แรงงานเผยนาทีหนีตาย หลังเจ็บสาหัส
ทีมข่าวช่อง8 ลงพื้นที่ ไปที่บ้านนายสนธยา กองสุข แรงงานไทยไปทำงานอิสราเอล และได้รับบาดเจ็บการสู้รบ ที่บ้านในตำบลหนองเมธี อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ เจอกับภรรยา พ่อแม่ และญาติๆ ของนายสนธยา บอกกับทีมข่าวของเราว่า นานสนธยา โดนขีปนาวุธ ที่กองกำลังฮามาส ยิงมาที่ทำงานของนายสนธยาพอดี ก่อนหน้านี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลแต่ตอนนี้อาการดีขึ้น

ภรรยาของนายสนธยา วิดีโอคอล หานายสธนยา ที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลประเทศอิสราเอลให้กับทีมข่าวของเราได้พูดคุย ซึ่งนายสนธยาเล่านาทีชีวิต วิ่งหนีขีปนาวุธ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนั้นเป็นช่วงเช้าของวันหยุดตัวเอง จึงลุกมาหุงข้าวแล้วเดินออกไปสูบบุหรี่ด้านนอกห้องพัก ตอนนั้นก็เห็นจรวดแล้วก็ขีปนาวุธของทางกองกำลังฮามาส ยิงผ่านท้องฟ้าที่ตัวเองยืนอยู่ แต่คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะโดยปกติแล้ว ไอรอนโดม ของประเทศอิสราเอลจะสามารถกำจัดได้ แต่จู่จู่ก็มีสัญญาณเตือนขึ้นมาว่าจะมีสามพื้นที่ที่ไอร่อนโดรนไม่สามารถสกัดไว้ได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ

จุดที่นายสนธยา ยืนอยู่ ไม่ทันได้วิ่งหนีขีปนาวุธก็ลงที่ตัวเองอย่างจัง ทำได้แค่เพียงก้มหัวและหมอบลงกับพื้น หลังจากนั้นสะเก็ดระเบิดจากขีปนาวุธทำให้บริเวณด้านหลังจนไปถึงช่วงจาของสนธยาได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก มีชิ้นส่วนของขีปนาวุธเข้าไปฝังตามส่วนหลังของร่างกายด้วย ตั้งสติได้ก็พยายามคลานเข้าไปหาพี่หลบภัย ตัวเองต้องหลบภัยท่ามกลางสงครามที่มีการประทะกันอย่างรุนแรงอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง ถึงจะมีรถพยาบาลมารับไปส่งโรงพยาบาล

ตอนนี้แม้ว่าจะเลยจุดสาหัสมาแล้วแต่ก็ยังเจ็บปวดจากบาดแผลมาก ยังคงต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ประเทศอิสราเอล ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศไทยก่อนได้

นายสนธยา เล่าว่า เดินทางมาทำงานที่รัฐอิสราเอลเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 ทำงานมาได้ประมาณเกือบสามปี แต่ยังใช้หนี้ให้กับครอบครัวไม่หมด จึงยังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องการเดินทางกลับบ้าน ขอรักษาตัวและดูสถานการณ์จากที่นั่นก่อน

เผยคลิปนาทีหนีตาย ซุกท่อหลบระเบิด
วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับ นายศักดิ์ชัย สันทอง อายุ 59 ปี คุณพ่อของนายศิริชัย สันทอง (อั้น) อายุ 31 ปี แรงงานไทยที่เพิ่งเดินทางไปทำงานภาคการเกษตรที่ประเทศอิสราเอลได้ 8 เดือน

ในระหว่างที่กำลังพูดคุยกับคุณพ่อของแรงงานไทยในจังหวัดราชบุรี ปรากฏว่า นายศิริชัย (คุณอั้น) โทรมาหาคุณพ่อและครอบครัวพอดี ตรงกับเวลาที่อิสราเอลช่วง 15.30 น.

คุณศิริชัยเล่าว่าสถานการณ์สู้รบในตอนนี้ เบาลงมากแล้ว ฮามาสยิงมาประปราย แต่โดนสกัดด้วยไออ้อน โดม ใจอยากให้สงครามสงบ มันต้องมีทางออก ตอนนี้กลัวบ้างนิดหน่อย แต่ก็ต้องสู้เพราะมีแรงงานไทยเยอะ แต่มีกังวลเล็กน้อย เนื่องจากมีคำเตือนให้ระวังกลุ่มฮามาส ที่ยังกลับออกไปไม่ได้ บางส่วนอาจซุ่มตามละแวกสวน ฝั่งอิสราเอล ตอนนี้ก็ต้องสู้ไปก่อนต้องเอาชีวิตให้รอดเหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา

หลังจากพูดคุยกับทีมข่าวสั้นๆ ทางคุณพ่อและลูกชายก็ได้พูดคุยกันทักทายว่าทำไมพ่อไม่นอน น้ำเสียงพ่อดีใจ พูดว่าเห็นลูกปลอดภัย พร้อมบอกว่าเราต้องใช้ชีวิตกันวันต่อว้นพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรยังไม่รู้

ขณะที่นายศักดิ์ชัย บอกว่า แรกๆ ลูกชายไปทำงานภาคเหนือมีรายได้ แต่นายจ้างไม่ให้ทำโอที ได้เงิน 30,000 บาท ก็เลยเปลี่ยนที่ทำงานให้มาทำงานใหม่ เมืองรีชอน โมชาฟ ประเทศอิสราเอล ซึ่งอยู่ห่างจากพื้นที่การสู้รบประมาณ 50 กิโลเมตร พอวันที่ยิงกันลูกชายหนีตายพร้อมถ่ายภาพตอนหลบเข้าบังเกอร์ ระยะห่างจากจุดที่ทำงานถึงจุดที่กลุ่มฮามาสอยู่ห่าง 20 กิโลเมตร ระเบิดก็ลงมาเรื่อยๆ พอมองเห็นว่าอันตรายก็ให้แรงงานไปหลบในหลุมหลบภัย ซึ่งกลุ่มที่ลูกชายอยู่ มีแรงงานทำงานอยู่ 5 คน ทุกคนตอนนี้ปลอดภัยดี

ส่วนตัวพ่อเป็นห่วงลูกชายบอกให้โทรติดต่อทางบ้าน ทั้งเฟซบุ๊ก และไลน์ ทั้งก่อนไปทำงานและเลิกงานกลับมาบ้าน

เวลาถ้าเกิดยิงกันลูกชายจะโทรมาเล่าว่า “พ่อมันยิงกันอีกแล้ว หนูไม่ได้หลับได้นอนเลยทั้งคืน มันมาอีกแล้วพ่อ ไม่รู้หนูจะมีชีวิตกลับไปไหม” พ่อบอกฟังแบบนี้ เลยบอกให้กลับบ้านเรา สุดท้ายลูกชายลงทะเบียนกลับประเทศไทยแล้ว ส่วนเพื่อนแรงงานกลุ่มที่ทำงานด้วยกัน 4 คนไม่มีใครกล้บ ให้ลูกชายไม่อยากกลับเพราะใจอยากสู้ ติดภาระหนี้สินครอบครัวที่ต้องดูแลทำงานอยู่ที่นั่นรายได้ดีกว่าที่เมืองไทย แต่พ่อและญาคิทุกคนบอก “เอาชีวิตไว้ก่อน เรื่องเงินทิ้งไว้ที่หลัง ให้ลูกมีชีวิตอยู่ดีกว่าเอาแค่กระดูกกลับมา ได้ยินเสียงเถียงดีกว่าเห็นกระดูกลูก”พ่อบอกมันคือความรู้สึกระหว่างพ่อลูก

ตอนนี้ลูกชายลงทะเบียนเดินทางกลับประเทศไทยแล้วแต่ยังไม่ได้คิวกลับ ใจพ่ออยากให้กลับวันนี้มะรืนนี้ แต่กฎเกณฑ์หลายๆ อย่างมันไม่สามารถทำได้อย่างที่ใจคิด ตอนนี้ภาวนาให้ลูกปลอดภัย ณ เวลาที่เหลืออยู่

ล่าสุด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาพูดคุยกับทางครอบครัวเรียบร้อยแล้วโดยรับปากว่าเมื่อลูกชายกลับมาถึงประเทศไทยอีกจะหางานด้านที่ลูกชายถนัดให้ทำ แม้รายได้จะไม่เท่าที่อิสราเอล

ทำงานท่ามกลางระเบิด
กลุ่มแรงงานไทยกว่า 20 คน ที่ไปทำงานในประเทศอิสราเอล ทั้งในสวนผลไม้ และในฟาร์มไก่ ที่นายจ้าง ยังบังคับให้ออกไปทำงานทุกวัน ทั้งที่ยังเกิดการสู้รบ ยิงจรวดกันอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง ได้ถ่ายคลิปภาพ วีดีโอล่าสุด เหนือแค้มคนงานชาวไทย กว่า 20 คน ที่เกิดขึ้น เย็นวานนี้ 17.00 น 12 ต.ค. 2566

ขณะที่นายอาทิตย์ สีสิง 1 ในแรงงานไทย กล่าวว่า ตอนนี้กลุ่มแรงงานที่อยู่ที่นี่กว่า 20 คน ได้ร่วมตัวกันไปขอให้นายจ้าง ว่า อยากออกไปอยู่ในที่ปลอดภัย เพราะที่แคมป์พัก และที่ทำงาน ทั้งสวนผลไม้ และฟาร์มไก่ไม่มีหลุมหลบภัย และเกรงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกวันจากการสู้รบ

แต่ก็ได้รับคำตอบจากนายจ้าง ว่า ให้ออกไปทำงานตามปกติ ก็จะได้ค่าจ้าง และไม่ให้กลับไป ซึ่งกลุ่มแรงงานก็ทนจำใจ เพราะจะหนีไปไหนก็ไม่ได้ ไม่มีรถ และไม่รู้เส้นทาง และหากออกไปเอง ก็ห่วงความปลอดภัย จึงรอการช่วยเหลือจากการทางไทย ที่จะประสานงานให้ทางการอิสราเอลเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งหวังว่า นายจ้างจะยอมปล่อยให้พวกเราออกไป

ดราม่าลีน่าจัง

อีกดราม่าร้อนบนโลกออนไลน์ ที่ชาวเน็ตกำลังให้ความสนใจ และวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ในขณะนี้ ภายหลัง“ลีน่าจัง” ไลฟ์ออกมาพูดถึงประเด็นเหตุการณ์การสู้รบที่ประเทศอิสราเอล จนส่งผลกระทบต่อแรงงานไทย ที่ไปทำงานในภาคการเกษตรจำนวนมาก ต้องหลบไปอยู่ในที่ปลอดภัย ที่ฟังแล้วสร้างความไม่สบายใจอย่างมาก

แรงงานไทยซัดลีน่าจัง วอนอย่าซ้ำเติม

โดยล่าสุด คุณวายุ เวยื่อ แรงงานไทยในอิสราเอลได้ออกมาอัดคลิปวิดีโอโต้กลับ ลีน่าจัง โดยระบุว่า “คลิปนี้ไม่อยากให้มีกระแส แต่อยากฝากถึงลีน่าจัง แค่หลบระเบิดหลบอะไรผมก็กลัวแล้ว ทำไมพี่พูดแบบนี้ คนก่อนจะมาก็ศึกษาหมด รู้ว่าพี่อยากเกาะกระแส ที่ผ่านมาผมก็ติดตามพี่นะ แต่เรื่องนี้มันเป็นความเป็นความตาย ที่มาเกาะกระแสแบบนี้ได้ไง พี่มาด่าแบบเนี้ยมันถูกมั้ยพี่ ทุกคนมาเขาก็ศึกษา รู้ว่าอยู่ไทยที่เอาค่าแรงในประเทศไทยให้ได้ 300 ทุกจังหวัดก่อนพี่ หมูโลละ 200 ค่าแรง 300 ไม่มีใครอยากไกลบ้านหรอกพี่ ไม่มีใครอยากห่างลูกห่างครอบครัวมาทำงาน

ต่อมา ทางทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับ คุณวายุ ในประเด็นต่างๆ ซึ่งในขณะที่ทางทีมงานได้พูดคุย เจ้าตัว อยู่ในระหว่างการอพยพ เพื่อเตรียมตัวกลับประเทศไทย ในไฟล์วันที่ 14 ตอน 7 โมง และจะถึงไทยวันที่ 15 นี้ ด้วยจำนวนเงิน ประมาณ 5,000 บาทต่อคน เพราะตนไม่อยากรอหน่วยงานภาครัฐ เนื่องจากบริเวณที่ตนทำงานอยู่นั้น ค่อนข้างอันตราย ห่างจากชนวนกาซ่า ประมาณ 15 กิโลเมตร

สำหรับสถานการณ์นั้น ถ้าเป็นเวลากลางวัน จะเงียบสงบ ไม่มีการยิง หรือระเบิดลงในพื้นที่ต่างๆ แต่ถ้าเป็นเวลากลางคืน ก็จะหนักมาก เพราะตลอดทั้งคืน และเป็นช่วงที่ยิงกันต่อเนื่อง เนื่องจากทางอิสราเอล จะเอาดาวเทียมหาพิกัด และยิงกระสุนจากรถถังกลับไปยังอีกฝั่ง และโจมตีทางภาคพื้นดิน

ซึ่งเพื่อนๆ และตนยังไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่เคสเมื่อวาน ที่มีคนไทยเสียนั้น ห่างจากบริเวณของตน ประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งเรียกว่า เป็นจุดที่อันตรายมาก แท็กซี่ก็ไม่มี แต่ตนยังโชคดีที่นายจ้าง ติดต่อหน่วยงานการอพยพให้ ทำให้จะได้กลับไทย แต่กับทางสถานทูตไทยนั้น ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ ลำบาก มันเลยทำให้ค่อนข้างช้า คนไทยก็เยอะ ทหารก็ปิดถนน ไม่มีรถวิ่ง หรือผ่านเลย

และสำหรับเรื่องคุณลีนาจัง สิ่งที่ตนอยากบอก คือ ตนมายังไม่ถึงเดือนเลย วันที่ 14 นี้ถึงจะครบ 1 เดือนพอดี การเดินทางมาทำงาน ตนเสียเงิน 1 แสนกว่าบาท เอารถไปขาย เพราะอยากให้ชีวิตและครอบครัวดีขึ้น และพวกตนก็ศึกษามาแล้วเหมือนกัน ว่ามันสามารถเกิดแบบนี้ได้ แต่ครั้งนี้ถือว่าร้ายแรงกว่าทุกๆครั้ง เพราะเป็นการจับแบบเอาคนไทยเป็นตัวประกัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็จะทางอากาศอย่างเดียว และที่คุณลีนาจังด่าคนไทย ว่าเป็นคนขี้เกียจ ไม่ตั้งใจทำงาน ไม่อยากทำงาน ตนมองว่ามันแรงมาก ซึ่งจริงๆ ไม่ได้เกี่ยวว่าเป็นคนประเทศอะไร คนอยากขี้เกียจก็ขี้เกียจได้ทั้งนั้น


อยากบอกจะด่าจะว่าเรื่องอื่น จะเกาะกระแสอะไร ตนไม่ได้ว่า แต่ไม่ควรมาพูดแบบนี้ในเรื่องนี้ คนไทยทุกคนไม่ว่าจะไปทำงานประเทศไหน ก็ไม่มีใครรับในสิ่งที่แกพูดได้ มันเป็นเรื่องความเป็นความตาย ถ้าทุกคนเป็นแบบแก หาเงินได้แบบแก มีงานอีเว้นท์จ้างแบบแก หรือทำงานได้หลักหมื่นต่อวันแบบแก เป็นเน็ตไอดอล มีเงินตลอด แต่กับคนที่ธรรมดา หาเช้ากินค่ำ วันละ 300 บาท ที่เชียงใหม่ มันอยู่ไม่ได้ครับ มีครอบครัว มีลูก ต้องดูแล พอมาทำงานต่างประเทศทำงานได้วันละ 2,500 บาท อย่าพูดเพราะแกสนุก ไม่ต้องมาเกาะกระแสเรื่องนี้ สิ่งที่พูดมาเหมือนเป็นคนไม่มีการศึกษา เปล่าประโยชน์ อายุมากกว่าแม่ตนอีก

ตนอยากบอกว่า โมโหนะ ทำไมไม่ให้กำลังใจคนไทยด้วยกัน อยู่วันๆ เอาชีวิตรอด ต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 มาทำกับข้าว ถ้าตื่นสายก็ไม่มีอะไรกิน อากาศบ้านเขาก็ร้อน 50 องศา หนักกว่าที่ทุกประเทศที่ได้ยินมา ทำไม่ถึงมาพูดแบบนี้ อยากบอกว่า พวกตนมาก็เสียภาษีนะ มาแบบถูกกฎหมาย และที่ทำงานก็คือหารายได้เข้าประเทศเหมือนกัน ทำไมมาพูดแบบนี้ สนุกปากตนเอง ทำแบบนี้ไม่ได้

ตนมองว่าเรื่องการขอโทษ แกจะสำนึกไหม ดูจากที่แกพูดแล้ว สิ่งที่บอกว่าของประเทศไทยถูก กินข้าวจานหนึ่งก็ 70 บาทแล้ว สมัยนี้ เบี้ยผู้สูงอายุ 600 บาท ถ้าเรื่องสวัสดิการมันดีจริง คงไม่มีใครอยากห่างครอบครัว และทำงานอยู่ต่างบ้านต่างเมืองแบบนี้ ต่างประเทศไม่ได้สวยหรูอย่างที่เห็นกัน ที่ลงกันคือตอนเที่ยว แต่ถ้าตอนทำงานก็ลำบากนะครับ ต้องเจออะไรบ้าง บางคนโดนมองเป็นทาสนะ เจอนายจ้างดีก็ดี เจอนายจ้างไม่ดีก็ต้องทน นี่มาทำงานยังไม่ได้เงินเลย ภาษาก็ไม่ได้อะไรก็ไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาพูดทำร้ายจิตใจคนไทยในต่างแดนแบบนี้

ลีน่าแจงคลิปถูกตัดสั้นจนเข้าใจผิดความหมาย

ทีมข่าวช่อง 8 ไปพูดคุยกับ ลีน่า จังจรรจา ยอมรับว่า ที่ตนเองได้ไลฟ์ไปนั้น เป็นเรื่องจริง แต่ที่ไม่จริง คือมีคนขโมยคลิปที่ตนเองไลฟ์นานเป็น 1-2 ชั่วโมง ไปตัดต่อ ตัดคลิปช่วงสั้นๆ แล้วนำไปโพสต์เพื่อเรียกยอดไลก์ พาดหัวด่าตนเอง และกล่าวหาว่าตนเองสาบแช่งแรงงานที่อิสราเอล ทำให้คนอื่นที่ไม่รู้ และเข้าใจถึงเรื่องรวมทั้งหมด พวกนี้เป็นกลุ่มคนเลว ที่ตนเองจะต้องดำเนินคดีกับมัน

ส่วนที่พูดไปนั้น เพราะอยากให้คนไทยกลับมาทำงานที่ประเทศ เพราะทุกวันนี้ คนจีน , เมียนมา , กัมพูชา ลาวเต็มประเทศแล้ว ส่วนแรงงานที่ไป ก็รู้อยู่แล้วว่าไปทำงานแถวชายแดน มันมีการรบกันตลอด ยืนยันว่าสิ่งที่ไลฟ์ไป เพื่อจะดึงให้คนไทยกลับมาทำงานบ้านเรา เพราะที่ไปกันก็เดือดร้อน ต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อไปทำงานก็ลำบาก

ประเทศไทย อุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว แรงงานที่ไปหันหลังกลับมา อยู่บ้านเราสบายจะตาย ที่พูดอะหวังดีนะ

สุดทน! แรงงานไทยด่ายับ "ลีน่า จัง" ปากพล่อย เจ้าตัวฉะเสือกไปเองเตือนเพราะห่วง