จากกรณีข่าวที่ ลุงวิเชียร เจ้าของเล้าหมู จ.ลพบุรี ที่อ้างว่าเจอกระสือตัวเป็น ๆ อีกทั้งยังได้เผชิญหน้าแบบจัง ๆ ซึ่งเปิดเผยว่าเห็นเป็นหน้าผู้หญิงแก่มีไส้ห้อย และแยกเขี้ยวใส่มีไฟสีแดงลอยแวบ ๆ ลอยไปลอยมา และเจอกระสือถึง 2 ครั้ง หนึ่งในนั้นเป็นช่วงตี 1 ถึง ตี 2 ของวันที่ 13 ตุลาคมที่ ผ่านมา และกลายเป็นประเด็นฮือฮา จนชาวบ้านนอนกันไม่ได้ ผวาเพราะมันเหิมเกริมมาก ก่อนจะพากันตามล่ามันจนกว่าจะเจอ สุดท้ายมารู้ความจริงว่า ทีแท้กระสือตัวนี้เป็นกะเทยใส่หน้ากาก เพราะมีคนเจอหน้ากากตกอยู่ใกล้จุดที่ลุงวิเชียรเห็นกระสือ
ล่าสุด 18 ตุลาคม 2566 ทีมข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่มายังหมู่ 11 ต.บ้านเบิก อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี พบกับนางเพ็ญพิสุทธิ์ เหล็กไหล อายุ 54 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.โพธิ์ตุ อ.เมือง จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นคนพบหน้ากากคล้ายยักษ์ ที่คาดว่าจะเป็นของขโมยไม่ใช่กระสือที่ลุงวิเชียรเห็น โดยนางเพ็ญพิสุทธิ์ เผยกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า ช่วงเช้าของกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุวันที่นายวิเชียรพบกระสือ 1 วัน ตนได้วิ่งออกกำลังกาย และสังเกตว่าข้างทางมีหน้ากากตกอยู่บริเวณปากทางเข้าซอยบ้านของลุงวิเชียร จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นคนสวมหน้ากาก เพื่อมาขโมยของนายวิเชียร หรือทรัพย์สินอื่น ๆ ที่มีค่าในหมู่บ้าน ส่วนเรื่องของกระสือนั้น ตนไม่เชื่อว่าจะมีอยู่จริงเพราะไม่เคย อีกทั้งคนในหมู่บ้านก็ไม่กลัวและไม่เชื่ออีกเช่นกันว่าจะมีกระสือจริง ๆ
นายอำเภอ ออกเอกสารชี้แจง ปมชาวบ้านอ้างว่าเจอกระสือ
นายพิษณุ ประภาธานานันท์ นายอำเภอเมืองลพบุรี ได้ออกเอกสารแจ้งต่อผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี โดยมีข้อความว่า จากกรณีมีปรากฏภาพข่าวจากสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับการพบเจอกระสือในพื้นที่ ต.โพธิ์ตรุ อ.เมืองสพบุรี จ.ลพบุรี สร้างความหวาดกลัวและตื่นตะหนก ให้กับประชาชนในพื้นที่หลายตำบลของ อ.เมืองสพบุรี และต.บ้านเบิก อ.ทำวุ้ง จ.ลพบุรี
ในการนี้นายอำเภอเมืองลพบุรีมอบหมายให้ปลัดอำเภอฝ้ายความมั่นคงร่วมกับนายกองค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์ตรู และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตำบลโพธิ์ตรุ ตรวจสอบข้อเท็จริงตามที่ปรากฏข่าวดังกล่าวสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้
กรณีของผู้ให้ข่าวชื่อนายวิเชียร แจ้งว่าพบกระสือที่บ้านช่วงกลางตึกประมาณกลางเดือนกันยายน 2566 ตนกับกระสือระยะห่างประมาณ 5 เมตร เห็นเฉพาะใบหน้า อ้างว่าเป็นหญิงแก่ผมขาสลับดำ จ้องหน้าแยกเขี้ยวใส่นายวิเชียร และนายวิเชียรใช้จอบเสียมไล่ตีกระสื่อออกมาทางถนน นายวิเชียรได้นำเรื่องที่ประสบเหตุดังกล่าวไปเล่าให้กับชาวบ้านในระแวกใกล้เคียงทราบและได้มีการพูดคุยต่อ ๆ กันไป
แต่จากการสืบข้อเท็จจริงผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ตำบลโทธิ์ตรุ ซึ่งมีบ้านอยู่ติดกับบ้านนายวิเชียร แจ้งว่าช่วงเช้าหลังเกิดเหตุวันที่นายวิเชียรพบกระสือ ตนได้วิ่งออกกำลังกาย ได้พบหน้ากากบริเวณหน้าบ้านของนายวิเชียรมีลักษณะตรงตามที่นายวิเชียรให้ข่าว จึงเชื่อได้ว่าน่าจะเป็นคนสวมหน้ากากเพื่อมาขโมยไก่ชนของนายวิเชียรหรือทรัพย์สินมีค่าอื่น
ทั้งนี้ นายอำเภอเมืองลพบุรีได้ขอความร่วมมือองค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์ตรุ กำนันผู้ใหญ่บ้านตำบลโพธิ์ตรูช่วยประชาสัมพันธ์เสียงตามสายและขับรถ แจ้งเตือนประชาชนอย่าตื่นตะหนกกับข่าวที่ปรากฎ พร้อมทั้งฝ้าระวังทรัพย์สินของมีค่า เครื่องมือการเกษตรหากมีความคืบหน้าประการใดจะแจ้งให้จังหวัดทราบในโอกาสต่อไป
ลุงวิเชียร ยันเห็นกระสือจริง ไม่ใช่โจรใส่หน้ากากขโมยไก่
ลุงวิเชียร ก็ได้เปิดใจกับบรรดาสื่อมวลชน เผยว่า ตนขอยืนยันเลยว่าสิ่งที่ตนเห็นคือกระสือจริง ๆ ไม่ใช่โจรที่มาขโมยของ เพราะแถวหมู่บ้านตนไม่เคยมีใครของหาย ต่อมาทีมข่าวได้นำหน้ากากที่ผู้ใหญ่บ้านเพ็ญพิสุทธิ์ พบบริเวณปากทางเข้าซอยบ้านของลุงวิเชียร มาจำลองเหตุการณ์ให้ลุงวิเชียรดูว่า เมื่อนำหน้ากากที่พบมาเปิดแฟลชใส่หน้ากากเพื่อให้มีแสงออกมา แล้วไปยืนอยู่ในจุดที่ลุงวิเชียรเห็นกระสือ ว่าจะเหมือนในค่ำคืนนั้นหรือไม่ สรุปแล้วว่าลุงวิเชียรยืนยันอย่างหนักแน่นไม่เหมือนกับที่ตนเห็นกระสือในคืนนั้นเลยสักนิดเดียว
นายอ๋อง ยัน เห็นกระสือพร้อมกับลุงวิเชียร
ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนายอ๋อง สุนทร อายุ 42 ปี ชาวบ้านที่เห็นกระสือพร้อมกับลุงวิเชียร โดยนายอ๋องเล่าว่า ลุงวิเชียรได้เล่ากับตนว่าเห็นกระสือแถวบ้านตน จากนั้นในวันต่อมาลุงวิเชียรจึงได้นำเป็ดมาห้อยไว้กับต้นแถวหน้าบ้าน จากนั้นในตอนกลางคืนตนกับลุงวิเชียรก็นั่งเฝ้ากัน ซึ่งต่อมาตนและลุงวิเชียรก็เห็นแสงไฟแวบ ๆ สีแดงลอยมาคาบเป็ดไปกิน เมื่อเห็นเช่นนั้นตนก็ตกใจ แต่ทั้งตนและลุงวิเชียรก็วิ่งพยามไล่กระสือที่คาบเป็ดไปเรื่อย ๆ ระยะทางกว่า 100 เมตร เพราะอยากเห็นว่าใกล้ ๆ ว่ากระสือเป็นเช่นไร และเมื่อวิ่งมาถึงตรงที่กระสือหยุดกินเป็ด ตนก็เห็นว่าเป็ดนั้นตกอยู่ที่นั่งร้าน โดยสภาพของเป็ดนั้นกระสือได้กัดไปที่ตูดเป็ด พร้อมกัดกระชากไส้ของเป็ดออกมา แต่ตัวของกระสือนั้นหายไปแล้ว ซึ่งตนขอยืนยันเลยว่าวิ่งที่ตนเจอนั้นคือกระสือจริง ๆ ไม่ใช่ขโมยแบบที่เขาลือกัน