จากเหตุการณ์ นายหน่อง ลูกน้องของกำนันนก ใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ภายในงานเลี้ยงของ "กำนันนก" เป็นเหตุให้ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรแบงค์ เสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา

ล่าสุด วันนี้ (15ก.ย.66) ที่ตำรวจภูธรภาค 7 พันตำรวจเอกกฤษฎาพร จงอักษร ผู้กำกับการ สน.พญาไท เดินทางเข้าพบชุดคลี่คลายคดี ให้ปากคำอีกครั้งหลังมีการกู้เซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิด โดยมีสีหน้าเคร่งเครียด ตลอดเวลาที่ ให้ปากคำ ก่อนจะจะหลบสื่อมวลชนออกไป

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ผู้กำกับสน.พญาไท อ้างว่า ได้ช่วยเหลือสารวัตรแบงค์ และพาตัวส่งโรงพยาบาล แต่เมื่อตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ที่นำสารวัตรแบงค์ส่งโรงพยาบาล พบว่าไม่มีผู้กำกับสน.พญาไท แต่ปรากฏภาพพ.ต.อ.กฤษฎาพร มารถอีกคันเป็นคันที่3 ทำให้เจ้าหน้าที่จึงเรียกสอบสวนให้ละเอียดอีกครั้ง


ต่อมา ทีมข่าวช่อง8 ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับ พ.ต.อ.กฤษฎาพร จงอักษร ผกก.สน.พญาไท เปิดใจถึงกรณีที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนโดยระบุว่า ตรวจสอบวงจรปิดพบตำรวจในเหตุการณ์ให้การขัดแย้งกับข้อเท็จจริง

ส่วนตัวกังวลกับกรณีที่ทางพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พบข้อมูลว่ามีตำรวจในเหตุการณ์ที่ให้การเท็จ แต่ยังคงยืนยันว่าที่ผ่านมาให้การตามความจริงทุกอย่างและให้การไปหมดแล้ว

โดยผู้กำกับการสน.พญาไท เปิดเผยเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุอีกครั้งกับช่อง8ว่า หลังมีเสียงปืนดังขึ้นและสารวัตรแบงค์ล้มลง ตอนนั้นผกก.เบิ้ม และผู้บังคับบัญชาของสารวัตรแบงค์ ที่อยู่ในโต๊ะสติแตก ไม่สามารถให้การช่วยเหลือหรือสั่งการอะไรได้ ตนจึงต้องสั่งการแทนในตอนนั้น โดยสั่งให้ลูกน้องของตนสองคนเป็นคนขับพาสารวัตรแบงค์ไปรักษาที่โรงพยาบาล

หลังตนสั่งการตนก็ขึ้นรถขับออกจากสำนักงานกำนันคนแรกแล้ว รถโตโยต้า คัมรี่ ของลูกน้องตนที่พาสารวัตรแบงค์ไปโรงพยาบาลก็ขับนำไป จากนั้นตนก็ขับตาม แต่ปรากฏว่าตนเลี้ยวผิด เมื่อไปถึงโรงพยาบาลก็พบว่าผู้กำกับเบิ้มไปถึงโรงพยาบาลก่อนตนแล้ว ซึ่งตนขอยืนยันว่าตนก็ไปโรงพยาบาลเช่นกันเพราะตนก็ปรากฏในภาพวงจรปิดที่ได้เผยแพร่ตามสื่อต่างๆ

ตอนที่สารวัตรแบงค์เพิ่งถึงโรงพยาบาลยังคงมีสติและพูดคุยได้ แต่พอเข้ารับการรักษาหลังจากนั้นอีก 2 ชั่วโมง ต่อมาผู้อำนวยการโรงพยาบาลแจ้งตนว่าสารวัตรแบงค์เสียชีวิตแล้ว โดยมีตำรวจที่เฝ้าคอยดูอาการของสารวัตรแบงค์ ที่โรงพยาบาลประมาณ8-9 นาย ตามภาพวงจรปิดที่ปรากฏตามสื่อ

ซึ่งตอนนั้นตนยังได้สั่งลูกน้องอีกหนึ่งคน ให้กลับไปดูที่เกิดเหตุอีกครั้ง ยืนยันว่าส่วนนี้มีการลงบันทึกคำให้การของตนเองแล้ว

โดยเมื่อ 11.00 น. นายประโยชน์ จันทร์คล้าย หรือผู้ใหญ่โยชน์ พร้อมด้วย ภรรยา และลูกสะใภ้ที่เป็นภรรยาของกำนันนก พร้อม นายเชาว์ แก่นสวาท ทนายความของกำนันนก เดินทางมายัง กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค7 ตามที่พนักงานสอบสวน เรียกมาเพื่อสอบปากคำ

โดยเมื่อมาถึง ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม ว่าเดินทางมาเพื่ออะไร ได้คุยกับกำนันนกเป็นอย่างไรบ้าง ได้ไปเยี่ยมกำนันนกหรือไม่ และกำนันนกได้ร้องขออะไร หรือกังวลอะไรหรือไม่ หลังตำรวจกู้กล้องวงจรปิดภายในงานได้แล้ว ซึ่งทนายความไม่ได้ตอบคำถามอะไรกับสื่อมวลชน

จากนั้นก็เดินเข้าไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน


ขณะเดียวกันวันนี้ มีพยานอีกหนึ่งคนเดินทางมาที่ตำรวจภูธรภาค 7 แสดงตัวกับพนักงานสอบสวน อ้างว่าตนเป็นลูกน้องกำนันนก หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนได้คุมตัวออกไป คาดว่าพากลับไปเอาปืนที่บ้านพัก และพาตัวกลับมาที่ตำรวจภูธรภาค 7 อีกครั้ง พร้อมปืนสั้น 1 กระบอก เจ้าหน้าที่จึงได้สอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง ส่วนอาวุธปืนตำรวจจะนำไปตรวจสอบทะเบียนและชื่อผู้ครอบครอง

นอกจากนี้ยังมีคนงานบ้านกำนันนก ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ให้ปากคำไปแล้วที่ สภ.เมืองนครปฐม ตำรวจได้คุมตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง

 

ผู้กำกับโต้บิ๊กโจ๊ก สารวัตรแบงค์ไม่ตายคาที่ โป้ง 1 นัดรีบช่วย สมุนกำนันนกถูกจับยึดปืน