"กต." เผยยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 30 คน พร้อมปรับแผนอพยพคนไทยในอิสราเอลพักที่ประเทศดูไบ ก่อนลำเลียงกลับไทย

นางสาวกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวความคืบหน้าถึงสถานการณ์ในอิสราเอล ว่าเมื่อคืนนี้มีเหตุการณ์ที่สำคัญมาก คือ การโจมตีโรงพยาบาลที่ฉนวนกาซา ซึ่งเป็นการทำผิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างรุนแรง เพราะโดยปกติแล้วในสถานการณ์สงคราม จะไม่โจมตีโรงพยาบาล โรงเรียนและพลเรือน ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าว มีผู้เสียชีวิตแล้วจำนวนหลายร้อยราย จึงขอแสดงความเสียใจอย่างใหญ่หลวงต่อการสูญเสียครั้งนี้

ส่วนการสรุปตัวเลข ผู้เสียชีวิตเมื่อช่วงเช้านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่า เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 รายทำให้ขณะนี้มีจำนวนผู้เสียชีวิต รวมแล้วทั้งสิ้น 30 ราย ผู้บาดเจ็บจำนวนเท่าเดิมคือ 16 ราย และผู้ที่ถูกจับไปเป็นตัวประกัน รวมทั้งสิ้น 17 ราย

ด้านตัวเลขการอพยพของคนไทยที่เดินทางมาถึงไทยแล้ว ขณะนี้รวมทั้งสิ้น 7 เที่ยวบิน รวมแรงงานที่อพยพมาจำนวน 926 คน และที่ได้เดินทางมาเองด้วยจำนวนหนึ่ง ซึ่งเที่ยวบินล่าสุดที่เดินทางมาถึงไทยคือ เมื่อวานนี้ (17 ต.ค.) เวลาประมาณ 19.00 น. ด้วยสายการบินของอิสราเอล โดยมีคนไทยเดินทางมา 162 คน ซึ่งน้อยกว่าจำนวนที่ลงทะเบียนไว้ โดยเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งผู้ที่ลงทะเบียนไว้แล้วเปลี่ยนใจ หรือคนที่ลงทะเบียนไว้ แต่เดินทางออกจากพื้นที่ไม่ได้ ยืนยันว่าไม่ต้องกังวล เพราะทางสถานทูตจะติดตามคนไทยทุกคนที่ได้ลงทะเบียนไว้

ขณะที่ เมื่อช่วงเช้าวันนี้มีเครื่องบินของกองทัพอากาศออกบินพร้อมกับมีอาหารเครื่องดื่มที่ได้รับความอนุเคราะห์จากภาคเอกชนทั้งอาหารแห้ง น้ำดื่ม ยารักษาโรค ฟ้าทะลายโจร ไปยังกรุงเทลอาวีฟ ขณะนี้ทางการไทยพยายามจัดเที่ยวบินจากกรุงเทลอาวีฟ ถึงกรุงเทพฯทุกวัน อย่างน้อยวันละ 400 คน ตามที่ได้แจ้งเอาไว้ ซึ่งตามแผนจะลำเลียงไปพักรอไว้ที่ประเทศที่ 3 คือ ประเทศดูไบ โดยมีสายการบินจากไทยที่ได้มีการประสานงานไว้ ทั้งการบินไทย นกแอร์ แอร์เอเชีย และไลออนแอร์ ที่จะเป็นผู้ที่รับช่วงต่อในการไปรับที่ดูไบเพื่อกลับมาในประเทศไทย จะเริ่มต้นแผนนี้ในวันที่ 22 ตุลาคม

ย้ำว่า การเดินทางรับคนไทย ยังอยู่ในความคาดหมาย ของทางการที่พยายามจะขนส่งพี่น้องคนไทยที่อยากจะกลับเมืองไทยให้ได้มากที่สุด ตามที่แสดงความประสงค์เอาไว้

ส่วนกรณีที่ว่าทำไมต้องบินอ้อมบางประเทศ จะทำให้เสียเวลาหรือไม่ นางสาวกาญจนา ยอมรับตามว่า ที่ต้องบินอ้อมบางประเทศเพราะอยากบินผ่านน่านฟ้าในประเทศที่แน่ใจว่าสามารถบินผ่านได้เท่านั้น ซึ่งประเทศที่ไม่ได้บินผ่านเป็นประเทศที่มีการประเมินว่าอาจจะไม่ได้รับอนุญาต หรืออาจจะได้รับอนุญาตล่าช้า จึงยอมที่จะบินอ้อมมาต่างประเทศและเสียเวลาเพิ่ม 3 ถึง 4 ชั่วโมงดีกว่า และที่ไม่ได้ขออนุญาตเพราะไม่อยากให้เกิดความเสี่ยงที่จะล่าช้า และต้องการให้เกิดความรวดเร็ว

ส่วนความคืบหน้าของตัวประกันขณะนี้ ทุกฝ่ายได้หารือในทุกระดับ ทั้งระดับผู้นำ รัฐมนตรี สถานทูตในการเรียกร้องและให้แน่ใจว่า ตัวประกันมีความปลอดภัย และขอให้ปล่อยพลเมืองผู้บริสุทธิ์ ซึ่งข้อมูลพวกนี้จะเป็นข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ดังนั้นจะสังเกตว่าทางกระทรวงการต่างประเทศไม่ค่อยได้ออกมาชี้แจงข้อมูลว่ามีการพูดคุยเจรจากันอย่างไร แต่ขอให้วางใจได้ว่าทุกฝ่ายทุกคนพยายามที่จะดำเนินการอย่างดีที่สุด เพื่อให้คนไทยได้กลับมาประเทศไทยอย่างปลอดภัยทุกคน

นอกจากนี้ อยากฝากเตือนคนไทยที่เดินทางไปเที่ยวในต่างประเทศเพราะปัจจุบันสถานการณ์หลังจากมีการโจมตีโรงพยาบาลและการสูญเสียชีวิตของพลเรือนเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะมีการประท้วงต่างๆของพลเมืองดังนั้นสิ่งที่คนไทยจะไปต่างประเทศต้องพยายามดูมาตรการต่างๆที่ได้ประกาศเตือนในเรื่องของระดับความปลอดภัยการก่อการร้ายหรือให้ติดตามผ่านโซเชียลของสถานทูตและสถานกงสุลทุกแห่ง หรือขอให้พิจารณางดเว้นการเดินทางก่อน เพราะหากเดินทางเข้าไป อาจทำให้เดินทางออกมาไม่ได้ก็จะเกิดความเป็นห่วงมากขึ้น