พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าชุดไล่ล่านายชวลิต ทองด้วง หรือเสี่ย แป้งนาโหนด ที่เทือกเขาบรรทัด ยืนยันว่าขณะนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังไม่มีนโยบายที่จะยุติภารกิจการไล่ล่าตัวนายแป้ง เนื่องจากนายแป้งเป็นผู้ต้องหาอันตรายที่มีพฤติกรรมหลบหนีและมีการใช้อาวุธสงครามต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อประชาชนที่พบเห็น โดยจากปฏิบัติการไล่ล่าและหลักฐานต่างๆ ในขณะนี้พบว่านายแป้งยังคงหลบหนีอยู่บนเทือกเขาบรรทัด ยังไม่มีเหตุบ่งชี้ว่าลงมาจากเทือกเขาบรรทัด โดยทุกหน่วยงานทั้งฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ ยังคงบูรณาการปิดล้อมพื้นที่เชิงเขาโดยรอบหมู่บ้านเพื่อปิดเส้นทางหลบหนี

 

ส่วนความเป็นไปได้ที่นายแป้งจะหลบหนีออกนอกพื้นที่นั้น ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า ก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน แต่ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปฏิบัติการอย่างเต็มที่ และได้ปิดทางลงเขาโดยรอบแล้ว อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปรับเปลี่ยนยุทธวิธีการติดตามตัวนายแป้งทุกวัน เนื่องจากในพื้นที่มีอุปสรรคที่ไม่เอื้อต่อการปฏิบัติงาน สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงโดยตลอด เพื่อให้ติดตามจับกุมตัวนายแป้งได้

 

“มองว่านายแป้งยังคงสามารถใช้ชีวิตรอดอยู่ในป่าได้ แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะตัดวงจรการส่งเสบียงไปแล้ว เนื่องจากนายแป้งได้เตรียมการเพื่อหลบหนีอยู่ในป่าไว้เป็นอย่างดี อีกทั้งจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในวันที่นายแป้งหลบหนีออกจากโรงพยาบาลในเวลาประมาณเที่ยงคืนนั้น ก็พบว่านายแป้งได้มุ่งหน้าไปหลบหนีบนเขา โดยไม่มีการแวะนอกเส้นทางอื่น” พล.ต.ท.อิทธิพล กล่าว

 

ด้าน พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีผู้ติดต่อไปยัง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อประสานขอเข้ามอบตัวเมื่อ 2 วันที่ผ่านมานั้น ว่า ยังไม่ยืนยันว่าบุคคลที่ติดต่อขอเข้ามอบตัวเป็นใคร และบุคคลที่จะขอเข้ามอบตัวนั้นเป็นใคร ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจนก่อน

 

อีกหนึ่งเส้นทางที่น่าสนใจ ในการหลบหนีจากเทือกเขาบรรทัดเพื่อออกนอกประเทศ คือฝั่งของจังหวัดสตูล

 

คือ ลงจากเขาบรรทัด ฝั่งบ้านราวปลาในอำเภอทุ่งหว้า หรือจากบ้านวังสายทองในอำเภอละงู ขับรถออกจากหมู่บ้านไปยังท่าเทียบเรือทุ่งหว้า ใช้เวลา แค่ 30 นาที และไม่มีด่านตรวจ

 

วันนี้ ทีมข่าวของเราจึงลงพื้นที่ไปที่ท่าเทียบเรือทุ่งหว้า อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล ซึ่งพบว่าถ้าเทียบเรือดังกล่าวเป็นท่าเทียบเรือของชาวประมงพื้นบ้านเป็นส่วนใหญ่ เป็นท่าเรือที่ค่อนข้างสงบไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่าน

 

นายวิจิตร ทุ่งหว้า ผู้ใหญ่บ้านหมู่2 ของตำบลทุ่งหว้าอำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล และเป็นชาวประมงที่อยู่ติดกับท่าเทียบเรือดังกล่าว นำทีมข่าวทดสอบลงเรือประมงของชาวบ้าน เพราะจากท่าเทียบเรือนี้สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้

 

ซึ่งทีมข่าวของเราจำลองเป็นเสี่ยแป้งแต่งกายมิดชิดเพื่อหลบหนี อยู่กับอวนหาปลา ซ่อนตัวอยู่ในเรือของชาวประมง

 

นายวิจิตร ทุ่งหว้า ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ของตำบลทุ่งหว้าอำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล และเป็นชาวประมงที่อยู่ติดกับท่าเทียบเรือดังกล่าว นำทีมข่าวหัวเราล่องเรือออกไปยังบริเวณปากอ่าวทะเลอันดามัน

 

พร้อมเปิดเผยว่าจากถ้าเทียบเรือดังกล่าวเมื่อออกมาสู่ปากอ่าวของทะเลอันดามันแล้ว  สามารถเดินทางไปต่อได้หลายประเทศ ทางซ้ายสามารถเชื่อมโยงไปออกได้ทั้งประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ ส่วนฝั่งตรงกันข้ามกับถ้าเทียบเรือสามารถมุ่งหน้าไปที่ประเทศอินโดนีเซีย แต่ต้องอาจใช้ระยะเวลาการเดินทางประมาณหนึ่งวันเต็ม

 

ส่วนทางด้านขวาสามารถเดินทางไปยังประเทศพม่าได้แต่จะเป็นเส้นทางที่ไกลกว่าฝั่งประเทศมาเลเซียสิงคโปร์และอินโดนีเซีย  ซึ่งถ้าหากจะไปฝั่งประเทศพม่านั้นอาจใช้เวลาเดินทางมากกว่าสองวัน

 

ซึ่งการเดินทางออกจากนอกประเทศถ้าหากว่าเป็นเรือประมงของชาวบ้านอาจจะไม่ได้เป็นที่สังเกตและในทะเลก็ไม่ได้มีการลาดตระเวนหรือตั้งด่านตรวจค้นเหมือนฝั่งถนน และถ้าหากเสี่ยแป้งรู้จักกับชาวประมงหรือใครที่จะสามารถพาล่องเรือหลบหนีได้ก็จะสามารถเดินทางออกนอกประเทศผ่านทางเรือได้เลย

 

นอกจากนั้น นายวิจิตร ทุ่งหว้า ผู้ใหญ่บ้านหมู่2 ของตำบลทุ่งหว้าอำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล และเป็นชาวประมงที่อยู่ติดกับท่าเทียบเรือดังกล่าว ยังนำทีมข่าวของเราล่องเรือออกไปดูเกาะแห่งหนึ่ง เรียกกันว่าเกาะบัน ซึ่งเป็นเกาะร้างที่มักจะเป็นที่ซ่อนตัว ของคนร้าย หรือคนที่กระทำความผิดแล้วหลบหนีคดีมา ซึ่งโดยปกติแล้วเกาะดังกล่าวนั้นคนทั่วไปจะไม่สามารถเข้าไปได้ มีแค่เพียงชาวประมงที่อาจจะใช้เข้าไปหลบลมทะเลเมื่อยามจำเป็นเท่านั้น

 

ที่ผ่านมาเคยมีคนหลบหนีคดีมาจากจังหวัดพัทลุงมาอยู่ที่เกาะดังกล่าวด้วย ผู้ใหญ่บ้านยังบอกกับเราว่ามีโอกาสเป็นไปได้ว่าเสี่ยแป้งก็อาจจะมาหลบ อยู่ที่นี่ก็ได้

เปิดพิกัดเกาะร้างแดนสวรรค์นักโทษหนีคดี มั่นใจแป้งพรางตัวทะเลพ้นประเทศ