จากเหตุการณ์ นายหน่อง ลูกน้องของกำนันนก ใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ภายในงานเลี้ยงของ "กำนันนก" เป็นเหตุให้ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรแบงค์ เสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา


โดยวันนี้ ทีมพนักงานสอบสวน ได้เชิญตัวนายเบสท์ ช่างติดตั้งกล้องวงจรปิด มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม

ทีมข่าวได้สอบถาม นายเบสท์ เปิดเผยระบบการเชื่อมต่อระหว่างกล้องวงจรปิดกับเซิร์ฟเวอร์ โดยช่างที่ติดตั้งจะต้องต่อสายแจ็คกล้องวงจรปิดพร้อมกับสายไฟเพื่อเชื่อมต่อกับตัวเซิร์ฟเวอร์ จากข้อมูลสำนักงานกำนันนกมีกล้องวงจรปิดทั้งหมด 16 ตัว ซึ่งทั้ง 16 ตัวเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ตัวเดียวกัน

ดังนั้นบริเวณด้านหลังเซิร์ฟเวอร์จะต้องมีช่องสำหรับเชื่อมต่อแจ็คและสายไฟกล้องวงจรปิดทั้งหมด 16 ช่อง และแต่ละช่องจะระบุตัวเลขกล้องวงจรปิดตามจุดที่ติดตั้งในสำนักงานกำนันนก ซึ่งข้อมูลส่วนนี้จะมีเพียงเจ้าของบ้านและคนสนิทเจ้าของบ้านที่ทราบเท่านั้น และจากกรณีที่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ ระบุข้อมูลว่าจากการสืบสวนสอบสวนพบว่ากำนันนกเป็นคนปิดสวิตช์กล้องวงจรปิดสองตัวที่ใกล้จุดเกิดเหตุมากที่สุดในสำนักงานของตนเอง

จึงเชื่อว่ากำนันนกได้ดึงสายแจ็คกล้องวงจรปิด 2 ตัว ที่เชื่อมต่อด้านหลังของเซิร์ฟเวอร์ออก ส่งผลให้กล้องวงจรปิดสองตัวที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุมากที่สุดดับลงตั้งแต่วินาทีที่ดึงสายแจ็คกล้องวงจรปิดออก แต่หากจะถามว่าสามารถกู้ข้อมูลกล้องวงจรปิดสองตัวได้หรือไม่ สามารถกู้ได้ แต่กู้ภาพที่บันทึกได้ก่อนวินาทีที่จะดึงสายแจ็คกล้องวงจรปิดออกเท่านั้น

ซึ่งจากข้อมูลที่ทางพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ได้แถลงข่าว พบว่ากำนันนก ปิดกล้องวงจรปิดสองตัวใกล้จุดเกิดเหตุในช่วงเวลา 10.00 น. ของวันที่ 6 กันยายน ในข้อมูลส่วนนี้ตนจึงเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลัง 10.00 น. กล้องวงจรปิดก็ไม่สามารถบันทึกเหตุการณ์ได้ จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ตำรวจไม่สามารถกู้ภาพได้เพราะดึงสายแจ็คออกตั้งแต่ช่วงเวลา 10.00 น. นั่นเอง จึงไม่มีภาพเหตุการณ์ให้เห็น

และนอกจากนี้กล้องวงจรปิดที่ถามกำนันนกติดตั้งมีความละเอียดของภาพคมชัดถึง 4 ล้านพิกเซล โดยตัวหนึ่งจะสามารถบันทึกเหตุการณ์ในรัศมีระยะไกล 25 - 30 เมตร และบันทึกเหตุการณ์ในรัศมีระยะกว้างได้ประมาณ 10 - 20 เมตร ดังนั้นในห้องเซิร์ฟเวอร์ของกำนัน วินาทีที่กำนันนกเดินเข้ามาในห้องพักจะต้องเห็นภาพชัดเจน แต่วินาทีที่ถอดสายแจ็คออกจากตัวเซิร์ฟเวอร์ หากเซิร์ฟเวอร์อยู่ใต้กล้องวงจรปิดก็จะไม่เห็นวินาทีที่กำนันก้มถอดสายแจ็คออก เพราะไม่สามารถบันทึกภาพที่อยู่ใต้จุดติดตั้งกล้องวงจรปิดได้ แต่หากเซิร์ฟเวอร์อยู่บริเวณด้านหน้ากล้องวงจรปิดก็จะเห็นภาพชัดเจนตอนวินาทีที่ถอดสายแจ็คออก เพราะยังอยู่ในรัศมีของกล้อง

จากข้อมูลที่ทีมข่าวช่อง8 ได้มาก่อนหน้านี้ โดยพบว่าที่บ้านของกำนันนก มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด ประมาณ 10 ตัว มีความคมชัดและบันทึกเสียงได้ จึงน่าจะเชื่อว่า กล้องวงจรปิดที่บ้านของกำนันนก น่าจะเป็นอีกหลักฐานสำคัญ หลังเกิดเหตุ มีใครมาที่บ้านหลังนี้บ้าง และมีการพูดคุยอะไรบ้าง

เนื่องจากภาพจากกล้องวงจรปิด ที่ตำรวจเผยแพร่ก่อนหน้านี้ เป็นภาพที่สำนักงานกำนันนกเท่านั้น


จากข้อมูลของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ถูกกู้ออกมา จากบ้านของกำนันนก ณ วันนั้น ยืนยันได้ว่ากำนันนกกลับเข้ามาที่บ้าน และพบว่ากลุ่มขบวนรถตำรวจที่ขับมาด้วย พบว่ามาส่งแค่หน้าบ้านเท่านั้น แล้วออกไป


เมื่อไล่เรียงจากกล้องวงจรปิด เมื่อช่วง21.34น. วันที่ 6 ก.ย. 66 จับภาพของกำนันนกกลับเข้าบ้านพัก

จากนั้น กล้องวงจรปิดอีกตัว จับภาพรถของกำนันนก ไปถอยเข้า-ออกที่หน้าบ้านของผู้ใหญ่โยชน์ ผู้เป็นพ่อ ซึ่งในตอนนั้น ไม่พบว่ามีตำรวจอยู่ด้วยแล้ว


ต่อมา ทีมข่าวช่อง8 ได้สอบถามข้อมูลกับ นายอาทิตย์ หรือก้อง คนขับรถให้กำนันนก โดยนายก้อง ยอมรับกับทีมข่าวว่า คืนวันเกิดเหตุ เป็นคนขับรถพากำนันออกมาจากงานเลี้ยงจริง ซึ่งหลังจากขับรถออกมา กำนันก็สั่งให้พาไปที่บ้าน เมื่อไปถึงบ้านตนเองก็เอารถเข้าไปจอด จากนั้นตนเองก็ขับรถกลับบ้านโดยไม่รู้ว่ากำนันไปที่ไหนต่อ ยืนยันตนเองไม่ได้พากำนันหนี เนื่องจากพอหมดหน้าที่ในการขับรถ ไม่รู้ว่ากำนันออกไปจากบ้านกับใคร

ส่วนประเด็นในงานเลี้ยง ยืนยันว่าตนเองอยู่ในงานด้วยกันกับกำนันนกจริง แต่ตอนเกิดเหตุไม่เห็นเหตุการณ์ เนื่องจากตอนนั้นขึ้นไปร้องเพลงอยู่บนเวที ซึ่งตอนอยู่บนเวที ยังไม่เกิดเหตุ ยืนยันตนเองเป็นพนักงานขับรถเหมือนคนทั่วไป เอารถเข้าจอดจากนั้นก็กลับบ้าน มีหลักฐานยืนยันเป็นกล้องวงจรปิดที่ให้กับตำรวจไปแล้วในการสอบปากคำ


ต่อมา ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางย้อนกลับไปตามหาบุคคลที่อยู่ในงานเลี้ยง โดยบุคคลแรกที่ทีมข่าวไปหาที่บ้าน ก็คือ นายอาทิตย์ หรือก้อง ซึ่งเป็นคนขับรถให้กำนันนก โดยบ้านของนายก้อง จะอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร แต่ปรากฏว่าเมื่อไปถึงบ้านนายก้องไม่อยู่บ้าน ซึ่งก็จะมีนางดวงเดือน (นามสมมุติ) อายุ 50 ปี เป็นน้าของนายก้อง ออกมาให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ตั้งแต่นายก้อง ไปขับรถให้กำนันนก นายก้อง ไม่ค่อยกลับมาที่บ้าน ยืนยันหลังเกิดเหตุ นายก้อง ไม่ได้กลับมาที่บ้านและก็ยังไม่เคยมาพูดหรือปรึกษาอะไรกับคนทางบ้าน

ส่วนอาชีพที่นายก้อง ไปเป็นขับรถให้กำนันนก เท่าที่รู้นายก้อง ก็เข้าๆออกๆ เป็นคนขับรถให้กำนันนกมานานแล้ว ซึ่งตัวนายก้อง จะอยู่ไม่เป็นหลักเป็นแหล่ง เช่นเวลามีเมียก็ขอลาออก เวลาเมียทิ้งก็มาขับรถให้กำนันนก ส่วนความสนิทสนมครอบครัวตนเองกับครอบครัวกำนันนก ยอมรับตนเองและครอบครัวก็รู้จักกับครอบครัวของกำนันนก เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยไปร่วมประชุมที่สำนักงานที่เกิดเหตุในสมัยที่พ่อของกำนันนกเป็นผู้ใหญ่บ้าน แต่หลังจากกำนันนก ขึ้นมาเป็นกำนัน ทางครอบครัวก็ไม่ได้ไปสัมผัสกับกำนันนก มีแต่นายก้อง ที่ยังคงทำงานให้กับกำนันนก ยืนยันที่ผ่านมานายก้อง ไม่เคยมาพูดให้ทางครอบครัวฟังเรื่องของกำนันนก ว่าเขาทำอะไรบ้าง

ส่วนประเด็นเรื่องคดีที่นายก้อง ไปมีส่วนร่วมในการขับรถพากำนันหนีออกมาจากงานเลี้ยง เรื่องนี้ยืนยันว่าคนในครอบครัวไม่ได้เครียดหรือมีความกังวลอะไร เนื่องจากนายก้อง เป็นแค่พนักงานขับรถ ซึ่งก่อนเกิดเหตุ ทุกคนในบ้านก็เห็นว่านายก้อง เช้ามาก็ไปทำงาน ตกเย็นเลิกงานก็กลับบ้าน เหมือนพนักงานขับรถทั่วๆไป ที่เข้าและออกงานตามเวลาที่เจ้านายสั่ง

เปิดใจที่แรก! คนขับรถกำนันนกพากบดาน วงจรปิดกู้ได้เพิ่ม 16 ตัว เห็นสมุนแห่ส่งมัดคนผิดเพิ่ม