จากกรณีที่กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายชุดขึ้นปฏิบัติการปิดล้อม “บ้านตระ” อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ (8 พ.ย.) และได้ปฏิบัติการตรวจค้นพื้นที่บ้านตระ จุดที่สืบทราบว่า เสี่ยแป้งหนีมาซ่อนตัวในหมู่บ้านก่อนขึ้นเขาบรรทัด จนได้รับรายงานว่า เกิดการยิงปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกลุ่มของ “เสี่ยแป้ง นาโหนด” ซึ่งวันนี้เข้าสู่วันที่ 14 แล้ว ที่ตำรวจยังคงปิดล้อมเขาอยู่ และยังจับตัวแป้งไม่ได้

 

ขณะเดียวกัน นายวัลลภ หรือโล้น อายุ 36 ปี หลัง ตำรวจอาวุธครบมือกว่า 30 นาย บุกเข้าไปคุมตัวถึงขนำ หลังพบเบาะแสว่ารู้จักกับ “พรานนก” ที่หายตัวไปจากหมู่บ้านหลังเหตุปะทะบนเขาบรรทัด คาดพา “เสี่ยแป้ง นาโหนด” หลบหนีเข้าป่า ขณะที่เจ้าตัว ชี้แจงว่า รู้จักกับ “นก” จริงและเคยยืมรถขับลงมาซื้อของข้างล่าง แต่ไม่เคยรู้จักกับเสี่ยแป้ง

 

วันนี้ (21 พ.ย.) นายวัลลภ หรือโล้น เปิดเผยถึงผลกระทบจากเหตุการณ์ในวันนั้นว่า ยังหวาดกลัวอยู่ และยังคิดว่าคงจะมีเจ้าหน้าที่มาปิดล้อมเหมือนเช่นวันนั้นอีก ภาพยังคงฝังตาอยู่ และตนยืนยันว่าไม่เคยส่งเสบียงให้ใคร ไม่ได้เป็นลูกเด็กหรือลูกน้องใคร ส่วนเสี่ยแป้งตนก็ไม่เคยเห็น ส่วนกับพรานนกยอมรับว่าเป็นเพื่อนกันจริง แม้จะพูดแบบนั้น แต่ทุกวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงสะกดรอยตามตนอยู่ตลอด ไม่ว่าตนจะไปไหน ยอมรับหวาดระแวง ใช้ชีวิตยากขึ้น อึดอัดใจ แม้แต่จะเดินทางลงมาซื้อข้าวสารด้านล่างเจ้าหน้าที่ก็จำกัดให้ซื้อแค่ครั้งละ 3 กิโลกรัมเท่านั้น  แต่ถามว่ากินวันเดียวก็หมดแล้ว เพราะครอบครัวตนอยู่กันเกือบ 10 ชีวิต และจะต้องขับรถลงมาซื้อทุกวัน และใครจะให้ค่าน้ำมันรถตน เพราะทุกๆครั้งตนจะซื้อข้าวสารไปตุนไว้ครั้งละหลายกิโลกรัม เพราะเส้นทางขึ้นลงบ้านตระยากลำบาก

 

สถานการณ์การติดตามไล่ล่าตัว “เสี่ยแป้ง” หรือนายเชาวลิต ทองด้วง นักโทษคดีอุกฉกรรจ์ หลบหนีออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา การปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เช่น กำลังตำรวจชุดสืบสวนภูธร จ.ตรัง กำลังชุดปฎิบัติการพิเศษหนุมานศรีตรัง กำลังตำรวจชุดสืบสวนภูธร ภาค 9 ยังคงมีการสับเปลี่ยนกำลังพลในทุกๆตอนเช้า โดยในวันนี้ (21 พ.ย.) กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกกันติดตามไล่ล่าตัว ทั้งบริเวณรอบชุมชนบ้านตระ เดินลาดตระเวนรอบเชิงเขา และเส้นทางที่จะไปในทาง จ.สตูล ซึ่งยังคงมีการตรึงกำลังอยู่เช่นเดิม โดยไม่มีการปรับแผนการใดๆ และไม่มีการลดหรือเพิ่มกำลังเพิ่มเติมแต่อย่างใด

 

ส่วนสถานการณ์สภาพอากาศในวันนี้ฝนได้ตกลงมาบ้างในบางส่วน แต่ไม่ได้ตกหนักเท่ากับช่วงหลายวันก่อน และมีท้องฟ้าเปิด ทำให้อุปสรรคปัญหาไม่ได้เกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่เท่าใดนัก ส่วนให้จะประสบปัญหาเรื่องรถจักรยานยนต์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ขับขึ้นลงยังชุมชนบ้านตระนั้น พบว่า เสียหายเป็นจำนวนมาก เนื่องจากรถที่ใช้ปฎิบัติงานเป็นรถจักรยานยนต์แบบธรรมดา ไม่ได้เป็นรถที่ใช้สำหรับบุกป่าลุยภูเขา เจ้าหน้าที่ต้องประสานทางช่างเข้ามาซ่อมแซมเพื่อให้ภารกิจเดินหน้าต่อไปได้

 

ส่วนตัวของ “เสี่ยแป้ง” นั้นส่วนใหญ่มีการคาดการณ์ว่าน่าจะยังคงหลบหนีอยู่บนเทือกเขาบรรทัด โดยมีพรานป่าชำนาญเส้นทางคอยให้การช่วยเหลืออยู่ และในส่วนของ พรานนก และพรานปริก ที่ได้หายตัวไปจากชุมชนบ้านตระนั้น ยังคงเป็นที่เฝ้าสังเกตของเจ้าหน้าที่ แต่ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าจะมีการรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับหรือไม่

 

อย่างไรก็ตามสำหรับเจ้าหน้าที่ที่ลาดตระเวน และมีการค้างแรมอยู่ในป่าเทือกเขาบรรทัด ณ ขณะนี้มีอยู่ 2 หน่วย คือเจ้าหน้าที่ชุดแดนไทย 54 และ ซิงก้า  ส่วนเจ้าหน้าที่หน่วยอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น หน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธร 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้  ทั้งยะลา ปัตตานี และนราธิวาส เป็นการลาดตระเวนแบบ ไป - กลับ

 

โดยในส่วนบริเวณ น้ำตกท่าช้าง เมื่อวานนี้ 20 พย.66  โดยจุดบริเวณดังกล่าวจะเป็นในส่วนของทางเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ ภ.จว.ปัตตานี มีการนัดรวมพลในส่วนของเจ้าหน้าที่ช่วงเวลา 9 โมง ก่อนที่จะมีการประชุมเพื่อวางแผนเส้นทางและเป้าหมายในการลาดตระเวนของวันนี้  หลังจากนั้น ช่วงประมาณ 10 โมง ทาง “ร.ต.ท.โยคิน วิชัยดิษฐ์ ”หัวหน้าชุดสยบศึก ฉลามทองจังหวัดปัตตานี   ได้มีการสั่งการให้ชุดปฏิบัติการจำนวน 7 นาย ได้ลงพื้นที่ไปยังจุดเป้าหมาย โดยในส่วนของจุดเป้าหมายวันนี้ที่ทางชุดปฏิบัติการดังกล่าวจะเข้าไปตรวจสอบนั้น จะเป็นจุดบริเวณใกล้กับน้ำตกท่าช้าง ภายหลังที่มีชาวบ้านให้ข้อมูลว่าจุดบริเวณดังกล่าว มีลักษณะเพลิงหินทับซ้อนกันคล้ายถ้ำ ซึ่งเป็นจุดที่ชาวบ้านเองเคยเข้าไปและเห็น รวมไปถึงชาวบ้านบางส่วน ยังมีการเรียกในส่วนของเพลิงหินดังกล่าว ว่า “ถ้ำลา”  

 

โดยชุดปฏิบัติการได้มีการออกจากบริเวณศูนย์บัญชาการช่วงประมาณ 10 โมงกว่า  ก่อนที่จะกลับมาช่วงประมาณบ่าย 2 โมง โดยเบื้องต้นในส่วนของจุดที่เข้าไปค้นหานั้น พบว่าบริเวณพิกัดจะอยู่ห่างจากศูนย์บัญชาการ ประมาณ  6-7 กิโลเมตร โดยลักษณะจะเป็นเส้นทางที่ขึ้นไปยังเทือกเขาบรรทัด ซึ่งจุดดังกล่าวหากเดินเลยไปจะไปบรรจบกับบริเวณพื้นที่ศรีนครินทร์ หรือพื้นที่อำเภอกงหรา และสามารถไปยังบริเวณจังหวัดตรังได้แต่ค่อนข้างใช้ระยะเวลานาน  ซึ่งจากการเข้าไปปฏิบัติการพบว่าเส้นทางนั้นจะเป็นลักษณะเส้นทางเรียบในส่วนของน้ำตกหรือทางน้ำไหล โดยการเดินเท้านั้นจะต้องใช้เวลาและความระมัดระวัง เนื่องจากจุดดังกล่าวเป็นพื้นดินสลับกับพื้นหิน รวมไปถึงบางช่วงบางตอนจะต้องมีการมีการข้ามลำธารกว่า 6 ลำธาร อาจจะต้องมีการโหนในส่วนของกิ่งไม้หรือเถาวัลย์ในพื้นที่เพื่อข้ามลำธารดังกล่าว  

 

โดยจากการสำรวจในส่วนของจุดเป้าหมายปรากฏว่าทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปพบ ถ้ำ ตามที่ทางชาวบ้านได้ให้ข้อมูล โดยบริเวณถ้ำดังกล่าวนั้นยังพบในส่วนของอุปกรณ์ยังชีพบางส่วน ไม่ว่าจะเป็น ข้องใช้ในการจับปลา รวมไปถึงยังเจอในส่วนของกองไฟ เศษปลากระป๋อง  รวมไปถึงยังพบในส่วนของกางเกง และผ้าห่มที่ตากอยู่ในบริเวณดังกล่าว

 

ชุดปฏิบัติการที่เข้าไปยังบริเวณ ถ้ำลา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เองได้เปิดเผยในส่วนของลักษณะว่าเบื้องต้น บริเวณที่เข้าไปนั้นจะอยู่ห่างกับจุดที่ทางเจ้าหน้าที่มีการตั้งจุดสกัดกั้นบริเวณเชิงน้ำตกท่าช้าง โดยบริเวณในส่วนของถ้ำนั้น จะห่างจากจุดดังกล่าวที่ทางเจ้าหน้าที่เริ่มเดิน ประมาณ 7 กิโลเมตร โดยต้องใช้ระยะเวลาเดินเท้าขึ้นลงนานกว่า 4-5 ชั่วโมง  ทั้งนี้ภายหลังที่ทางชาวบ้าน ได้ให้เบาะแสทางชุดปฏิบัติการก็ได้เข้าไปตรวจสอบและพบกับถ้ำดังกล่าว ซึ่งลักษณะของถ้ำนั้นจะเป็นเหมือนเพลิงหินสองก้อนมาพิงกันทำให้บริเวณใต้ท้องหิน ดังกล่าวสามารถเข้าไปนั่งหลบแดดหลบฝน หรือสามารถเข้าไปนั่งพักได้ แต่ในส่วนของทางเข้าถ้ำนั้นต้องยอมรับว่าหากทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ข้อมูลหรือเบาะแสจากทางชาวบ้านเอง อาจจะทำให้ไม่สามารถเจอหรือสังเกตได้ว่าจุดหรือบริเวณดังกล่าวนั้นเป็นถ้ำหรือพักพิงของทางชาวบ้าน

 

อีกทั้งในส่วนของการเข้าไปยังบริเวณปากถ้ำ ยังต้องมีการโหนในส่วนของเถาวัลย์เพื่อข้ามข้ามลำธารที่อยู่บริเวณหน้าถ้ำ เนื่องจากบางช่วงบางตอนปริมาณน้ำที่ค่อนข้างเยอะและสูงทำให้ไม่สามารถเดินฝ่าเข้าไปได้ 

 

อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบในส่วนของบริเวณถ้ำพบพบมีร่องรอยคล้ายบุคคลบุคคลพักอาศัยหรืออยู่มาก่อนหน้านี้  โดยสิ่งที่ทิศทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบและพบเจอนั้น จะเป็นในส่วนของข้องจับปลาเก่าที่ชำรุด พร้อมกับกระเป๋านักเรียน  พบในส่วนของกระป๋องปลากระป๋องสำเร็จรูปจำนวน 2 กระป๋อง  กองไฟเก่า  จานข้าว  แก้วเหล็ก  ผ้าห่มขนาดใหญ่  รวมไปถึงในส่วนของเศษอาหาร แต่ไม่พบในส่วนของร่องรอยเท้าคนในพื้นที่ ซึ่งจากการประเมินของทางเจ้าหน้าที่เองมองว่าร่องรอยและหลักฐานที่ตรวจสอบหรือเข้าไปเจอภายในบริเวณถ้ำนั้น น่าจะไม่ใช่ ข้าวของเครื่องใช้ของ เสี่ยแป้ง เนื่องจากในส่วนลักษณะของการใช้งานมองว่าเป็นสิ่งของที่ค่อนข้างเก่า และมีการทิ้งร้างไว้นานกว่า 1-2 เดือน  รวมไปถึงจุดบริเวณดังกล่าวในส่วนของข้อมูลและเบาะแสทางเจ้าหน้าที่ได้มาจากทางชาวบ้าน จึงทำให้คาดการณ์และสันนิษฐานได้  ว่าสิ่งของส่วนหนึ่งอาจจะมาจากทางชาวบ้านในพื้นที่ที่เข้าหาของภายในบริเวณป่าและจุดด่างดังกล่าว

 

 

นายวราวุธ ศิลปอาชา ชี้แจงถึงกรณีมีภาพถ่ายรูปร่วมกับ เสี่ยแป้ง นาโหนด ว่า ได้เห็นภาพดังกล่าวแล้ว ซึ่งจากการแต่งตัวและรูปร่างของตัวเอง คงนานพอสมควร หากจำไม่ผิดน่าจะเป็นช่วงก่อนการเลือกตั้ง วันที่ 24 มีนาคม 2562 ที่ตนได้ลงพื้นที่หาเสียง ในช่วง ปลายปี 2561 และต้นปี 2562 ซึ่งการเป็นนักการเมือง ไปปราศรัยหาสิ่งที่ใด เมื่อมีใครมาขอถ่ายรูปหากไม่ยอมให้ถ่ายก็คงผิดวิสัย

 

ทั้งนี้ยืนยันว่าตนไม่รู้จักกับ “แป้ง นาโหนด” และไม่เคยได้มีโอกาสคลุกคลี เพียงแต่การลงพื้นที่ก็มักมีคนมาถ่ายรูปด้วย จึงคาดเดาไม่ได้ว่าเป็นใครคนไหนอย่างไร ก่อนยืนยันอีกครั้งว่าตนไม่มีความเชื่อมโยงกับแป้งนาโหนดแต่อย่างใด

พรานป่าวุ่นถูกสกัดเสบียง "นก" ล่องหนหวั่นแป้งยืมมือ "ท็อป" เคลียร์กอดคอเสี่ยทำไม