ตำรวจคุมตัวคนงานบ้าน "กำนันนก" ไปชี้จุดฝังปืนที่ใช้ยิง "พ.ต.ต." พบ ตร. เพิ่งขายให้กำนัน

วันที่ 9 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจชุดสืบสวนพานายเก่ง คนงานภายในบ้านกำนันนก ไปชี้จุดขุดหลุมฝังปืน ซึ่งจุดนี้เป็นซอยตันท้ายอ่างเก็บน้ำประปานคร จ.นครปฐม หลังเจ้าตัวรับสารภาพเป็นคนเอาปืนที่ใช้ก่อเหตุไปฝังไว้ใกล้บ้านพักตัวเองในวันรุ่งขึ้นหลังเกิดเหตุ โดยใช้เศษผ้าโต๊ะจีนห่อปืนไว้ ก่อนขุดหลุมฝังดินเอาไว้ บริเวณกรงหมาท้ายอ่างเก็บน้ำฯ ซึ่งจากการใช้เวลาขุดเพื่อหาปืนของกลาง ใช้เวลาเพียง 5 นาที ก่อนพบผ้าสีขาวห่อปืนที่ขึ้นลำอยู่ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องให้กองพิสูจน์หลักฐานเข้ามาเก็บอาวุธปืนดังกล่าว เพื่อความปลอดภัย โดยหากจะเข้ามานั้นสุนัขทั้ง 2 ตัวที่อยู่บริเวณด้านหน้าจะต้องเห่าเสียงดังอย่างแน่นอน

ทีมข่าวได้สอบถาม นายพรรุ่ง วงษ์น้อย ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านหลังจุดท้ายของซอย ว่าในวันที่นำปืนมาฝังดินได้ยินเสียงหมาเห่าหรือไม่ เจ้าของบ้านระบุว่า สุนัขที่เลี้ยงไว้หากเป็นคนที่ไม่คุ้นเคย หรือคนข้างนอก เข้ามาหมาก็จะเห่าเสียงดัง ซึ่งเจ้าของบ้านก็จะออกมาดู แต่ช่วงเวลาที่นำมาฝัง เชื่อว่าเจ้าของบ้านคงออกมาดูแล้ว และก็จะเจอกับคนที่เอาผืนมาฝัง ซอยนี้เป็นซอยตัน สมัยก่อนที่จะมาปลูกบ้านที่นี่ ปกติแล้วเป็นพื้นที่ป่ารกร้าง ซึ่งได้มาปลูกบ้านเกือบ 5 ปีแล้ว อาจจะเป็นอดีตวัยรุ่นที่เคยมานั่งตกปลาตรงนี้ ที่จะรู้จัดสถานที่นี้ น่าจะเป็นคนในพื้นที่

หลังจากนั้นไม่นาน ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน เข้าเก็บหลักฐานคือปืน ขนาด 9 มม. พร้อมกระสุนประมาณ 10 นัด ผ้าคลุมเก้าอี้โต๊ะจีน 2 ชิ้น ปลายเสียมเก่า 1 อัน และดินที่ใช้ฝังของกลาง ก่อนจะนำหลักฐานทั้งหมดไปเก็ยลายนิ้วมือแฝง และตรวจดีเอ็นเอ เพื่อหาความเชื่อมโยงบุคคลที่เกี่ยวข้อง

เบื้องต้นตำรวจได้นำเมมโมรี่การ์ดจากกล้องวงจรปิด บริเวณแท้งน้ำหน้าบ้านหลังหนึ่งไปตรวจสอบ ซึ่งทางเจ้าของบ้านแจ้งว่า ปกติจะตั้งกล้องไว้ที่บริเวณหน้าบ้านเท่านั้น ซึ่งทางที่นำไปฝั่งของกลางไม่ได้ผ่านมาบริเวณหน้าบ้าน ซึ่งอาจจะไม่เห็นภาพบุคคลที่นำของมาฝังดินไว้

ทั้งนี้มีรายงานว่า อาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุนั้น เบื้องต้นเป็นอาวุธปืนของ ร.ต.ท.นิมิตร สังกัด สภ.เมืองนครปฐม ทำหน้าที่ขับรถให้กับผู้บังคับการจังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นปืนโครงการสวัสดิการตำรวจ ได้ขายต่อให้กับ นายประวีณ หรือ กำนันนก ก่อนที่ นายประวีณ จะนำมาให้นายธนัญชัย หรือหน่อง ท่าผา ลูกน้องคนสนิทพกติดตัวไว้ใช้ เพื่อคอยคุ้มกันตนเอง

ซึ่งหลังนายธนัญชัย ก่อเหตุเสร็จได้นำอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวไปฝากไว้กับคนงานชาวพม่า นำไปฝังซ่อนไว้ใต้กรงสุนัข ส่วนอาวุธปืนอีกกระบอกที่นายธนัญชัย พกติดตัวในวันที่ถูกวิสามัญ นั้น ก็เป็นของ นายประวีณ ให้ไว้ใช้พกพาติดตัวเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ จากแนวทางสืบสวนของชุดคลี่คลายคดีดังกล่าว ยังพบหลักฐานว่า หลังเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยให้การช่วยเหลือ นายธนัญชัยจริง อีกทั้งยังปล่อยเวลาล่วงเลยนานพอสมควร ก่อนจะโทรประสานแจ้งเหตุกับทางสถานีตำรวจท้องที่ จึงทำให้กลุ่มลูกน้องของกำนันนก มีเวลามากพอที่จะจัดเก็บ ทำลายพยานหลักฐานต่างๆ โดยเฉพาะเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ ได้ทันก่อนที่ตำรวจท้องที่จะเข้ามาถึง เบื้องต้นได้มีการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ และร่องรอยลายนิ้วมือแฝง ไว้เป็นดำเนินการตรวจสอบเป็นเรียบร้อยแล้ว