เจ้าอาวาสวัดช้าง จ.อ่างทอง เผย พบเจดีย์สมัยอยุธยาตอนปลาย บรรจุอัฐิพระราชมนู ทหารเอกคู่ใจสมเด็จพระนเรศวร ภายในวัด หลังชาวโซเชี่ยลแห่ตามหาประวัติของพระราชมนู ซึ่งหายไปจากประวัติศาสตร์
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก พระครูสุวัฒน์วรกิจ (สุพจน์ สุวจจโน) เจ้าอาวาสวัดช้าง (ช้างให้) ต.บ้านอิฐ อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง ว่า ภายในวัดมีเจดีย์รูปทรงกรม (ระฆังคว่ำ) สมัยอยุธยาตอนปลาย บรรจุอัฐิพระราชมนูทหารเอกคู่ใจสมเด็จพระนเรศวร พร้อมด้วยเจดีย์บรรจุอัฐิภรรยาพระราชมนู และวิหารที่พระราชมนู สร้างถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนเรศวร หลังชาวโซเชี่ยลตามหาประวัติของพระราชมนู ขุนศึกคู่ใจของสมเด็จพระนเรศวรซึ่งหายไปจากประวัติศาสตร์
พระครูสุวัฒน์วรกิจ เปิดเผยว่า วัดช้างให้ สร้างราวปี พ.ศ. 1845 ต่อมาสมัยอยุธยา ในปี พ.ศ. มีการรบที่ทุ่งบางแก้ว พระราชมนู แม่กองระวังหน้า ได้ใช้วัดช้างให้เป็นที่ตั้งทัพทหารหมื่นนาย ออกรบแบบกองโจรกับพระเจ้าเชียงใหม่จนได้รับชัยชนะ สมเด็จพระนเรศวรทรงโปรดให้นำพระราชทรัพย์มาปฎิสังขรณ์วัด พระราชมนู (เพชร) จึงให้นายพลอย (ครูดาบ) ใช้เรือกระแชงไปขนทองคำและสิ่งของที่จำเป็นจากกรุงศรีอยุธยา พร้อมช่างสิบหมู่มาช่วย
ต่อมาหลังเปลี่ยนแผ่นดิน พระราชมนูได้ลาออกจากตำแหน่ง สมุหกลาโหม มาบวชที่วัดช้างให้ และได้สร้างวิหารถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนเรศวร พระราชมนู หรือหลวงพ่อเพชร ได้จำพรรษาที่วัดช้างให้จนสิ้นอายุขัย ศิษย์และชาวบ้านจึงร่วมกันสร้างเจดีย์บรรจุอัฐิรูปทรงกลม (ระฆังคว่ำ) ของท่านและภรรยา ไว้ที่วัดจนถึงบัดนี้
ขณะที่สภาพเจดีย์ซึ่งบรรจุอัฐิของพระราชมนู อยู่ในสภาพที่ทรุดโทรมอย่างมาก ทางวัดทำได้แต่เพียงดูแลรักษาไม่ให้ทรุดโทรมไปมากกว่าที่เป็นอยู่เท่านั้น เนื่องจากไม่มีหน่วยงานราชการเข้ามาสำรวจ ดูแล หรือปรับปรุงแต่อย่างใด โดยชาวบ้านอยากให้ช่วยบูรณะเจดีย์ให้สวยงาม สมกับคุณความดีที่ท่านทำให้กับแผ่นดิน โดยในวันที่ 9 ตุลาคมนี้จะมีการสร้างอนุสาวรีย์พระราชมนู เพื่อให้เยาวชนและประชาชน ได้รำลึกถึงคุณงามความดีของท่านต่อไป
cr.สุรชัย/อ่างทอง

















