จากกรณีเมื่อวันที่ 30-31 ตุลาคม 2566 ทีมข่าวช่อง 8 ได้ติดตามเรื่องของ 2 เด็กยอดกตัญญูที่ออกเดินขายขนม ย่านมีนบุรี เพื่อนำเงินไปรักษาแม่ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งกล่องเสียง ซึ่งครอบครัวนี้จะมีอยู่ด้วยกัน 3 คน คือ นางวนิดา อายุ 37 ปี (แม่ที่ป่วยมะเร็ง) , เด็กหญิงปัญณิชา หรือ น้องพั้นช์ อายุ 13 ปี (ลูกสาว) , เด็กชายมาวิน หรือ น้องไนซ์ อายุ 6 ขวบ (ลูกชาย) จากที่ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนางวนิดาและเด็กหญิงปัญณิชา ทำให้ทราบว่าก่อนหน้านี้ ครอบครัวนี้ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง โดยต้องตระเวนขออาศัยอยู่กับคนรู้จักและเพื่อน ๆ นานร่วมปี แต่เมื่อวานนี้ (31 ตุลาคม) ทางนางวนิดาได้นำเงินจำนวนหนึ่งที่ได้จากผู้สงเคราะห์มาเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่ร่วมกับลูก ๆ ย่านบางชัน นอกจากนี้ยังมีหลายคนที่ทราบข่าว นำสิ่งของเครื่องใช้และข้าวสารอาหารแห้งมาให้ทางครอบครัวนี้
ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 จึงได้เดินทางไปบริเวณซอยพระยาสุเรนทร์ 30 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. เมื่อไปถึงก็พบว่าทางแม่หนุ่ยและลูก ๆ กำลังขนของเข้าห้องพัก ทีมข่าวจึงได้ทำการช่วยขนของจากบริเวณชั้น 1 ขึ้นไปชั้น 4 ซึ่งเป็นห้องพักของครอบครัวนี้ จากนั้นก็ได้มีการนั่งคุยกับแม่หนุ่ย หรือ นางวนิดา อายุ 37 ปี โดยเธอเล่าว่า ก่อนหน้านี้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เธอได้ประกอบอาชีพเป็นพนักงานจัดเก็บค่าผ่านทางพิเศษ ด่านทับช้าง
ส่วนสามีของตนก็เป็นพนักงานจราจรที่ด่านทับช้างเช่นเดียวกัน ทั้งคู่ก็ใช้ชีวิตครอบครัวอย่างปกติสุข มีลูกสาว 1 คน ลูกชาย 1 คน แต่เหตุการณ์เริ่มพลิกผันก็ตอนปี 2564 คือเธอเริ่มมีอาการแปลก ๆ มีเลือดไหลออกทางจมูก เริ่มเจ็บปวดภายใน ทานข้าวแล้วอาเจียน อ่อนเพลียหน้ามืดบ่อย ๆ ซึ่งตอนนั้นแพทย์ลงความเห็นว่าเธอป่วยด้วยโรถกรดไหลย้อนเรื้อรัง แต่ต่อมาเธอก็เริ่มมีอาการที่ทรุดลงอย่างเห็นได้ชัด จนมาตรวจอีกครั้งในปี 2565 และพบว่ามีก้อนเนื้ออยู่บริเวณหลังกล่องเสียง เมื่อตัดไปตรวจก็พบว่าเธอนั้นเป็นมะเร็ง ทำให้สามีขอหย่าร้างในทันที เธอจึงลาออกจากงานเดิม แล้วมาประกอบอาชีพเป็นเซลล์ขายอุปกรณ์รถยนต์ ซึ่งหลังจากนั้นสามีก็ไม่มีการติดต่อหรือส่งเสียลูก ๆ อีกเลย กระทั่งช่วงกลางปีที่ผ่านมา เธอก็ทราบข่าวว่าอดีตสามีได้ขับรถพุ่งชนต้นไม้จนเสียชีวิต
พอหลังจากที่อดีตสามีเสียชีวิต นางวนิดาจึงไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เพราะเธอเองก็ไม่สามารถทำงานต่อได้เนื่องจากอาการป่วย เธอจึงพาลูกทั้ง 2 คน ตระเวนไปขออยู่กับญาติ ๆ ด้วยความเกรงใจ ก็จะขอพักอาศัยอยู่กับญาติ ๆ เพียงแค่ 1-2 เดือน จากนั้นก็จะย้ายไปขออยู่กับเพื่อน แล้วก็สับเปลี่ยนกันไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งล่าสุดเดือนกันยายน นางวนิดาได้ไปอาศัยอยู่กับ นายปุ้ย (สงวนชื่อจริง) ซึ่งนายปุ้ยนั้นเป็นคนที่คอยช่วยเหลือเธอมาตลอด เธอก็รู้สึกขอบคุณมาโดยตลอด
แต่หลังจากที่เมื่อวานนี้ได้ออกข่าวช่อง 8 ก็เริ่มมีคนเข้ามาให้ความช่วยเหลือ โดยนำเงินมามอบให้ 8,000 บาท ตนจึงอยากนำเงินส่วนนี้มาหาที่อยู่เป็นหลักแหล่งเพื่อให้ครอบครัวไม่ต้องหิ้วกระเป๋าย้ายไปอาศัยอยู่บ้านคนนั้นที คนนี้ที นอกจากนี้ก็เป็นเพราะความเกรงใจ เพราะมีคนใจดีหลายคนที่พยายามติดต่อเข้ามาเพื่อนำของใช้ต่าง ๆ มาให้ ทำให้มีคนเข้า ๆ ออก ๆ บ้านของนายปุ้ยบ่อย ๆ ตนก็รู้สึกเกรงใจ และกลัวว่าจะไปรบกวนเวลาพักผ่อนของเจ้าของบ้าน
โดยช่วงเช้าวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ พม. ก็ได้ติดต่อเข้ามาช่วยเหลือดูแลในเบื้องต้น โดยมอบข้าวสารอาหารแห้งจำนวนหนึ่ง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ พม. ก็ได้บอกว่ากำลังทำเอกสารเพื่อให้แม่หนุ่ยได้เงินสงเคราะห์จำนวน 2,000 บาทต่อเดือน นอกจากนี้ หลังจากที่เมื่อวานน้องไนซ์ได้เอ่นปากบอกว่าอยากได้ทีวี วันนี้ก็ได้มีหญิงสาวใจดีรายหนึ่งส่งทีวีขนาดใหญ่มาให้ที่หอพัก หลังจากที่น้องไนซ์ได้เห็นก็แสดงท่าทีดีใจ ทีมข่าวช่อง 8 จึงได้ติดตั้งให้น้องไนซ์ หลังจากเปิดทีวีได้ สองพี่น้องก็พากันยิ้มร่า และเปิดรายการที่ชอบนั่งดูด้วยกัน
ซึ่งตอนนี้ทางนางวนิดาเผยว่า ตนนั้นไม่กังวลอะไรอีกแล้ว เพราะตอนนี้ทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้น ตนเริ่มจะตั้งตัวได้ หลังจากนี้ตนจะให้ลูกทั้งสองหยุดเดินขายของตามที่ต่าง ๆ แต่จะหันมาขายในช่องทางออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊กของน้องพั้นช์ เพราะพรุ่งนี้จะเป็นวันเปิดเทอม จึงอยากให้ลูก ๆ โฟกัสกับเรื่องเรียน เพราะลูกทั้งสองคนเป็นเด็กเรียนดี ส่วนตนเองก็จะทำขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปขายบริเวณหน้าโรงเรียน
ทั้งนี้ตนก็อยากขอบคุณทุกคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือครอบครัวของตน ตนรู้สึกขอบคุณและซาบซึ้ง และรู้สึกภูมิใจในตัวลูกเป็นอย่างมาก เพราะลูกเป็นเหมือนกำลังใจและเป็นเหมือนของขวัญที่มีค่าสำหรับตน
ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับ น้องพั้นช์ อายุ 13 ปี โดยน้องพั้นช์เล่าว่าปกติแล้ว ตนและน้องชายจะนำขนมไปขายบริเวณร้านอาหารต่าง ๆ แต่มักจะถูกเจ้าของร้านไล่ให้ไปขายที่อื่น ต่อมาน้องจึงได้ปักหลักขายอยู่ที่บริเวณหน้า 7-11 ภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งจะขายตั้งแต่เวลาประมาณ 5 โมงเย็น ถึง 5 ทุ่ม วันนึงก็จะมีรายได้ประมาณ 200-300 บาท แต่เมื่อวานนี้ หลังจากที่มีการแชร์เรื่องราวของครอบครัวน้องพั้นช์ในโซเชียล ก็เริ่มมีคนเข้ามาติดต่อให้ความช่วยเหลือ ซึ่งก็มีชายคนหนึ่งเข้ามาหาและให้เงินสด 8,000 บาท น้องพั้นช์จึงนำเงินส่วนนี้มาเช่าหอพักอาศัยกับแม่และน้องชาย เนื่องจากพรุ่งนี้จะเป็นวันเปิดเทอมวันแรก จึงอยากให้ครอบครัวมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่อยากให้แม่ต้องระหกระเหินหิ้วกระเป๋าไปอยู่บ้านนั้นที บ้านนี้ที พอมาวันนี้ก็รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่ตัวเองมีที่อยู่เป็นของตัวเองแล้ว ถึงจะไม่ใหญ่โตอะไรแต่ตัวเองก็มีความสุขมาก ๆ
เมื่อทีมข่าวถามว่า "ทำไมน้องพั้นช์ถึงดูสดใส และร่าเริงอยู่ตลอด น้องเคยรู้สึกท้อบ้างหรือเปล่า" น้องพั้นช์ก็ตอบว่าตัวเองนั้นรู้สึกท้ออยู่บ่อย ๆ แต่ที่ยังมีแรงสู้ต่อก็เพราะว่าตัวเองนั้นมีแม่คอยให้กำลังใจ ถ้าเหนื่อยเมื่อไหร่ก็แค่หันไปกอดแม่ และแม่ก็จะชู 2 นิ้วกลับมาให้เสมอ น้องจึงรู้สึกว่ายังมีแม่ที่คอยอยู่เคียงข้าง นั่นจึงเป็นเหตุผลให้น้องยิ้มออกและมีความสุขตลอดเวลา
น้องพั้นช์ ยังบอกอีกว่าตัวเองนั้นชอบเรียนวิชาภาษาอังกฤษ เมื่อโตขึ้นในอนาคตก็อยากประกอบอาชีพแอร์โฮสเตส เพราะตนนั้นมีความชอบมาตั้งแต่เด็ก ๆ วันนี้น้องพั้นช์ จึงโชว์พูดขอบคุณคนที่เข้ามาช่วยเหลือเป็นภาษาอังกฤษให้ฟัง
ขณะที่เด็กหญิงณัฐกัญญา อายุ 13 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของน้องพั้นช์ เล่าว่า ได้รู้จักกันมาตั้งแต่ช่วงเข้า ม.1 แรก ๆ ซึ่งตนเป็นคนเข้าไปทักพั้นช์ก่อน จากนั้นคุยไปคุยมาก็เริ่มสนิทกัน นั่งเรียนใกล้ ๆ กัน ซึ่งพั้นช์เองจะเป็นคนที่ตั้งใจเรียน และตอบคำถามในห้องเรียนบ่อย ๆ วันหยุดก็จะชวนกันไปดูหนัง โดยช่วงแรกที่ตนชวนพั้นช์ไปดูหนัง พั้นช์ก็จะปฏิเสธและบอกว่าไม่มีเงิน ตนจึงอาสาจ่ายให้ทุกครั้ง ตอนแรกก็แปลกใจว่าทำไมเพื่อนถึงไม่มีเงินเลย แต่พอมาทราบข่าวว่าเพื่อนนั้นลำบากจริง ๆ ตนก็นึกเสียใจ ไม่คิดว่าเพื่อนจะต้องทำงานหนักและเป็นเสาหลักให้กังครอบครัว วันนี้ในฐานะเพื่อน จึงอยากให้กำลังใจพั้นช์ หากพั้นช์ดูอยู่ก็อยากบอกว่า "สู้สู้นะ พั้นช์ต้องทำเพื่อแม่ให้ได้ พั้นช์เก่งมาก ๆ เลย เก่งที่สุดแล้ว"
ซึ่งวันนี้จะเป็นวันเปิดเทอมวันแรก ทีมข่าวช่อง 8 จึงได้เดินทางไปที่โรงเรียนบางกะปิ แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่น้องพั้นช์ กำลังศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณครูประจำชั้นของน้องพั้นช์ เล่าว่า ปกตินักเรียนคนนี้จะเป็นเด็กเรียนดี ตั้งใจเรียนตลอด โดยเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษที่จะสอบได้อับดับ 1 ตลอด และจะเป็นคนที่ชอบร่วมทำกิจกรรมของโรงเรียนอยู่เสมอ ซึ่งครูเองก็มองเห็นศักยภาพตรงนี้และอยากจะสนับสนุนให้นักเรียนไปได้ไกลและเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก่อนหน้านี้ในเทอม 1 ครูประจำชั้นเองก็สังเกตเห็นว่านักเรียนนั้นมีพฤติกรรมแปลก ๆ คือมักจะเข้าโรงเรียนสายเป็นประจำทุกวัน เมื่อสอบถามก็ได้ทราบว่า มีสาเหตุมาจากสภาพของครอบครัว คือ นักเรียนไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ต้องอาศัยอยู้บ้านญาติ ซึ่งอยู่ห่างจากโรงเรียน จึงทำให้เดินทางมาเข้าแถวตอนเช้าไม่ทัน
ส่วนเรื่องปัญหาครอบครัว อาทิ แม่ป่วยหนัก หรือขาดทุนทรัพย์ ทางเด็กหญิงปัญณิชา (น้องพั้นช์) ก็ไม่เคยนำเรื่องนี้มาปรึกษากับครูประจำชั้น คาดว่าตัวนักเรียนคงจะไม่กล้าพูดหรือขอความช่วยเหลือจากโรงเรียน และก่อนหน้านี้คุณครูก็ไม่เคยทราบอาการป่วยของคุณแม่มาก่อน เพราะเมื่อเทอม 1 ครูได้มีโอกาสเจอกับนางวนิดา ตอนนั้นก็เห็นว่า นางวนิดาดูปกติดีทุกอย่าง ยังพูดคุยถามไถ่เกี่ยวกับการเรียนของเด็กหญืงปัญณิชาอยู่เลย จนกระทั่ง 2-3 วันมานี้ ที่ได้ทราบเรื่องจากข่าวช่อง 8 เพราะมีการส่งต่อข่าวในกลุ่มของคุณครู หลังได้ทราบเรื่อง คุณครูก็ได้พยายามติดต่อไปหานักเรียนทันที ซึ่งจากการพูดคุยก็ทำให้ได้ทราบว่า คุณแม่นั้นป่วยเป็นมะเร็งกล่องเสียง ส่วนคุณพ่อก็เสียชีวิตไปแล้ว ทำให้นักเรียนต้องทำงานหาเงินดูแลครอบครัว