จากกรณีผู้ใช้ติ๊กต็อกชื่อ Lamduanbah ได้โพสต์คลิปวิดีโอ เป็นเหตุการณีที่คุณยายคนหนึ่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล คุณยายไปเจอหมอรอบแรก แล้วหมอให้กลับบ้านเนื่องจากหมอยังไม่สามารถจ่ายยาให้ยายได้ เพราะยายต้องเอายามาให้หมอก่อน คุณยายจึงกลับบ้านและกลับมาที่โรงพยาบาลใหม่ แต่หมอก็ยังไม่จ่ายยาให้ เพราะยายเอาซองยาเก่าทิ้งไปแล้ว ทำให้ลูกสาวของยายเกิดความสงสัยว่าหมอไม่มีประวัติคนไข้หรือ ทำไมต้องให้คนไข้กลับไปกลับมา ทำให้เกิดวิวาทะระหว่างหมอ และลูกสาวคุณยายขึ้น เหตุเกิดที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่าน นนทบุรี นั้น

 

วันนี้ (17 ต.ค.) ทีมข่าวช่องแปดเดินทางไปเจอกับนางสาวนก  (นามสมมติ) อายุ44ปี ลูกสาวของนางนรีย์ โดยตอนแรกที่ไปตรวจและเจาะเลือดที่โรงพยาบาลบางบังทองเจ้าตัวไม่ได้ไปด้วยในตอนแรก แต่หลังจากที่กลับมาเอายาเพื่อเอาไปให้หมอดู นางสาวนกจึงตามไปด้วยก่อนที่จะมีการโต้เถียงแล้วมีการบันทึกคลิป

 

นางสาวนก เผยว่า ตอนแรกที่แม่เดินทางออกไปพร้อมกับลูกสาวซึ่งเป็นหลานหลานของยาย ไปตรวจตามใบนัดและมีการตรวจเลือดเลือด ตนเองด้วย เพราะให้ลูกสาวไปส่งยาย แต่หลังจากนั้นปรากฏว่าลูกสาวพายายกลับมา แล้วมาบอกว่าต้องเอาตัวยากลับไปแสดงให้หมอดู จึงจะมีการจ่ายยาได้ ส่วนตัวเลยแปลกใจเรื่องระบบการทำงานและการให้บริการว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงให้คนไข้ซึ่งเป็นคนแก่ต้องไปๆมาๆ โรงพยาบาลหลายรอบ จึงเดินทางไปติดตามด้วยตนเอง ก่อนที่จะมีการถ่ายคลิปเอาไว้

 

ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามคลิป  โดยทันทีที่ไปถึงโรงพยาบาลตนเองก็พาแม่กลับไปหาหมอคนเดิมเพื่อที่จะสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงให้คนแก่ต้องกลับไปเอายาแล้วกลับมาแสดงใหม่ แต่หมอปฏิเสธที่จะตอบอ้างและบ่ายเบี่ยง โดยบอกว่าระบบทุกอย่างล่มใช้การไม่ได้ ระบบจัดเก็บเอกสารก็สูญ จึงมีความจำเป็นให้คนไข้กลับไปเอายา จึงทำให้หมอเริ่มมีท่าทีไม่พอใจ โดยพูดทำนองว่าถ้าหากไม่อยากรักษากับหมอก็ให้ไปรักษากับคนอื่นก่อนที่จะมีการกดกริ่งแล้วไล่ออกจากห้อง ซึ่งตนเองก็มองว่ามันไม่สมควร เนื่องจากพฤติกรรมของหมอก็ควรที่จะมีการดูแลหรือให้บริการดีกว่านี้

 

และช่วงหนึ่งตนเองได้มีการสอบถามหมอคนดังกล่าวว่า  การไล่คนไข้ออกห้องแบบนี้ทำไมถึงไม่คิดถึงจรรยาบรรณความเป็นหมอ ซึ่งหมอก็ตอบกลับมาทันที ว่า “ ทุกอาชีพไม่มีจรรยาบรรณอยู่แล้วค่ะ” ตนเองในฐานะที่เป็นแม่ค้าแล้วยังมีอาชีพเป็นอาสากู้ภัย จึงตอบหมอกลับไปว่า “ หนูเป็นกู้ภัยหนูยังมีจรรยาบรรณเลยค่ะ” หมอก็ได้มีการตอบกลับกลับมาอีกว่า “ งั้นก็เชิญไปร้องเรียนตามสบายใจเลย เพราะเดี๋ยวหมอก็จะย้ายแล้ว ไม่สนใจสนใจอยู่แล้ว” ตนเองจึงแปลกใจมากขึ้นว่า ทำไมหมอคนดังกล่าวถึงโต้ตอบด้วยประโยคแบบนี้ และไม่คำนึงถึงจรรยาบรรณและความเป็นวิชาชีพหมอที่ต้องรักษาคนไข้ แต่มีการใช้คำพูดคำจาที่ไม่เหมาะสม ทั้งที่ตนเองก็พยามพูดคุยกับเขาด้วยความมีเหตุผล

 

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิด  ตนเองไม่ได้ต้องการที่จะเรียกร้องอะไร แต่อยากจะ ให้เป็นอุทาหรณ์กรณีคนไข้คนอื่นบางคนที่อาจจะบ้านอยู่ไกลโรงพยาบาลเกือบ 80 โล แต่จะต้องไปและกลับ เพื่อที่จะไปเอายาหรือวัตถุประสงค์อื่น ก่อนที่จะจะได้รับการบริการ และที่สำคัญ ทราบว่าทางโรงพยาบาลรับเรื่องแล้วกำลังจะมีการส่งหัวหน้าพยาบาลเข้ามาขอโทษแทน แต่ทางครอบครัวของตนเองต้องการให้ทางโรงพยาบาลแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยการให้หมอคนดังกล่าวมาขอโทษยาย ที่การพูดจากับยายที่อายุมากถึง 74 ปีแบบนี้ แล้วมีการไล่ให้ไปตรวจกับคนอื่น ฉะนั้นคนที่ต้องมาขอโทษแทนโรงพยาบาลคือหมอคนดังกล่าว ไม่ใช่ส่งฝ่ายพยาบาลซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงเข้ามารับหน้าแทนแบบนี้

 

ด้าน นางสาวจันทิมา ภู่มาลี หัวหน้าพยาบาล ของโรงพยาบาลบางบัวทอง เผยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทางโรงพยาบาลได้เห็นคลิปและทราบเรื่องแล้ว โดยได้มีการรายงานให้กับสาธารณสุขจังหวัดรับทราบเพื่อที่จะเรียนไปยังกระทรวงสาธารณสุขต่อไป และตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเกี่ยวกับข้อเท็จจริงใด เพราะทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบของระบบราชการ และส่วนหมอคนดังกล่าวก็ต้องมีการชี้แจงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับทางโรงพยาบาล แม้ว่าเจ้าตัวจะเตรียมย้ายไปที่อื่นก็ตาม แต่ก็ต้องมีการตรวจสอบตามขั้นตอนของระเบียบที่มีอยู่

 

และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางโรงพยาบาลก็ขอน้อมรับต่อการกระทำผิด และขอโทษทางครอบครัวของยาย และจะมีการระมัดระวังรวมถึงกำชับบุคลากร ไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก เพราะเกิดจากความผิดพลาดและการสื่อสาร

 

แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันดังกล่าว ยอมรับว่าระบบการบันทึกข้อมูลของคนไข้ และระบบสั่งจ่ายยา หรือระบบงานเวชชระเบียนทั้งหมด ในวันนั้นมีปัญหาเพราะเนื่องจากระบบคอมพิวเตอร์เกิดไฟฟ้าลัดวงจร จึงทำให้ระบบไม่สามารถที่จะคีย์ข้อมูลหรือตรวจสอบข้อมูลของคนไข้ได้ จึงต้องใช้ระบบวิธีแมนนวล สำหรับการขอดูตัวยาและประวัติการรักษาที่พอจะมีบันทึก เพื่อที่จะทำให้การรักษานั้นเป็นไปได้อย่างสะดวก จึงเป็นที่มาของการเรียกขอดูตัวยาจากยาย แต่เหตุการณ์ดังกล่าวจึงทำให้เกิดความเข้าใจผิด การรักษาอาจจะมีความล่าช้าหรือติดขัด จึงทำให้เกิดปัญหา , และในตอนนี้ทางโรงพยาบาลก็อยู่ระหว่างการคีย์ข้อมูลใหม่ทั้งหมดของคนไข้ และมีการนำข้อมูลกลับเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ใหม่เพราะเนื่องจากระบบที่มีอยู่เดิมหายไป ซึ่งทางโรงพยาบาลก็จะพยามดำเนินการให้ทุกอย่างกลับมาใช้งานได้ตามปกติ

 

รวมถึงเหตุการณ์ในวันดังกล่าว นอกจากยายจะได้รับผลกระทบ ก็มีคนไข้บางส่วนได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็ก็มีวิธีแนวทางการรักษาและการให้บริการให้ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลารวดเร็ว ขึ้นอยู่กับแต่ละเคสและแต่ละรายผู้ป่วย เพราะบางคนสามารถสั่งจ่ายยาหรือดำเนินการรักษาได้โดยไม่ต้องพึ่งตัวยาเดิมที่เป็นโรคเฉพาะทาง

 

นางนรีย์ (นามสมมติ) อายุ74ปี ยายที่อยู่ในคลิปในห้องตรวจของโรงพยาบาลบางบัวทอง ซึ่งมีญาติกำลังโต้เถียงกับหมอที่มีการตรวจรักษาคนไข้ ก่อนที่คลิปดังกล่าวจะได้ยินการไล่ให้ออกจากห้องเพื่อไปตรวจกับหมอคนอื่น

 

นางนรีย์ เล่าว่า เหตุการณ์เมื่อวันเสาร์ ที่ 15 ต.ค. ตนเองเดินทางไปพร้อมกับหลานเพื่อไปตรวจตามใบนัด เนื่องจากตนเองป่วยเป็นโรคความดันเบาหวาน จึงได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลดังกล่าว โดยครั้งนี้เป็นครั้ง4 ที่เดินทางไปตามใบนัด แต่ก่อนใช้สิทธิ์ของโรงพยาบาลอื่น แต่เพิ่งจะย้ายมาที่โรงพยาบาลบางบัวทองได้ไม่นาน และใช้บริการต่อเนื่อง โดยทุกครั้งทุกครั้งที่ไปก็จะมีการตรวจวัดความดันและการเจาะเลือดหาระดับน้ำตาลในเลือด โดยในวันนั้นตนเองก็ไปถึงโรงพยาบาลก็ทำตามขั้นตอนครบทุกอย่าง จนกระทั่งถึงกระบวนการเข้าไปพบกับทางหมอ เฉพาะทาง ซึ่งก็เป็นหมอคนเดียวกันกับที่อยู่ในคลิป โดยได้มีการซักประวัติพร้อมกับสอบถามอาการอื่น ก่อนที่จะยื่นใบให้ไปรับยาที่ช่อง5 แต่ในเอกสารดังกล่าวไม่ได้มีการระบุตัวยา ซึ่งตนเองนำใบดังกล่าวไปยื่นให้กับห้องเภสัช แต่ปรากฏว่าไม่สามารถสั่งจ่ายยาได้เนื่องจากหมอไม่รู้ตัวยา ประกอบกับเภสัชก็อ้างว่าไม่สามารถจ่ายยาได้ ให้ตนเองกลับไปที่บ้านเพื่อไปเอายากลับมายืนยันว่าทานอะไรไปบ้าง เพราะมีประวัติบันทึกเอาไว้

 

โดยทางโรงพยาบาลอ้างว่าในวันที่ตนเองไปใช้บริการ ระบบออนไลน์หรือระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีการ จัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการรักษาและการสั่งจ่ายยา ระบบล่ม จึงทำให้ไม่สามารถที่จะดูระบบออนไลน์ได้ จึงได้ให้ตนเองเดินทางกลับที่บ้านระยะทางกว่า 15 กิโลเมตร ซึ่งการไปกลับก็มีทั้ง ค่าใช้จ่ายและรวมถึงต้องใช้เวลา โดยทางห้องเภสัชยืนยันว่าไม่สามารถสั่งจ่ายยาได้ จะต้องไปเอายาตัวเดิมมาเทียบเคียงก่อน

 

ส่วนตัวจึงให้หลานพากลับมาที่บ้านในวันดังกล่าวหลังจากที่เภสัชแนะนำ แต่เพื่อมาถึงที่บ้านก็พบว่า ยาบางอย่างทานหมดแล้วก็ทิ้งซอง และทิ้งฉลากยา จึงทำให้ข้อมูลมีไม่ แต่ก็พอจะจำได้ในบางตัว จึงกลับไปเพื่อที่จะไปขอยาที่ห้องเภสัช แต่ทางห้องเภสัชให้กลับไปที่ห้องตรวจอีกครั้ง เพื่อยืนยันตัวยากับทางหมอ จึงเป็นที่มาที่ตนเองกลับไปพบหมอแล้วมีการถ่ายคลิป เพราะเนื่องจากหมอมีการใช้คำพูดและประโยคที่ไม่ควรจะพูด และไม่เหมาะแก่การให้บริการ ก่อนที่จะได้ยินประโยคให้ไล่ไปตรวจกับหมอคนอื่น ซึ่งตนเองก็งงว่าหมอต้องการอะไรกับคนแก่อย่างตนเอง เพียงลำพังแค่มาโรงพยาบาลก็ลำบากแล้ว ยังต้องลำบากกับการไปเอาตัวยาและมาอธิบายให้หมอฟังอีก

 

และหลังจากที่หลานสาวมีการอัดคลิปดังกล่าว แล้วเห็นว่าหมอมีการไล่ออกจากห้อง ตนเองก็ได้ไปรับบริการกับหมออีกท่านซึ่งเป็นผู้ชาย และเคยตรวจรักษาครั้งที่2 ที่ไปโรงพยาบาลบางบัวทอง โดยหมอก็ให้คำแนะนำเป็นอย่างดี มีการแนะนำให้ตนเองลดน้ำตาลหรือความหวานเพื่อที่จะให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง และให้ควบคุมเรื่องของการกิน โดยหมอผู้ชายให้ข้อแนะนำรวมถึงมีการตรวจรักษาโรคอย่างดี ก่อนที่ตนเองจะไปรับยาได้ตามปกติแล้วเดินทางกลับบ้าน

 

ซึ่งถ้าหากทางโรงพยาบาลอ้างว่าระบบการบันทึกข้อมูลคนไข้ล่มหรือมีปัญหา ทำไมหมอผู้ชายถึงสามารถที่จะตรวจรักษาโรคจนกระทั่งจ่ายยาได้ถูกต้อง แล้วในทางกลับกันทำไมหมอผู้หญิงซึ่งเป็นคนแรกที่ตามคลิป และมีการไล่ให้คนแก่ไปตรวจกับคนอื่น แถมยังใช้คำพูดคำจากับคนที่มีอายุรุ่นแม่แบบนี้ ตนเองจึงตั้งคำถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับหมอคนดังกล่าวหรือไม่  และเหตุการณ์ครั้งนี้ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับคนไข้คนอื่นโดยเฉพาะคนแก่ ที่จะต้องเดินทางไปโรงพยาบาลลำบากแล้วต้องกลับมาบ้านเพื่อเอายาไปโชว์ให้หมอดูอีก อยากให้มีระบบการบริการที่รัดกุมหรือดีกว่านี้

ยายชราช้ำใจหมอไล่กลับไปเอาซองยา ญาติฉะถูกท้าฟ้อง รพ.แจงระบบล่มเป็นเหตุ