กลุ่มลูกศิษย์อากง ร้องตำรวจไซเบอร์ตรวจสอบเงินบริจาค 50 ล้าน จากร่างทรงซุนหงอคง หลังอ้างจะนำไปสร้างวิหาร แต่ผ่านมา 8 ปี ยังไม่ได้สร้าง พอสอบถามดันถูกไล่ออกจากไลน์กลุ่ม
วันที่ 28 กันยายน 2566 มีรายงานว่า ที่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บช.สอท. นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พากลุ่มผู้ศรัทธาซึ่งเรียกตัวเองว่าเป็นลูกหลานอากง นำเอกสารหลักฐานการโอนเงินบริจาค มายื่นต่อ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ช่วยตรวจสอบหลังสงสัยว่าถูกโกงเงินบริจาคร่วม 50 ล้านบาท จากหญิงซึ่งเป็นร่างทรงอากงซุนหงอคง และร่างทรงเฮ่งเจีย ที่วิหารซุนหงอคง เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ ซึ่งผู้เสียหายให้ความเคารพนับถือมาตั้งแต่ปี 2558 โดยได้ร่วมบริจาคทั้งเงินและสิ่งของเพื่อให้สร้างวิหาร 3 ชั้น ไว้กราบไหว้บูชา แต่ผ่านมาเกือบ 8 ปี ยังไม่มีการก่อสร้างวิหารดังกล่าวแต่อย่างใด พอสอบถามเรื่องยอดเงินบริจาคก็ถูกร่างทรงคนดังกล่าวบีบไล่ออกจากไลน์กลุ่ม
นายรณณรงค์ กล่าวว่า ตนพาผู้เสียหายมาแจ้งความ หลังมีการรับบริจาคเพื่อให้สร้างวิหาร 3 ชั้น โดยต้องการให้ออกมาชี้แจงว่าเงินบริจาคโอนเข้าไปในบัญชีส่วนตัวมียอดเงินจำนวนเท่าไร มีการใช้จ่ายอะไรไปแล้วบ้าง เพราะทุกคนบริจาคเงินเพื่อนำไปสร้างวิหาร อยากให้มีการใช้ตรงตามวัตถุประสงค์ และจะต้องสามารถตรวจสอบได้
กรณีที่นำเงินไปบริจาคให้เด็กบนดอยนั้นตนไม่แน่ใจว่ามีการใช้จ่ายตรงตามวัตถุประสงค์ที่แจ้งไว้ตั้งแต่แรกหรือไม่ ซึ่งตนขอแนะนำวิธีแก้ หากเงินบริจาคที่ได้รับนำไปบริจาคให้เด็กบนดอยแล้ว ก็ให้หาเงินบริจาคส่วนอื่นมาชดเชยในส่วนที่ต้องสร้างพระวิหาร และต้องสร้างให้เสร็จตามที่เคยพูดเอาไว้ ซึ่งตนก็เชื่อว่าทุกคนรับได้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
"ยืนยันว่าไม่ได้มีอคติใด ๆ ทั้งสิ้น กับเงินที่ชาวบ้านบริจาคมา จะต้องมีเงินนำไปดำเนินการตามที่ได้มีการโฆษณาผ่านทางโซเชียลมีเดีย เพราะหากไม่แจ้งความในวันนี้ก็จะไม่มีการชี้แจงบัญชี เงินจำนวนมากหลักสิบล้านบาทไม่มีความโปร่งใส ต้องการให้ตำรวจไซเบอร์ตรวจสอบร่างทรงหงอคง ว่านำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง หากชี้แจงได้ก็ไม่มีปัญหาใด ๆ หากไม่สามารถชี้แจงได้ก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการกฎหมาย"
นายรติศักดิ์ อายุ 41 ปี ผู้ประสานงานกลุ่มลูกศิษย์อากง เผยว่า ตนจะร้องขอให้ชี้แจงในส่วนเงินบริจาคที่โอนเข้าบัญชีส่วนตัว รวมทั้งสิ้น 5 บัญชี ส่วนบัญชีสมาคมถูกจัดตั้งตั้งแต่ปี 2562 แต่ทำไมปี 2563 กับ 2564 ยังมีเงินเข้าบัญชีส่วนตัวอยู่ แล้วการสร้างศาลที่เคยตกลงกันไว้ ว่าจะสร้างทันทีหากเงินบริจาคครบจำนวน 2 ล้านบาท ขณะนี้รอมาเป็นเวลานานกว่า 8 ปี แล้วแต่ยังไม่มีการสร้างเกิดขึ้น ตนจึงต้องการให้ตำรวจไซเบอร์ช่วยตรวจสอบว่าเงินจำนวนดังกล่าวไปอยู่ส่วนไหนบ้าง
สำหรับประเด็นที่มีการออกมาไลฟ์สดชี้แจงในเฟซบุ๊กส่วนตัวนั้น พบว่าเงินบริจาคมีทั้งหมด 48 ล้านบาท แต่เงินที่เหลือเวลานี้แค่ 19 ล้านบาท อีก 29 ล้านหายไปไหน ตนต้องการเห็นรายการเดินบัญชีที่มีการออกมาชี้แจงโดยเริ่มตั้งแต่การขอรับบริจาคใน 5 บัญชีส่วนตัวว่าเงินที่ออกไป ออกไปเพื่ออะไรบ้าง
ที่ออกมาวันนี้เพราะตัวเองรู้สึกผิดที่เป็นคนทำให้ร่างทรงเป็นที่รู้จักและมาร่วมบริจาคเงิน สุดท้ายกลับไม่มีความโปร่งใส เลยต้องออกมารับผิดชอบ และอยากให้ร่างทรงออกมารับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นกัน
ด้านนางแวววิไล หนึ่งในผู้เสียหาย ระบุว่า ในส่วนของตนเองได้โอนเงินบริจาคยอดรวมกว่า 500,000 บาท รวมไปถึงตนยังได้บริจาคเครื่องเสียงไปด้วย ซึ่งผ่านมานานแล้วแต่ยังไม่เห็นการสร้างวิหาร ส่วนกรณีที่ร่างทรงคนดังกล่าวออกมาแถลงชี้แจงเมื่อวานนี้ ว่าได้มีการโอนที่ดินมาเป็นของสมาคมแล้ว แต่อย่างไรก็ดี ท้ายที่สุดตนอยากให้นำเงินไปสร้างวิหารให้แล้วเสร็จมากกว่าการได้เงินคืน
ขณะที่ พ.ต.อ.ขจร อบทอง รอง ผบก.สอท.2 ซึ่งเป็นตัวแทนมารับหนังสือร้องเรียนดังกล่าว เผยว่า หลังจากนี้จะนำหนังสือที่มายื่นไปตรวจสอบ และเรียนผู้บัญชาการพิจารณาว่าจะมอบหมายให้หน่วยงานใดรับผิดชอบดำเนินการ ซึ่งจะต้องดูในรายละเอียด อาจจะมีการเรียกผู้เสียหายมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการขั้นตอนต่อไป