ล็อตแรก 11 ต.ค. กต.ช่วยกลับไทยก่อน 15 คน มีสัญญาณบวก เจรจาช่วย 11 ตัวประกัน

นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงภายหลังการประชุมศูนย์สถานการณ์ฉุกเฉิน ว่า เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้แจ้งต่อที่ประชุมให้ทราบถึงสถานการณ์ ในตะวันออกกลาง ว่า มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 700 คน มีผู้ที่ได้รับบัตรเจ็บกว่า 2,000 คน มีผู้ถูกจับเป็นตัวประกันจำนวน 100 คน อย่างไรก็ตามได้รับรายงานว่า ทางการอิสราเอลสามารถช่วยคนไทยอีกส่วนให้ไปอยู่ในที่ปลอดภัยได้แล้ว แต่ยังขอสงวนไม่เปิดเผยสถานที่

สำหรับในส่วนของคนไทยมีผู้เสียชีวิต 12 คน บาดเจ็บ 9 คน และถูกจับเป็นตัวประกัน 11 คน ซึ่งตัวประกันตอนนี้ยังปลอดภัยดีทุกคน โดยที่ประชุมได้หารือถึงมาตรการอพยพคนไทย ซึ่งมีผู้ประสงค์ขอเดินทางกลับจำนวน 1,437 คน ผู้ไม่ประสงค์กลับจำนวน 23 คน แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าจำนวนแรงงาน 5,000 คนที่อยู่ในฉนวนกาซา อพยพออกมาหมดแล้วหรือไม่ เนื่องจากตอนนี้สถานการณ์ยังสู้รบกันอยู่ และอยู่ระหว่างการทยอยนำตัวออกมา ซึ่งขออนุญาตไม่เปิดเผยจุดพักพิงของผู้อพยพเพื่อความปลอดภัย

ขณะที่ทางประเทศไทยเราพยายามทุกช่องทางในการที่จะอพยพคนไทย ออกมาจากอิสราเอล ล็อตแรกจำนวน 15 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ จะเดินทางออกมาด้วยเครื่องบินพาณิชย์ สายการบินที่ให้บริการในอิสราเอลอยู่แล้ว แต่รัฐบาลไทยจะเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่าย เดินทางออกจากอิสราเอลในวันที่ 11 กันยายนและจะมาถึงประเทศไทยในวันที่ 12 กันยายน โดยกระทรวงแรงงาน กระทรวงพัฒนาสังคม และกระทรวงสาธารณสุข เตรียมการพร้อมรับคนไทย

ทั้งนี้ การอพยพคนไทยล็อตแรกที่ต้องใช้สายการบินพาณิชย์ เนื่องจากทางการอิสราเอลยังไม่อนุญาตให้ เที่ยวบินอื่นๆเข้าไปในพื้นที่ โดยเฉพาะเครื่องบินทหารของประเทศต่างๆ ดังนั้นวิถีทางต่อไปอาจจะต้องมีการประสานเครื่องบินพาณิชย์ของประเทศไทย บินไปอพยพคนไทย เรื่อง ล่าสุดได้พูดคุยกับทาง "การบินไทยแล้ว"

ทั้งนี้ ในส่วนของศพผู้เสียชีวิต ยังไม่สามารถนำร่างออกมาได้ เพราะต้องรอให้ทางการอิสราเอลเคลียร์​พื้นที่ และอยู่ในระหว่างการตรวจสอบตัวบุคคล แม้จะมีรายชื่อแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับการยืนยันจากทางการอิสราเอลอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตามเราตระหนักถึงเรื่องนี้ดี และคิดถึงช่องทางพูดคุยกันตลอด

สำหรับการช่วยเหลือตัวประกัน นายจักรพงษ์ กล่าวว่า เราประสานสถานทูตต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์กับปาเลสไตน์ ซึ่งจะพยายามติดต่อให้มีการปล่อยตัวพลเรือนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งตอนนี้การเจรจาเป็นไปในทิศทางบวก และยืนยันว่าตัวประกันยังปลอดภัยดี

นายจักรพงษ์ ยังเปิดเผยด้วยว่า กระทรวงการต่างประเทศได้เพิ่มสายฮอตไลน์จาก 30 คู่สายเป็น 60 คู่สาย มีเจ้าหน้าที่คอยรับโทรศัพท์ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเพิ่มไลน์ และเฟซบุ๊ก เพื่อคอยประสานงานและแจ้งความเคลื่อนไหว นอกจากนี้กระทรวงการต่างประเทศจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปสนับสนุนเพิ่มเติมณกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ในสัปดาห์นี้เพื่อดูแลแรงงานที่จะอพยพกลับไทย เพราะขณะนี้การอพยพค่อนข้างลำบาก

ส่วนข้อกังวลที่แรงงานไทย ในอิสราเอลหากเดินทางกลับมาแล้วจะเสียสิทธิ์จากนายจ้างที่อิสราเอลหรือไม่และทางการไทยจะให้ความช่วยเหลือยังไงต่อไป นายจักรพงษ์ ยืนยันว่า กำลังหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมทั้งทางการอิสราเอล เพื่อไม่ให้เสียสิทธิ์