ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกชุดเข้าค้นบ้านนางหมวยต.ควนขนุน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง เบื้องต้นพบนางหมวย โดยเจ้าหน้าที่ได้แสดงหมายค้น เพื่อหาหลักฐานที่อาจจะเชื่อมโยง พร้อมทั้งได้ตรวจยืดสลิปการโอนเงิน และบัญชีธนาคารเพื่อตรวจสอบ
โดยสาวหมวย ได้ให้การกับตำรวจว่า ตนไม่ทราบเลยว่าเสียแป้งจะหลบหนีออกจากโรงพยาบาล ทราบแต่เพียงว่าก่อนหน้านี้ภรรยาเสียแป้งมาหาบอกว่าเสี่ยแป้ง อยู่โรงพยาบาล เขาไม่สะดวกไปเฝ้าหรือดูแล ให้ตนช่วยหาผู้ดูแลที่โรงพยาบาลให้หน่อย ตนเลยติดต่อป้าที่ดูผู้ป่วยยังโรงพยาบาลเพราะรู้จักกันหลังจากไปเยียมเสี่ยแป้งที่โรงพยาบาลมาหลายครั้งก่อนหน้านี้ ก่อนโทรศัพท์ติดต่อไปพูดคุยราคา โดยคนเฝ้าบอกว่า คืนละ 550 บาทในการดูแล ตนต่อรอง 400 บาทได้ไหม คนที่รับจ้างดูแลบอกว่าได้ ก่อนโอนเงินให้ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายและค่าใช้สอย แต่ตนไม่ทราบเลยจริงถึงแผนของการหลบหนี
ขณะตำรวจสอบถามรู้จักเสี่ยแป้งหรือสนิทกับครอบครัวนี้อย่างไร สาวหมวยบอกสนิทกันเพราะสามีเป็นลูกน้องของเสี่ยมานานหลายปี ก่อนสามีโดนจับกุมในข้อหาอุ้มฆ่า ในพื้นที่อ.เมือง จ.พัทลุง โดยศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่าสำหรับสาวหมวยนั้นก่อนหน้านี้ได้ร่วมกับสามีนายเจมส์ อุ้มฆ่าสาวก้อยหลังทวงเงินจากสาวก้อยไม่ได้ก่อนนำมาขังแล้วทำการฆ่านำศพไปทิ้งริมลำคลอง ในพื้นที่ ต.นาโหนด อ.เมือง จ.พัทลุง เมื่อ 3 ปีก่อน ต่อมาได้หลบหนีและติดต่อขอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และศาลตัดชั้นต้นสินจำคุกสามี ตลอดชีวิต ส่วนสาวหมวยศาลยกฟ้อง ในชั้นต้น ดังกล่าว
จากนั้นตำรวจได้คุมตัวนางหมวย มาสอบปากคำเพิ่มที่ตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง โดยทีมข่าวได้พยายามสอบถามว่านางหมวยเป็นนกต่อช่วยเสี่ยแป้งหลบหนีหรือไม่ แต่นางหมวยปัดตอบคำถามสื่อ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าค้นบ้านของนาย จักรี หรือ บิ๊ก คนส่งกุญแจให้เสี่ยแป้งและอุปกรณ์หลบหลี โดยการเข้าค้นครั้งนี้เจอแต่พ่อของนายบิ๊ก เบื้องต้นไม่เจอตัวนายบิ๊กอยู่ที่บ้าน
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 23 ตุลาคม 2566 พลตำรวจตรีสมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช พันตำรวจเอกนัษฐวุฒิ ทองทิพย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ได้เข้าทำการสอบปากคำ น.ส.วิลาวัลย์ หรือไหม เป็นหญิงสาวที่รับจ้างเฝ้าไข้ และได้รับงานเฝ้าไข้นายเชาวลิต หรือเสี่ยแป้ง ปรากฏว่า น.ส.วิลาวัลย์ ได้ให้การเป็นประโยชน์อย่างมากโดยเฉพาะขั้นตอนการเข้าถึงตัวนายเชาวลิตของลูกน้องนายเชาวลิต การนำเอาอาวุธปืน กุญแจสำหรับไขโซ่ข้อเท้า การประสานงานการจ่ายเงินค่าแรงเฝ้าไข้ โดยมีผู้เกี่ยวข้ออีก 3 รายคือ นายจีรวุฒิ หรือปอย นายจักรี หรือบิ๊ก และนางยุวเรศ หรือหมวย มีการแบ่งหน้าที่กันทำ ส่วน น.ส.วิลาวัลย์ หรือไหม ผู้รับจ้างเฝ้าไข้ยืนยันว่านายเชาวลิต หรือแป้งนำโทรศัพท์มือถือของเธอไปใช้ และประสานงานให้มีการหลบหนี นายเชาวลิตหรือเสี่ยแป้งยังแจ้งด้วยว่าหากสำเร็จแล้วนั้นจะให้ค่าตอบแทนเป็นเงิน 2 แสนบาท และบ้านที่ภูเก็ตอีก 1 หลัง แต่ที่ได้จริงตอนนี้คือเงิน 2 พันบาทที่ นางยุวเรศ หรือหมวยโอนให้เพียง 2 พันบาทเท่านั้น
น.ส.วิลาวัลย์ ยังให้ข้อมูลสำคัญกับเจ้าหน้าที่ว่า นายเชาวลิต หรือเสี่ยแป้ง ได้ใช้คีมตัดเหล็กตัดกุญแจ โดยทำในผ้าห่มคืนวันที่ 20 แล้ว 1 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จวันรุ่งขึ้นได้แจ้งผู้คุมขอเปลี่ยนโซ่ปรากฎว่าผู้คุมได้นำโซ่มาเปลี่ยนให้ มีการพันธนาการแบบหลวมมาก จนกระทั่งตอนดึกคืนวันที่ 21 นายปอย ซึ่งได้มาเฝ้านายเชาวลิตอยู่ด้วยโดยอยู่ปะปนกับญาติคนอื่นๆแบบเนียนๆได้ลงไปรับกุญแจจากนายบิ๊กด้านล่างแล้วนำมาส่งให้หลังจากนั้นนายเชาวลิตได้ใช้ผ้าห่มคลุมทับไขจนสำเร็จแล้วไปเปลี่ยนผ้าเดินลงไปด้านล่าง แล้วหนีหายไปส่วนตนเองนั้นด้วยความตกใจยังอยู่ด้านบนจนกระทั่งเจ้าหน้าที่ทราบเรื่อง
น.ส.วิลาวัลย์ ยังได้บอกข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า วันที่ 21 ตุลาคม เสี่ยแป้งได้ขอยืมโทรศัพท์ตน ต่ตนปฏิเสธเพราะไม่อยากถูกเกี่ยวโยงขณะวางแผนหลบหนี แต่ทางเสียแป้งก็ได้ให้ต้นไปซื้อโทรศัพท์มือถือ OPP0 ราคา 2,900 บาท ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง กลางเมืองนครศรีธรรมราช โดยตอนขี่รถจักรยานยนต์ไปคนเดียวเพื่อซื้อโทรศัพท์มือถือในวันที่ 21 ตุลาคมเวลา 14:05 น.
ต่อมาทีมข่าวเดินทางมาที่ร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งกลางเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งวันที่ 21 ตุลาคม เวลา 14.00 น. นางวิลาวัลย์ หรือไหม อายุ 32 ปี เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับล่าสุดได้มาซื้อโทรศัพท์มือถือให้กับนายชวลิตหลังถูกว่าจ้างให้มาซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ โดยนางสาวฝน (นามสมมติ ) เป็นพนักงานในร้านบอกว่า ตอนที่นางวิลาวัลย์มาซื้อโทรศัพท์ มาเพียงลำพัง ซึ่งตอนนั้นมีลูกค้าในร้านจำนวนมากจึงไม่ได้สังเกต
ซึ่งนางวิลาวัลย์มาซื้อโทรศัพท์มือถือ OPPO ราคา 2,900 บาท ซื้อด้วยเงินสด พอซื้อเสร็จก็ให้ทางร้านโอนข้อมูลจากเครื่องเก่าย้ายมาเครื่องใหม่ ซึ่งทางร้านก็บอกไปว่าจะต้องใช้อีเมล์ในการย้ายข้อมูลสำรอง แต่ทางนางสาววิลาวัลย์อ้างว่าจำไม่ได้ตนจึงกดลืมรหัสผ่าน พอย้ายข้อมูลให้เสร็จนางสาววิลาวัลย์ก็เดินออกไป
ในส่วนข้อมูลอื่นได้ให้การกับตำรวจไปแล้ว เผยตอนนี้กลัวมากที่รู้ว่าหนึ่งในผู้ต้องหาได้มาซื้อโทรศัพท์มือถือที่ร้านของตน ซึ่งที่ผ่านมามีกระแสลือว่า นายเชาวลิตเป็นผู้ต้องหาหลายคดีซึ่งยังเป็นคนน่ากลัว ก็กลัวว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นฝ่ายตรงข้ามจะไม่พอใจที่ให้ข้อมูลหรือไม่และจะมีผลกระทบเรื่องความปลอดภัย เพราะตอนนี้ก็ยังจับไม่ได้
ล่าสุดมีรายงานว่าตำรวจแกะรอยสัญญาณโทรศัพท์ เสี่ยแป้ง พบว่า ยังไม่หลบหนีออกนอกประเทศ โดยพบว่าหลังหลบหนีจากโรงพยาบาลพบสัญญาณโทรศัพท์ ในพื้นที่ เขาพับผ้า จ.พัทลุง และล่าสุดพบสัญญาณอยู่ในพื้นที่ จ.สตูล ซึ่งกำลังตำรวจกำลังเร่งล่าติดตามตัว เสี่ยแป้ง ส่วนนายเฉลิมพงษ์ นายจักรี และนายจีรวุฒิ ลูกสมุนที่พาเสี่ยแป้งนาโหนด หลบหนี แนวทางสืบสวนพบว่าหลังจากช่วย เสี่ยแป้ง หลบหนีออกจากโรงพยาบาลสำเร็จแล้ว มีการแยกย้ายกันหลบหนี ล่าสุดทางตำรวจนครศรีธรรมราช