คืบหน้าคดีหญิงวัย 48 ปี ถูกไฟคลอกตายมีปริศนาคากระท่อม ล่าสุดพบผู้ต้องสงสัยได้นำทองคำไปขายให้กับชาวบ้าน จำนวน 2 รายเมื่อวานนี้ ด้านชาวบ้านเผย ขณะที่ผู้ต้องสงสัยนำทองมาขาย ได้เล่าสภาพศพผู้ตายให้ฟัง

เปิดภาพผู้ต้องสงสัยออกจากบ้านแต่เช้า ก่อนจะตะเวนนำทองผู้ตายไปขายให้กับชาวบ้าน 2 ราย ในราคา 500 บาท
ภาพจากกล้องวงจรปิดของบ้านหลัง ซึ่งอยู่ติดกับบ้านนายอ็อด ผู้ต้องสงสัย จับภาพนายอ็อด สวมใส่เสื้อโบโลสีกรม กางเกงยีนส์ขายาว สวมรองเท้าแตะสีขาว เดินผ่านกล้องวงจรปิดไป ในช่วงเวลา 07.25 น. ในลักษณะการเดินปกติไม่ได้เร่งรีบแต่อย่างใด โดยในมือของนายอ๊อดจากการสังเกตไม่พบว่ามีอะไรในมือ ก่อนที่นายอ็อดจะเดินมุ่งหน้าไปที่บ้านปากปวน และได้แวะถามขายทองให้กับนางวาส แต่นางวาสปฏิเสธไม่รับชื้อ ก่อนจะไปขายต่อให้กับนายกลั่น

ชาวบ้านเผย อ็อดเคยเล่าสภาพศพผู้ตายให้ฟัง ทั้งที่ทราบมาว่าผู้ต้องสงสัยไม่ได้เข้าไปดูที่เกิดเหตุ
ล่าสุดผู้สื่อข่าวช่อง 8 ได้รับข้อมูลมาว่านายอ็อด ผู้ต้องสงสัยในคดีของนางน้อยหน่า หญิงวัย 48 ปี ถูกไฟคลอกตายมีปริศนาคากระท่อม ได้นำทองคำไปขายให้กับชาวบ้าน จำนวน 2 รายเมื่อวานนี้
ต่อมาเราได้เดินทางไปพบกับนายกลั่น ชาวบ้านที่นายอ็อดเอาทองมาขายให้คนสุดท้าย เล่าว่า ตนกับนายอ็อดถือว่าเป็นเครือญาติกัน โดยนานๆครั้งนายอ็อดจะแวะมาหา เพราะเคยช่วยเหลือพึ่งพากันตลอด แต่ในช่วงหลังๆตนไม่เคยเห็นนายอ็อดนานแล้ว
จนเมื่อวานนี้เวลาประมาณ 11 โมง ขณะที่ตนกำลังขุดดินอยู่ที่บ้านสวน อยู่ๆเห็นนายอ็อด สวมใส่เสื้อโบโลสีกรม กางเกงยีนส์ขายาว เดินลัดเลาะทุ่งและป่าสวนยางมาหาตนเอง ในลักษณะท่าทางหวาดกลัวและระแวงอยู่ตลอดเวลา ตนจึงได้ตะโกนถามนายอ็อดว่า “มาทำอะไรที่นี้ แกมาทำไม” ซึ่งนายอ็อดก็ได้ตอบกลับตนว่า “มาเที่ยว” “เพิ่งไปหาตาจงมา” โดยตาจงก็เป็นญาติห่างห่างอีกคน
จากนั้นตนได้พยายามชวนนายอ็อดคุย เพราะตอนนั้นตนเองทราบข่าวว่ามีการเผากระท่อมนางน้อยหน่าแล้ว และตนเองก็เชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือนายอ็อดแน่นอน เพราะนายอ็อดประวัติโซกโซน ซึ่งในระหว่างที่คุยกันตนก็ได้ถามนายอ็อดไปตรงๆว่าได้ฆ่านางน้อยหน่าไหม ซึ่งนายอ็อดก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ฆ่า แต่ที่ทำให้ตนเองสงสัยว่าเป็นฝีมือนายอ็อด เพราะอยู่ๆนายอ็อดก็มาเล่าให้ตนเองฟังถึงลักษณะการตายของนางน้อยหน่า สภาพศพ และตอนที่ไฟไหม้กระท่อม ทั้งที่นายอ็อดไม่ได้ไปดูศพและสถานที่เกิดเหตุในตอนนั้น

ก่อนที่เล่าเสร็จ นายอ็อดได้ขอกินน้ำในกระท่อม ซึ่งในระหว่างที่ดื่มน้ำ อยู่ๆนายอ็อดได้พูดขึ้นมาว่า“มีทอง จะเอามาขายให้เอาไหม“ ก่อนจะหยิบทองออกมาให้ตนเองดู เป็นสร้อยข้อมือ 1 เส้น แต่เป็นลักษณะสร้อยข้อมือที่ขาด โดยนายอ็อดขอแค่ 500 บาท อ้างว่าจะเอาไปชื้อข้าวกิน จากนั้นตนเองจึงได้ถามย้ำอีกครั้งว่า ไม่ได้ไปฆ่านางน้อยหน่าเพื่อชิงทองมาใช่ไหม“ ซึ่งนายอ็อดก็ได้ปฏิเสธว่าไม่ใช่ ก่อนที่ตนเองจะขู่นายอ็อดว่าจะเรียกตำรวจมาตรวจสอบ จากนั้นนายอ็อดก็ได้เดินหลบหนีไป ส่วนทองตนเองก็ได้ยึดไว้
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกตนเองเข้าให้ปากคำในฐานะพยาน เพื่อสอบถามรายละเอียดที่นายอ็อดเอาทองมาขายให้ โดยในระหว่างนั้นตนเองได้นั่งข้างนายอ็อด ซึ่งนายอ็อดยอมรับสารภาพอ้างว่า ได้ขโทยทองนางน้อยหน่าจริง เมื่อ 2 เดือนก่อน แต่ยืนกรานปฏิเสธว่าไม่ได้ฆ่านางน้อยหน่า
ลูกสะใภ้นางวาส เผย นายอ็อดเอาทองมาขายให้กับแม่สามีจริง แต่แม่สามีไม่ได้ชื้อ
ต่อมาเราได้มาคุยกับนางถนอมศรี อายุ 70 ปี ลูกสะใภ้ยายวาส คนที่นายอ็อดเอาทองมาขายให้คนแรก โดยได้บอกกับเราว่านางวาสได้เล่าให้ฟังว่า เมื่อเช้าวานนี้ขณะที่นางวาส แม่สามี กำลังอยู่ที่สวนกับนายบรรจง ศรีสุราช ลูกชายตนเอง เห็นนายอ็อด ผู้ต้องสงสัย เดินเข้าไปหาบ้านสวน และได้ล้วงเอาสร้อยข้อมมือทองคำออกจากกระเป๋ากางเกง มาโชว์ให้กับนางวาสดู เพื่อจะขายสร้อยข้อมือทองคำให้กับนางวาส ซึ่งนางวาดได้ปฏิเสธรับซื้อและอ้างว่าเป็นทองปลอมพร้อมกับไร่นายอ๊อดออกไป แต่นายอ็อดยังคงไม่ยอมกลับ ซึ่งนางวาสกลัวว่านายบรรจงลูกชายตนเองจะทำร้ายนายอ็อด จึงได้พานายอ็อดนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์กลับมาส่งที่บ้าน หลังจากที่แม่สามีมาส่งนายอ็อดที่บ้านก็ทราบว่าช่วงประมาณ 11 โมงนายอ็อดได้กลับไปขายทองให้กับนายกลั่นที่บ้านสวน
สำหรับนายอ็อดเป็นคนที่มีพฤติกรรมลักเล็กขโมยน้อย ชอบเข้าไปขโมยของมีค่าของชาวบ้าน โดยที่บ้านของตนเองก็ถูกนายอ็อดเข้ามาขโมยเอาอุปกรณ์เครื่องมือทางการเกษตรไปแต่ตอนนั้นตนเองก็ไม่ติดใจเอาความ

แม่ผู้ต้องสงสัย ยอมรับว่าสงสัยว่าลูกชายมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีของนางน้อยหน่า แต่ไม่ปักใจเชื่อว่าลูกชายทำคนเดียว
ขณะที่นางเฮี่ยน อายุ 60 ปี แม่ของนายอ็อด เล่าว่า ตนเองมีลูกทั้งหมด 3 คน โดยนายอ็อดเป็นลูกชายคนโต ซึ่งนายอ็อดลูกชายมีอาการป่วยทางจิตมาหลายปีแล้ว และเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมตนเองได้พาลูกชายไปรับยาจิตเวชเพิ่งจะกลับมา
หลังจากกลับมาลูกชายก็ทานยาตามปกติ ก่อนที่จะไปช่วยนางน้อยหน่าตากข้าว ส่วนตนเองก็ไปทำงานรับจ้างหักฝากข้าวโพดต่อ จากนั้นประมาณเกือบหนึ่งทุ่มเห็นนายอ็อดถือพาวเวอร์แบงค์สองอันเดินเข้ามาในบ้าน โดยบอกว่าเป็นพาวเวอร์แบงค์ของนางน้อยหน่าฝากมาชาร์จแบต จากนั้นตนเองก็เข้านอนตามปกติและหลับสนิท เพราะเหนื่อยจากการไปรับจ้างหักฟักข้าวโพด จึงทำให้ตนเองไม่เห็นและไม่ได้ยินว่าลูกชายออกจากบ้านเอาพาวเวอร์แบงค์ไปให้ผู้ตายตอนไหน แต่ตนเองตื่นเช้ามาประมาณ 7 โมงก็เห็นนายอ็อดลูกชายนอนอยู่ที่บ้านแล้ว จึงไม่ได้สงสัยอะไรจึงไม่ได้สงสัยอะไร
หลังเกิดเหตุลูกชายอยู่ที่บ้านก็ทำตัวปกติไม่ได้มีท่าทีพิรุธแต่อย่างใดและก็ไม่เคยคุยกับตนเรื่องที่กระท่อมนางน้อยหน่าถูกไฟไหม้กระท่อมของนางน้อยหน่าตนก็ยังคงสงสัยว่าลูกชายจะมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ถ้าหากลูกชายทำจริงตนเองก็เชื่อว่าลูกชายไม่ได้ทำคนเดียวแน่นอน เพราะตามพฤติกรรมของลูกชายเป็นผู้ป่วยจิตเวชก็จริง แต่ไม่เคยมีอาการคุ้มคลั่งหรือทำร้ายใครมาก่อน ส่วนในเรื่องของสร้อยคอทองคำของผู้ตายที่หายไปตนเองก็ยังไม่มั่นใจว่าจะเป็นฝีมือลูกชายทำคนเดียวเช่นกัน


















