"น้องมัว" อายุ 14 ปี เด็กชาติพันธุ์ แม่พามาฝากให้เรียนหนังสืออยู่กับพระที่วัดบางโฉมศรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ได้ 1 ปี ถูกนายปิยะพงษ์ หนองเฆ่ หรือนายพัน หรือนายบอย อายุ 35 ปี หลอกจะพาไปซื้อมือถือ และหายตัวออกจากวัดในอำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ไปตั้งแต่ 16 กันยายน จนตอนนี้ยังไม่เจอตัว

*วงจรปิดจับภาพนายพัน-น้องมัว
ล่าสุด มีเบาะแสเพิ่มเติมว่า ภาพกล้องวงจรปิด จับภาพของนายพัน พาน้องมัวไปขายโทรศัพท์มือถือที่ตลาดบ้านนา อ.บ้านนา จ.นครนายก เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566 โดยน้องมัว เปลี่ยนเสื้อผ้า สวมกางเกงขายาว สวมเสื้อยืดสีขาว และถือถุง คาดว่าเป็นเสื้อผ้าและของใช้ จากนั้นพบทั้งสองคนขึ้นรถตู้สาธารณะสายนครนายก-สระบุรี มาลงรถหน้าโรงพยาบาลนครนายก เมื่อเวลา 10.03 น. ของวันที่ 20 กันยายน 2566

ส่วนเบาะแสอื่นๆอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ นายพันผู้ก่อเหตุ จะตระเวนเก็บของเก่า,รับจ้างถางหญ้าที่สุสาน,รับจ้างก่อสร้าง 

ขณะนี้ใช้การเดินทางด้วยรถตู้โดยสารและรถสาธารณะ อาศัยนอนตามวัด และห้องเช่ารายวันราคาถูก

 

 

 

*ลุยไปบ้านนายพัน
ขณะเดียวกันวันนี้ ทีมข่าวช่อง8 ลงพื้นที่บ้านของพ่อแม่นายพัน ที่ชาวบ้านสงสัยว่า นายพันจะกลับมาหลบซ่อนตัวเหมือนครั้งก่อนที่เคยหนีคดีไปหรือไม่ วันนี้ทีมข่าวได้มีการสำรวจเส้นทางเข้าบ้านตั้งแต่หน้าปากซอย และมีการนำโดรนขึ้นไปบินจับภาพมุมสูงและจับความร้อนในป่าบริเวณรอบๆบ้านของพ่อแม่นายพัน

จากการตรวจสอบ ทางเข้าจากหมู่บ้านไปยังบ้านของนายพัน จะอยู่ห่างเข้าไปจากหมู่บ้านประมาณ 1.5 กิโลเมตร ซึ่งข้างทางทั้งสองฝั่งเป็นป่ารกทึบ ไม่มีบ้านคน จากนั้นเมื่อขับรถเข้าไปใกล้กับบ้านของนายพัน ก็จะพบว่ามีบ้านของคน ซึ่งบ้านที่อยู่ในบริเวณเดียวกันเป็นบ้านญาติของนายพันทั้งหมด

ส่วนภาพมุมสูงที่นำโดรนขึ้นไปสำรวจ พบว่าบ้านของนายพัน จะอยู่หลังที่สองถัดเข้าไปจากบ้านของญาติ ส่วนบริเวณรอบๆ เป็นป่าทั้งสองฝั่งและจะมีคลองอยู่หลังบ้าน ซึ่งคลองดังกล่าวจะอยู่ห่างจากหลังบ้านประมาณ 50 เมตร จากนั้นเมื่อบินโดรนออกไปจะพบว่าท้ายซอยบ้านของนายพัน จะมีสะพานข้ามคลอง ซึ่งเป็นสะพานข้ามสำหรับรถไฟที่ผ่านท้ายซอยบ้านของนายพัน ส่วนบริเวณป่าถัดไปจากท้ายซอย หากเดินข้ามทางรถไฟไปประมาณ 500 ก็จะเป็นป่าทั้งหมด แต่จะมีกระท่อมร้างอยู่ 1 หลังตั้งอยู่กลางป่า ซึ่งวันนี้หลังจากทีมข่าวไปพบกระท่อมดังกล่าว จึงได้มีการใช้โดรนบินผ่านเพื่อจับความร้อนว่าจะมีสิ่งมีชีวิตเคลื่อนไหวอยู่ในกระท่อมและในป่าบริเวณรอบๆพื้นที่หรือไม่ ปรากฏว่า ไม่พบสิ่งผิดปกติทั้งในป่าและในกระท่อมที่พบในวันนี้

*ยังไม่มีใครยืนยัน นายพันโผล่บ้านนครนายก

ต่อมาทีมข่าวสอบถาม นายวรฉัตร นิยมสุข ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ที่ติดตามความคืบหน้าหลังมีข้อมูลว่านายพันกลับมาในพื้นที่ได้พาทีมข่าวเดินไปดูตรงสะพานข้ามทางรถไฟ ซึ่งจากการตรวสอบ เส้นทางดังกล่าวจะมีน้ำจากคลองเอ่อล้นขึ้นมาปิดเส้นทางเอาไว้ ทำให้วันนี้ทีมข่าวและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ไม่สามารถเดินไปยังกระท่อมกลางป่าได้

นายวรฉัตร นิยมสุข ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บอกว่า หลังจากรู้ข้อมูลว่านายพัน กลับมาในพื้นที่ ในฐานะที่เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและเป็นอาสาสมัครกู้ภัยในพื้นที่ ได้มีการตามหาเบาะแสทั้งอำเภอแล้ว แต่ยังไม่ได้ข้อมูลที่แน่ชัดว่านายพัน จะย้อนกลับมาในพื้นที่จริงหรือไม่ ส่วนข้อมูลที่ชาวบ้านบอกมาว่าเห็นนายพันกับน้องมัว จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ยังไม่มีข้อมูลจากกล้องวงจรปิดที่เห็นทั้งสองคนเข้ามาในพื้นที่

ส่วนกระท่อมกลางป่าท้ายซอยบ้านของนายพัน ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ ถ้าหากไม่มีน้ำคลองเอ่อขึ้นมา ก็จะสามารถเดินเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ได้ ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่า ถึงไม่มีน้ำ ยังไงนายพันก็ไม่พาน้องมัวเข้าไปอยู่ในกระท่อมดังกล่าว แต่ถ้านายพัน หนีมาคนเดียว เป็นไปได้ที่นายพัน อาจจะเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่

ส่วนตัวยอมรับว่าเคยคลุกคลีกับนายพันมาตั้งแต่เด็ก และเชื่อว่าถึงตอนนี้น้องมัว ยังมีชีวิตอยู่ เนื่องจากคดีที่เกิดขึ้นกับเด็กที่นายพัน เป็นคนก่อเหตุ ที่ผ่านมา นายพัน ไม่เคยทำร้ายเด็กมาก่อน ส่วนชื่อเล่นของนายพัน จริงๆแล้วเขาชื่อบอย และมีฉายาว่า บอยสะพานดำ เนื่องจากบ้านอยู่ใกล้กับสะพานดำ เพื่อนๆจึงเรียกกันว่าบอยสะพานดำ แต่ไม่รู้ว่าใครไปเปลี่ยนชื่อว่าเป็นนายพัน

*แม่เผยพันบอกจะพามัวไปส่ง แต่ยังไร้เงา
วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 จึงได้เดินทางไปที่ ม.8 บ้านเจริญมิตร ต.รวมไทยพัฒนา อ.พบพระ จ.ตาก ซึ่งเป็นบ้านของครอบครัวน้องมัว เมื่อไปถึงก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับ นางจินดา สมอายุ 36 ปี ซึ่งเป็นแม่ของน้องมัว เปิดเผยว่า ในวันอังคารที่ 19 กันยายน 2566 นางจินดาก็ได้โทรหานายพัน ผ่านทางเฟซบุ๊กของนายพันที่ใช้ชื่อว่า "บารมีย่า" จากนั้นทางนายพันก็ได้ตอบกลับมาว่า "แม่ใจเย็น ๆ นะครับ บอกพระอาจารย์เขาว่าเดี๋ยวกลับไป" และ "อย่าเพิ่งเอาเรื่องผมนะ เดี๋ยววันนี้จะรีบนำน้องมัวไปส่ง" แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไร้วี่แววของน้องมัว ซึ่งหลังจากวันนั้นก็ได้มีโทรศัพท์เข้ามาหานางจินดา ซึ่งเป็นน้องมัวที่พูดสาย นางจินดาเล่าว่า ตอนนั้นจับสังเกตได้ว่า น้องมัวพูดด้วยเสียงสั่น ๆ คล้ายกับกำลังกลัว ตนจึงบอกให้ลูกชายเปิดกล้องวิดีโอคอลเพื่อจะระบุตำแหน่งที่อยู่ แต่จู่ๆโทรศัพท์ก็ถูกตัดสายไปทันที

ระหว่างที่พูดคุยกับทีมข่าว นางจินดาก็ได้ลองโทรศัพท์ติดต่อไปยังนายพัน ซึ่งได้ติดต่อไปทั้งทางเฟซบุ๊กและเบอรโทรศัพท์ แต่ปรากฏว่านายพันได้ปิดเครื่องโทรศัพท์หนีไปแล้ว ตอนนี้นางจินดาก็รู้สึกจนมุม ไม่รู้ว่าจะติดต่อลูกชายยังไงดี

นอกจากนี้ แม่ของน้องมัว เปิดใจเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับน้องมัวให้ทีมข่าวฟังว่า ก่อนที่จะส่งน้องมัวไปอยู่ที่วัดบางโฉมศรี จ.สิงห์บุรี น้องมัวก็ได้อาศัยอยู่ที่บ้านใน จ.ตาก โดยอาศัยอยู่กับปู่และย่า เนื่องจากที่บ้านลำบาก พ่อกับแม่จึงต้องออกไปหางานทำที่ต่างจังหวัดและส่งเงินกลับมาให้ปู่กับย่าดูแลน้องมัวแทน แต่เมื่อช่วง 2 ปีก่อน ทางโรงเรียนได้แจ้งมากับครอบครัวว่า น้องมัวไม่ตั้งใจเรียนเลย ทางโรงเรียนจึงขอให้ครอบครัวมารับตัวน้องมัวออกไปเรียนที่อื่น จนนางจินดา (แม่น้องมัว) ได้ทราบข้อมูลจากญาติ ๆ ว่าที่จังหวัดสิงห์บุรีมีวัดแห่งหนึ่งซึ่งรับเลี้ยงเด็กชาติพันธุ์และส่งเสริมให้เรียนหนังสือ นางจินดาก็ได้สอบถามไปกับคนใกล้ชิดว่าวัดนี้ดีหรือเปล่า ทุกคนก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้ดูแลเด็กเป็นอย่างดี นางจินดาจึงตัดสินใจส่งน้องมัวไปอยู่อาศัยและเรียนหนังสือที่วัดบางโฉมศรี

หลังจากที่น้องมัวได้ไปอยู่อาศัยที่วัดบางโฉมศรีได้ประมาณปีเศษ ทุกอย่างก็ดูจะปกติดี จนกระทั่งเมื่อช่วงเย็นของวันจันทร์ที่ 18 กันยายน 2566 ทางเจ้าอาวาสได้โทรมาหาพร้อมถามว่า "ได้มารับมัวกลับบ้านหรือเปล่า" แต่ทางนางจินดาก็ยืนยันว่าไม่ได้ไปรับน้องมัว และได้ถามกลับไปยังเจ้าอาวาสว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใด ๆ หลังจากนั้นนางจินดาก็ได้พยายามสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น จนมาทราบว่า น้องมัวได้ถูกนายพันลักพาตัวออกไป ซึ่งนางจินดาผู้เป็นแม่ก็ได้ติดต่อแจ้งหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อตามหาตัวลูกชาย

ตอนนี้ทางครอบครัวก็ต้องยอมรับว่า "ใช้ทุกทาง ในการพาตัวน้องมัวกลับมา" นอกจากจะหวังพึ่งตำรวจแล้ว ทางนางจินดาก็ได้มีการให้ผู้นำมาทำพิธีทางความเชื่อของม้งด้วย โดยนางจินดาได้ทำพิธีมาทุกวัน ตั้งแต่ทราบว่าน้องมัวหายตัวไป โดยจะมีการสวดภาษาม้งและภาษาจีน ซึ่งการสวดนั้นเป็นการสวดเพื่อให้นายพันเปลี่ยนใจ และนำตัวน้องมัวกลับมาส่งคืนยังครอบครัว แม้ตอนนี้จะยังไม่เจอตัวน้องมัว แต่นางจินดาก็ยังมีความหวังว่านายพันจะพาน้องมัวกลับมาส่ง และฝากถึงน้องมัวว่า "ถ้าเกิดว่ามัวดูอยู่ อยากให้น้องมัวติดต่อกลับมาหาแม่ หาทางกลับบ้านมาให้ได้ แม่รออยู่ แม่คิดถึง"

น้องมัวเด็กม้ง หาย 9 วัน ช่อง 8 เจอโผล่นครนายก แม่ร่ำไห้ห่วงลูกงง ตร.ตามไม่เจอ