรับสารภาพกับตำรวจว่า เมื่อเวลา 23.00 น. ของวันที่ 29 พ.ย.66 ตัวเองได้พลั้งมือบีบคอ น.ส.จันทร์จิรา ภายในห้องพักแห่งหนึ่ง พื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อเห็นว่า น.ส.จันทร์จิรา นั้นเสียชีวิต ตนจึงนั่งเฝ้าศพอยู่ซักพัก จนกระทั่งเวลาประมาณ 01.00 น. (30 ธ.ค.66) จึงตัดสินใจนำผ้าห่มมาห่อร่างของผู้ตายแล้วนำไปใส่ไว้ท้ายรถ จากนั้นก็หมกศพไว้ที่ท้ายรถอยู่หลายชั่วโมง ก่อนจะเริ่มตระเวนหาจุดทิ้งศพ สุดท้ายในเวลา 19.00 น. (30 ธ.ค.66) ก็ได้นำร่างของ น.ส.จันทร์จิรา มาทิ้งอำพรางไว้ที่ไร่มันสำปะหลัง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

เปิดใจพี่สาวคนตาย คุยกับฆาตกรฆ่าน้อง เผยคนตายแยกกันอยู่กับสามี แต่ยังไม่หย่า

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางสาวอุ้ม พี่สาวของนางสาวจันทร์จิรา หรือ ส้มเปิดเผยว่า นางสาวจันทร์จิรา เป็นเด็กกำพร้า ที่ครอบครัวของตัวเองดูแลมาตั้งแต่เล็ก และเติบโตมาด้วยกัน ตัวเองกับนางสาวจันทร์จิราจึงเปรียบเสมือนพี่น้องที่รักและสนิทสนมกัน

ขณะที่ก่อนหน้านี้ นางสาวจันทร์จิรา ได้แต่งงาน จดทะเบียนสมรสกันกับนายพลวัชร์ แต่ต่อมามีปัญหาและได้แยกกันอยู่ประมาณ 2 ปีแล้ว ซึ่งยังไม่ได้จดทะเบียนหย่ากัน อีกทั้งฝ่ายชายยังเป็นห่วงและติดต่อพูดกันอยู่เรื่อยๆ ส่วนนายนนท์ ผู้ก่อเหตุ ทราบว่า ทั้ง 2 คน ได้เริ่มรู้จักและคบหากันก่อนเดือนเมษายนปีนี้

จากนั้นวันที่ 1 เมษายน นางสาวจันทร์จิรา ได้พานางสาวอุ้ม ไปรู้จักกับนายนนท์ ในงานเลี้ยงฉลองอุปสรรคบท นาคนนท์ แล้วหลังจากนั้นเมื่อนายนนท์ สึกออกมา ก็ทราบว่าทั้ง 2 คน ได้คบหาแล้วไปอยู่กินกันที่บ้านพ่อแม่ของนายนนท์ในพื้ยที่อำเภอปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี

นางสาวอุ้ม บอกว่า ตลอดเวลาที่นางสาวจันทร์จิรา คบหากับนายนนท์ ยอมรับว่า ทั้ง 2 คน มีปากเสียงทะเลาะกันบ่อยครั้ง และฝ่ายชายก็จะมีพฤติกรรมรุนแรง ชอบทำร้ายร่งกายด้วยการบีบคอฝ่ายหญิง

สุดท้ายอยากบอกนางสาวจันทร์จิรา ที่เปรียบเสมือนน้องสาวแท้ๆ ของตัวเอง ว่า ไม่ต้องห่วงอีกแล้ว เพราะคนร้ายถูกจับกุมแล้ว ขอให้หลับสบาย เพราะชีวิตที่ผ่านมาส้มสู้และเหนื่อยมากแล้ว

แฉไอ้เหี้ยมจับสาวสักลายยัดท้ายรถ สวมรอยแชตเป็นศพพูดได้ อึ้งรักแมวแต่ทรมานคน