ธวัชชัย โทรอวยพรลูก ก่อนถูกยิงสิ้นใจ
โดย 1 ในผู้เสียชีวิต จากเหตุโจมตีครั้งนี้ คือ นายธวัชชัย แซ่ท้าว โดยก่อนเสียชีวิตได้โทรมาอวยพรวันเกิดลูก จากนั้นไม่กี่นาทีก็ถูกยิงเสียชีวิต

จากคำบอกเล่า ทราบว่า ในช่วงเกิดเหตุนายธวัชชัยนั่งกินข้าวพร้อมกับกลุ่มเพื่อน คนร้ายขว้างระเบิดใส่ และบุกเข้ามากราดยิงทำให้นายธวัชชัยบาดเจ็บที่ขาและเอว ก่อนจะถูกลากออกไปนอกห้องแล้วยิงซ้ำ

โดยปรากฏว่า ในจุดเดียวกัน มีเพื่อนของนายธวัชชัยหายตัวปริศนา 2 คน และอยู่แคมป์เดียวกันด้วย

ครอบครัวตัวประกันบนบานผีฟ้าช่วยปกป้องลูก
ล่าสุดวันนี้(11 ต.ค.66) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปพบกับครอบครัวของนายศรายุทธ ปั้นกิจวานิชเจริญ อายุ 33 ปี ชาว อ.ปัว จ.น่าน

โดยบรรยากาศที่บ้าน ในเวลา 15.29 น. นายสุรจิต ปั้นกิจวานิชเจริญ อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นพ่อของนายศรายุทธ ได้มีการเตรียมทำพิธี บนบานศาลกล่าวขอผีฟ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประเทศอิสราเอล ให้ช่วยลูกชายกลับมาบ้านตามความเชื่อของคนชนเผ่าม้ง ซึ่งการทำพิธี นายสุจิต พ่อของนายศรายุทธ ได้มีการสวมชุดของชนเผ่าม้ง จากนั้นได้นำโต๊ะไปตั้งหน้าบ้าน ซึ่งก่อนจะเริ่มทำพิธี ทางญาติของคุณพ่อ ได้จุดธูป 9 ดอก ปักลงในกระถางธูป จากนั้น ทางคุณพ่อก็ได้นำมีดดาบจำนวน 3 เล่ม มาปักที่รอบโต๊ะทำพิธี กระทั่งเมื่อปักมีดเสร็จเรียบร้อย ก่อนที่จะเริ่มตีฆ้องเพื่อขอให้เจ้าที่เปิดทางในการทำพิธี คุณพ่อได้นำติ้วเสี่ยงทาย 1 คู่ มาโยนลงพื้น 3 ครั้ง ซึ่งหากภายใน 3 ครั้ง ติ้วกลับด้านไปทางเดียวกันก็จะสามารถเริ่มทำพิธีได้

จากนั้นเมื่อโยนติ้วครั้งที่ 3 แล้วติ้วไม้หันไปทางเดียวกัน คุณพ่อของนายศรายุทธ จึงได้เริ่มตีฆ้องและมีการท่องคาถาไปด้วยประมาณ 10 นาที

หลังจากนั้นเมื่อทำพิธีตีฆ้องเสร็จแล้ว คุณพ่อก็ได้เง้ยหน้าขึ้นไปมองบนฟ้า แล้วก็พูดขึ้นมาว่า ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธ์ทั้งหลายที่บรรพบุรุษนับถือและขอวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกมุมโลกให้ช่วยคุ้มครองลูกผมให้ปลอดภัย ลูกชายผมไปทำงานที่อิสราเอล ตอนนี้ลูกชายผมหายตัวไป ผมเชื่อว่ากลุ่มฮามาสมันจับตัวลูกผมไปได้ 4 - 5 วันแล้ว ซึ่งผมเป็นคนที่เชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผมจึงขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประเทศอิสราเอลและผู้มีอำนาจบารมีในประเทศอิสราเอล 

ช่วยลูกชายผมให้ปลอดภัยจากภัยสงคราม และขอให้กลุ่มฮามาส ปล่อยลูกชายผมให้เร็วที่สุด ลูกชายผมไปทำงานอย่างถูกต้องตามกฏหมาย หากนายกรัฐมนตรีของประเทศอิสราเอล รับรู้อยู่ ผมอยากให้ไปเจรจากับกลุ่มฮามาสให้ปล่อยตัวลูกผม ถ้าผมได้ลูกชายผมกลับมา ผมจะแก้บนให้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้ดีที่สุด

สงสารสามี กู้หนี้ยืมสินไปทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับ น.ส.อัญชลี กิตติวิริยะสกุล อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นภรรยาของนายศรายุทธ เปิดใจกับทีมข่าวว่า ตนเองมีลูกสาววัย 3 ขวบกับนายศรายุทธ 1 คน ซึ่งก่อนที่สามี จะเดินทางไปทำงานที่อิสราเอล ตนเองได้ไปยืมเงินจากญาติเพื่อทำเรื่องให้สามี ได้ไปทำงาน จำนวนหนึ่งแสนบาท

จากนั้นเมื่อทำเรื่องเสร็จ สามีก็เดินทางไปที่ประเทศอิสราเอล ในวันที่ 27 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อไปถึง สามีได้แจ้งกลับมาหาตนเองว่า ได้งานทำเกษตร โดยการไปทำสวนเก็บแตงกวาและตกแต่งกิ่งมะเขือเทศ กระทั่งผ่านไปประมาณ 2 - 3 วัน นายจ้างได้ย้ายให้สามีกับคนไทยอีก 4 คนไปช่วยงานที่สวนอีกที่ ซึ่งจะอยู่ห่างจากฉนวนกาซ่า ประมาณ 2 - 3 กิโลเมตร จนกระทั่งวันที่ 8 ตุลาคม ก็เกิดเหตุการณ์ที่กลุ่มฮามาส บุกมายิงที่แคมป์คนงาน ซึ่งเท่าที่ตนเองติดต่อไปกับคนไทยที่ทราบข่าว เขาแจ้งว่าหลังจากกลุ่มฮามาสเข้าไปยิง คนไทยที่นั้น มีคนงานถูกยิงเสียชีวิตคาแคมป์คนงาน 3 คน ส่วนสามีกับเพื่อนคนไทยอีกคน ได้วิ่งหนีไปในป่ากระทั่งถูกกลุ่มฮามาสตามไปจับตัวเป็นตัวประกัน

เปิดข้อความสุดท้ายก่อนถูกจับเป็นตัวประกัน
ซึ่งส่วนตัวได้คุยวิดีโอคอลกับสามี ก่อนจะเกิดเหตุ 1 วัน ซึ่งวันนั้นสามี แจ้งมาว่าได้ยินเสียงระเบิด กระทั่งในช่วงเช้าของวันที่ 8 ตุลาคม ก็ได้มีการวีดีโอคอลคุยกัน ซึ่งสายวิดีโอคอลในช่วงเช้า เป็นสายสุดท้ายที่ได้คุยและเห็นหน้าสามี เนื่องจากช่วงเย็น ตนเองติดตามกับสามีไม่ได้อีกแล้ว

ยอมรับว่า เมื่อวานนี้ที่มีรายชื่อว่าทหารของอิสราเอล สามารถชิงตัวประกันมาได้ 30 คน ก็ลุ้นอยู่ว่า 1 ในนั้นจะมีชื่อสามีหรือไม่ ถ้าสามี ปลอดภัยหรือถูกปล่อยตัวออกมา ก็อยากจะบอกว่า ให้รีบกลับมาหาลูก ไม่ต้องกังวลเรื่องหนี้สิน ส่วนพี่ชายของสามีอีก 3 คน ที่อยู่ในที่ปลอดภัย หลังเกิดเหตุก็มีการไปสอบถามเพื่อติดตามความคืบหน้าเรื่องของสามี ซึ่งพี่ชายทั้งสามคน ยืนยันว่าจะไม่เดินทางกลับประเทศไทย เนื่องจากพวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในเขตที่ปลอดภัยตั้งแต่เข้าไปทำงานในอิสราเอล

ซึ่งวันนี้ภรรยาของนายศรายุทธ ยังส่งข้อความแชตมาให้กับทีมข่าว โดยแชตดังกล่าว จะเห็นว่า เมื่อนายศรายุทธ ได้ทำงาน เขามีการส่งภาพให้ภรรยา ซึ่งภรรยา ก็ให้กำลังใจว่า ว่างโทรมานะ มีเรื่องคุยด้วย สู้ๆนะได้พักบ้างไหม

ส่วนแชตที่ ในวันที่ 7 ตุลาคม ก่อนจะเกิดเหตุ 1 วัน นายศรายุทธ ได้แชตมาบอกภรรยาว่า จรวด เครื่องบินดัง ภรรยาก็ถามกลับว่าจริงเหรอ จากนั้นก็ได้มีการวีดีโอคอลคุยกัน กระทั่งวันที่ 8 ตุลาคม คือวันที่เกิดเหตุ ช่วงเช้าก็จะเห็นว่านายศรายุทธ ได้โทรวิดีโอคอลมาหาภรรยา กระทั่ง ในเวลา 17.08 น. ก็ติดต่อกับนายศรายุทธ ไม่ได้อีกเลย

พ่อยากทำใจได้ สูญเสีย 2 พี่น้อง
อีกความสูญเสียของครอบครัวกุสะรัมย์ ทีมข่าว เดินทางมาที่บ้านของนายรำเพย กุสะรัมย์ อายุ 62 ปี บ้านโคกสูง ม.6 ต.โนนธาตุ อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น พ่อของ นายอภิชาต กุสะรัมย์ (ยา) อายุ 29 ปี และ นายพงษ์เทพ กุสะรัมย์ (พงษ์) อายุ 26 ปี 2 พี่น้อง ซึ่งเป็นแรงงานไทย ที่ทำงานในฟาร์มเลี้ยงสัตว์(รีดนมวัว)ที่ประเทศอิสราเอล พบว่า วันนี้มีหน่วยงานหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนและให้กำลังใจครอบครัวผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุโจมตีที่ประเทศอิสราเอล เสียชีวิต 3 ราย

นายรำเพย พ่อของผู้เสียชีวิต ทั้ง 2 ราย เล่าว่า ตนเองมีลูกชายทั้งหมด 3 คน โดยคนโตทำงานอยู่ประเทศเกาหลีใต้ ส่วนคนกลางเมื่อก่อนทำงานอยู่กรุงเทพ ลูกชายคนเล็กหลังเรียนจบ ปวส.ก็ไปทำงานอยู่ที่กรุงเทพ แต่เงินไม่พอใช้ ลูกชายคนเล็กจึงได้ตัดสินใจเดินทางไปทำงานที่อิสราเอล เมื่อปี2564 โดยใช้เงินเก็บของลูกทั้งหมด 1 แสนกว่าบาท ซึ่งตอนนั้นตนเองก็ห้ามลูกชายไม่ให้ไป เพราะตนเองเคยทำงานที่บรูไนมาก่อนเกือบ 10 ปี รู้ว่าการไปอยู่ต่างประเทศค่อนข้างลำบาก แต่ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของลูก โดยช่วงแรกลูกชายคนเล็กไปทำงานด้านเก็บพริก แต่ถูกนายจ้างโกงค่าแรง จึงได้ย้ายมาทำงานที่ฟาร์มโคนมที่เมืองคิบบุตซ์ ได้ค่าแรงเดือนละ 6-7 หมื่นบาท

ก่อนที่ในช่วงกลางปี2565 ภรรยาตนเองเสียชีวิต ลูกชายคนเล็กจึงได้เดินทางกลับมาร่วมงานศพ ซึ่งในขณะนั้นนายอภิชาติ ลูกชายคนกลาง ได้ทำเรื่องเดินทางไปทำงานอิสราเอลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และใน 1 อาทิตย์ต่อมานายอภิชาติลูกชายคนกลางได้เดินทางไปทำงานเก็บผักที่อีกเมืองในอิสราเอล โดยใช้เงินเก็บ จำนวน 50,000 บาทและตนเองช่วยอีก 60,000 บาท รวม 110,000 บาท ในการเดินทางไป ต่อมาลูกชายคนเล็กเดินทางกลับไปทำงาน จึงได้ชักชวนพี่ชายมาทำงานอยู่ที่ฟาร์มโคนมด้วยกัน

ครั้งสุดท้ายที่คุยกับลูกชายคนเล็กคือเมื่อวันที่ 6 ต.ค.66 ช่วงเวลาประมาณ 20.00น.(ตามเวลาในไทย) ก่อนที่ลูกจะไปทำงานกะดึก ลูกชายโทรศัพท์มาหา ซึ่งก็คุยกันปกติ พร้อมกับรับปากกับหลานชายซึ่งเป็นของนายอภิชาติ ว่าจะซื้อคอมพิวเตอร์ให้หลาน และในตอนนั้นลูกชายก็ไม่ได้พูดเกี่ยวกับสถานการณ์ที่นั้นให้ฟังแต่อย่างใด ตนเองจึงไม่รู้ว่ามีการปะทะกัน

นายรำเพย ยังบอกอีกว่า ความฝันของลูกชายคนเล็กคือหลังจากไปทำงานเก็บเงินที่อิสราเอลจะกลับมาเรียนต่อปริญญาตรีให้พ่อกับแม่ และล่าสุดลูกชายคนเล็กก็ได้ดาวน์รถเกี่ยวข้าว จำนวน 50,000 บาท ราคารถ 2.5 ล้านบาท ให้ตนเองไว้รับจ้าง ซึ่งจะต้องไปรับรถเกี่ยวข้าวในเดือนตุลาคม67

ตนเองยังไม่อยากเชื่อว่าลูกชาย 2 คนเสียชีวิตแล้ว เพราะตนเองยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ และหวังว่าปาฏิหาริย์จะมีจริง ว่าสักวันลูกจะโทรศัพท์ติดต่อกลับบ้านหาตนเอง ส่วนหากทางการยืนยันแล้วว่าเป็นศพของลูกชายตนเองทั้งสองคนจริงก็คงต้องยอมรับและทำใจให้ได้ว่าตนเองได้สูญเสียลูกชายทั้งสองคนไปแล้ว หลังจากที่เพิ่งสูญเสียภรรยาไปเมื่อไม่นาน

จากนั้นนายรำเพยได้พาผู้สื่อข่าวไปดูห้องนอนที่นายพงศ์เทพ ลูกชายคนเล็ก ใช้เงินส่วนตัวจำนวนกว่า 30,000 บาททำห้องแอร์ให้ตกเอกได้อยู่กับหลานอย่างสบายก่อนที่จะเดินทางกลับไปทำงานที่อิสราเอลเมื่อช่วงกลางปี2565

3 สหายตายพร้อมกันในอิสราเอล พ่อช็อกส่งเรียนจนต้องรับศพ ตีฆ้องขอฟ้าปราณี