กระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์คนไทยในอิสราเอล ล่ายอดคนไทยเสียชีวิต 12 ราย ถูกจับตัวประกัน 11 แสดงความประสงค์อพยพกลับไทยแล้ว 1,099 คน

นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศแถลงข่าวรายงาน สถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง ว่า ความคืบหน้าของคนภายในพื้นที่ของอิสราเอล ทางสถานทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้รับแจ้งจากแรงงานและนายจ้างในพื้นที่เพิ่มเติมเกี่ยวกับจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ถูกจับกุม ล่าสุด (11.00 น.) ผู้บาดเจ็บอยู่ที่ 8 ราย ได้รับการช่วยเหลือ ไปดูแลที่ รพ. เรียบร้อยแล้ว ยกเว้นรายที่บาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนการจับกุมคนไทยเป็นตัวประกัน ยังอยู่ที่ 11 ราย แต่ยอดเสียชีวิตยืนยันที่ 12 ราย

ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ยังไม่ขอเปิดเผยรายชื่อผู้ได้รับผลกระทบ เนื่องจากให้มีการดำเนินติดต่อครอบครัวให้รับทราบก่อน ขณะเดียวกันยอดผู้เสียชีวิตเป็นการแจ้งจากนายจ้าง ยังไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการจากทางการอิสราเอล

ส่วนการอพยพกลับประเทศไทยเมื่อวานนี้ ได้ในการประชุมศูนย์ประสานงานบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน เตรียมใช้เครื่องบินกองทัพอากาศ ในการดำเนินการอพยพ หากมีสถานการณ์ที่มีความพร้อม จะสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว

แต่ตอนนี้ ทางกองทัพอิสราเอล ได้อพยพคนไทยจากพื้นที่เสี่ยงภัยไปยังพื้นที่ปลอดภัยในหลายพื้นที่แล้วเช่นกัน โดยทางอิสราเอล แจ้งว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องอพยพ แต่หากฝ่ายไทยเห็นว่ามีความจำเป็นทางอิสราเอลก็พร้อมที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ ซึ่งเมื่อวานนี้ทางสถานทูตได้มีการให้คนไทย ได้แจ้งความประสงค์ ผ่านการกรอกแบบฟอร์มตอบรับการอพยพกลับไทย มีคนไทยต้องการอพยพ 1,099 คน อีก 22 คน ไม่ขอกลับ ซึ่งแรงงานไทย ที่ไปทำงานในอิสราเอลทั้งหมด 30,000 คน ในจำนวนนี้มีรายงานที่อยู่บริเวณฉนวนกาซา ประมาณ 5,000 คน

นอกจากนี้ ยังได้ประสานประเทศใกล้เคียง อาทิ จอร์แดน เพื่อเตรียมแผนอพยพ กรณีต้องใช้ประเทศใกล้เคียงเป็นสถานที่สแตนด์บาย แต่เบื้องต้นทางกองทัพอากาศยืนยัน ว่า สามารถบินตรงไปยังอิสราเอลได้

นอกจากนี้กระทรวงฯยังได้สั่งการไปยังสถานทูตไทยในต่างประเทศ เพื่อไปติดต่อกับประเทศต่างๆหากเขา มีช่องทางในการช่วยเหลือเพิ่มเติมอย่างไร จะได้ดำเนินการร่วมกัน

ขณะที่สถานการณ์ภายในอิสราเอลด้วยรวม ทางรัฐบาลอิสราเอลและกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลได้รายงานสถานการณ์ผ่านคณะทูต ยืนยันว่า ท่าอากาศยานของอิสราเอล ยังคงเปิด ทำการตามปกติมีเที่ยวบินเข้าออกร้อยละ 50 จากก่อนเกิดเหตุ และอิสราเอล ยังยืนยันว่าอิสราเอลยังคงมีความปลอดภัยไม่แนะนำให้อพยพแต่หากประเทศไทยจะอพยพก็สามารถขอดำเนินการได้ และสามารถขอใช้เครื่องบินพาณิชย์ ในการอพยพได้เพื่อความสะดวก

อย่างไรก็ตาม ในชั้นนี้ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดเกี่ยวกับจำนวนชาวอิสราเอลและชาวต่างชาติเสียชีวิตและถูกจับกุมเป็นตัวประกัน ซึ่งเข้าใจได้ว่าอยู่ในห้วงภาวะสงคราม

ทั้งทางฝ่ายอิสราเอล ก็พยายามกระชับพื้นที่ให้ได้พื้นที่คืน พร้อมกับพยายามช่วยเหลือตัวประกันและผู้ถูกจับกลุ่มต่างๆ ตอนนี้พลเรือนทั้งฝั่ง ปาเลสไตน์ และฝั่งอิสราเอลได้รับผลกระทบ อย่างมาก มีการจับตัว จากชาติต่างๆทั้ง อิสราเอล ฝรั่งเศส เยอรมัน จอร์เจีย และไทย เป็นต้น รวมอย่างน้อย 100 คน ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของอิสราเอลประกาศให้อิสราเอลอยู่ในภาวะสงครามเพื่อให้กองทัพมีอำนาจในการสั่งการ เพื่อควบคุมสถานการณ์เพราะประกาศอพยพพลเรือนทุกคนที่อยู่ใกล้บริเวณฉนวนกาซารวมถึงพี่น้องคนไทย โดยจะพยายามอพยพให้ได้ภายใน 24 ชั่วโมง

ส่วนกรณีที่กระทรวงแรงงาน แจ้งว่า ข้อมูลผู้เสียชีวิตสองรายเมื่อวานนี้ หนึ่งในนั้นเป็นคนจีน ไม่ใช่คนไทยนั้น ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ ขอดำเนินการตรวจสอบก่อน ตอนนี้ได้แต่เบื้องต้น ได้รับการยืนยันว่าเป็นคนไทยทั้งหมด และข้อมูล ณ วันนี้มีคนไทยเสียชีวิต 12 ราย แต่ก็เชื่อว่าในสถานการณ์แบบนี้จะมีคนจากชาติอื่น เสียชีวิตด้วยเพราะเป็นสถานการณ์ที่ไม่ได้เจาะจงประเทศใดประเทศหนึ่ง