เวลา 22.00 น.วันที่ 22 ส.ค.66 พ.ต.ท.วชิรนุสรณ์ คำแพง สว.(สอบสวน) สภ.บางศรีเมือง จ.นนทบุรี รับแจ้งมีเหตุแทงกันตาย ที่ซอยวัดขวัญเมือง ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี หลังรับแจ้งรับรุดไปตรวจสอบพร้อม แพทย์สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดนนทบุรี เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู มูลนิธิสยามนนทบุรี

 

ที่เกิดเหตุพบนายอนันต์ อายุ 20 ปี ลูกชายผู้เสียชีวิต นั่งรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่หน้าบ้าน พร้อมมีดเดินป่ายาวประมาณ 20 ซม.ที่ใช้ก่อเหตุโดยยังมีคราบเลือดติดอยู่ ใกล้กับประตูบ้านด้านในพบศพนายสุขสันต์ อายุ 57 ปี ผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นพ่อของนายอนันต์ ผู้ก่อเหตุ สภาพศพนอนหงายจมกองเลือด นุ่งผ้าขาวม้าเพียงผืนเดียว มีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีด ด้านหลัง 10 แผล ลำคอซ้าย 1 แผล ต้นแขนซ้าย 3 แผลหน้าท้องซ้าย 1 แผล

 

นายอนันต์ ผู้ก่อเหตุ ให้การอ้างว่าตนออกไปอยู่ต่างจังหวัดมาประมาณ 4 เดือน และเพิ่งกลับเข้ามาอยู่ที่บ้านเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ก่อเกิดเหตุตนอยู่ที่บ้านเพียงคนเดียว ต่อมาเวลา 21.00 น.พ่อกลับมาจากทำงานเหมือนว่าจะหงุดหงิดอะไรไม่รู้ แล้วพ่อก็ไปทำครัว ก่อนจะเดินเข้าออกห้องนอนเปิดปิดกระแทกประตูเสียงดัง ก่อนจะมาเดินวนเวียนที่หน้าห้องนอนของตน จึงตระโกนถามไปว่าเป็นอะไร แล้วพ่อก็โวยวาย ก่อนจะถือมีดเดินเข้ามา ตนจึงใช้มีดแทงไป 1 ครั้ง แล้วพ่อก็เข้ามากอด แล้วก็ชักมีดที่พ่อถือมา จึงเกิดการต่อสู้กัน ผมก็แทงจนกว่าเขาจะหยุด ตนจำไม่ได้ว่าแทงไปกี่ครั้ง ส่วนตนถูกมีดฟันที่นิ้วมือได้รับบาดเจ็บ นายอนันต์ กล่าวต่ออีกว่า พ่อเคยมีปัญหากับแม่มาก่อนหน้าแล้ว จนแม่ต้องเลิกและย้ายออกไปอยู่ที่อื่น พ่อกับแม่ชอบทะเลาะกันแล้วก็มาลงที่ผม

 

ล่าสุดวันนี้ (23 ส.ค.66) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้าทางคดี ที่ สภ.บางศรีเมือง จ.นนทบุรี เนื่องจากเช้าวันนี้ทางตำรวจจะต้องนำตัวนายอนันต์ ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุและเป็นลูกชายของผู้ตายออกมาสอบปากคำอย่างละเอียด เพราะนายอนันต์ ขอใช้สิทธิไม่ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ

 

โดยทันทีที่ตำรวจคุมตัวนายอนันต์ ออกมาจากห้องคุมขัง ทีมข่าวจึงได้เข้าไปสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งนายอนันต์ มีสีหน้าเรียบเฉยและเปิดใจกับทีมข่าวว่า ตอนเกิดเหตุพ่อเเป็นคนข้ามาหาเรื่องก่อน ซึ่งตอนนั้นพ่อเมา โดยที่ต้องแทงพ่อไปอย่างไม่ยั้งเป็นเพราะว่าตนเองถูกพ่อล็อกคอซึ่งตอนแทงเป็นช่วงชุลมุนจำไม่ได้ว่าแทงไปกี่ครั้ง

 

ซึ่งตอนนี้ถามว่ารู้สึกผิดบ้างหรือไม่ที่ฆ่าพ่อตายกับมือ ขอตอบตรงๆว่า "ไม่รู้สึกผิดตั้งแต่ลงมือฆ่าพ่อ " เนื่องจากตอนก่อเหตุเป็นพฤติกรรมการป้องกันตัว และถึงตอนนี้ก็ไม่รู้สึกสำนึกผิด เพราะว่าก่อนที่พ่อจะตาย ทุกคนเกลียดพ่อหมด เนื่องจากพ่อเป็นคนนิสัยเสีย ยืนยันจะถามกี่คำว่าอยากขอโทษพ่อและครอบครัวหรือไม่ ผมก็ตอบเหมือนเดิมว่า "ไม่ขอโทษ" ส่วนความผิดของผมก็ขอให้กฏหมายลงโทษเอง

 

หลังจากนั้นทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปพูดคุยกับ นางสมจิต อายุ 69 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่เปิดร้านข้าวอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า นายสุขสันต์ ผู้ตาย หลังเลิกงานเขาจะมานั่งดื่มเบียร์ที่ร้านเกือบทุกวัน ซึ่งเมื่อวานนี้ก่อนจะเกิดเหตุ นายสุขสันต์ได้บอกกับตนเองว่า ที่ผ่านมาลูกชายคนที่ก่อเหตุไม่เคยเรียกเขาว่าพ่อ แล้วที่ผ่านมา เวลาทะเลาะกันคนที่ก่อเหตุก็มักจะขึ้นมึงขึ้นกูและมักจะเรียกนายสุขสันต์ ว่าไอ้ตัวเงินตัวทอง

 

ส่วนประเด็นเรื่องที่นายสุขสันต์ เปิดประตูเสียงดัง เรื่องนี้ยอมรับว่า นายสุขสันต์ เคยมาพูดให้ฟังว่าถูกลูกด่า และมีปัญหากับลูกเรื่องนี้เป็นประจำ ซึ่งทุกครั้งที่ทะเลาะกันเรื่องนี้ ไอ้คนเป็นลูก จะพูดกับพ่อทุกครั้งว่า มึงเปิดค่อยๆไม่ได้หรอ ยิ่งไปกว่านั้น นายสุขสันต์ ยังเคยบ่นให้ฟังว่าถูกลูกชายขู่ฆ่า ซึ่งส่วนตัวรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เนื่องจากวันนี้ (23 ส.ค.66) เป็นวันเกิดของผู้ตายแต่ผู้ตายกลับถูกลูกของตัวเองฆ่าตายก่อน 1 วันเท่านั้น

 

ส่วนบรรยากาศที่ สภ.บางศรีเมือง นอกจากจะมีการสอบปากคำผู้ต้องหา ในช่วงบ่ายของวันนี้ มีทางนางสมหญิง อายุ 60 ปี ซึ่งเป็นแม่ของนายอนันต์ (ผู้ต้องหา) และเป็นอดีตภรรยาของนายสุขสันต์(ผู้ตาย)   ได้ถ่อสังขารตัวเองทั้งๆที่เวลาเดินยังต้องใช้ไม้เท้าพยุงตัวเอง เดินทางมาเยี่ยมลูกที่โรงพัก ซึ่งขณะที่แม่ลงจากรถทีมข่าวก็ยังต้องช่วยกันพยุงตัวแม่เดินขึ้นบันไดเพื่อไปเยี่ยมลูก

บรรยากาศทันทีที่ตำรวจได้เปิดห้องขังให้พบกับหน้าลูก คนเป็นแม่ก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ โดยมีบางช่วงบางตอนที่แม่ ขอตำรวจเข้าไปใกล้ๆลูก แต่ตำรวจไม่สามารถให้แม่เข้าไปใกล้ลูกได้

 

จากนั้นเมื่อแม่เยี่ยมลูกเสร็จ ทางตำรวจก็ได้มีการเชิญแม่ไปสอบปากคำในห้องสอบสวน เพื่อสอบถามถึงเรื่องในครอบครัวและเรื่องอาการป่วยของผู้ต้องหาที่สุ่มเสี่ยงเป็นจิตเวช

 

โดยนางสมหญิง (นามสมมติ) แม่ของผู้ต้องหาบอกกับทีมข่าวว่า นักข่าวอย่าไปเชื่อใครและอย่าไปฟังใครพูดว่าแม่ สั่งสอนให้ลูกเกลียดพ่อ ซึ่งตัวแม่เอง ถึงจะเลิกรากับพ่อของลูกไปนานแล้ว แต่แม่ก็สั่งสอนลูกเสมอว่า จะผิดจะถูกก็ขอให้ให้อภัยซึ่งกันและกัน ซึ่งเหตุผลที่แม่เลิกกับพ่อของลูก ก็เป็นเพราะว่าแม่เบื่อที่ต้องทะเลาะกับพ่อของลูกเรื่องเดิมๆ คือเรื่องที่พ่อของลูกมักจะชอบปิดประตูเสียงดังใส่ และที่ผ่านมา ในขณะที่แม่ย้ายออกไปจากบ้านที่เกิดเหตุ แม่ก็ยังเคยเตือนพ่อของลูกเสมอว่า พฤติกรรมเมาแล้วชอบปิดประตูเสียงดัง อย่าทำกับลูกเหมือนทำกับตนเอง แต่พ่อของลูกก็ไม่เคยฟัง เนื่องจากเขาเป็นคนไม่ค่อยพูดและเป็นคนที่ชอบแสดงอาการหากไม่พอใจใคร

ยืนยันที่ผ่านมา เคยเตือนลูกตลอดว่าถ้าทนพ่อไม่ไหวให้มาอยู่กับแม่ ซึ่งพ่อของลูกคนนี้เป็นคนแปลกๆ ตอนคบหากับแม่ บ่นอยากจะได้ลูกชาย แต่พอมีลูกชายคนนี้ให้ ดันไม่รักลูกสาวคนโตมากกว่า ส่วนพฤติกรรมที่ลูกชายคนที่ก่อเหตุ ไม่เคารพพ่อและมักจะพูดคำหยาบคายกับพ่อของเขา เรื่องนี้ให้นักข่าวไปถามกับชาวบ้านเอาเอง ไม่จำเป็นที่แม่ต้องพูดขึ้นม าเพื่อขุดคุ้ยตะเข็บรื้อฟื้นเรื่องราวในอดีต ส่วนประเด็นที่ลูกชายไม่ขอโทษพ่อของเขา และถามว่าวันนี้แม่จะไปร่วมงานศพของอดีตสามีหรือไม่ ในฐานะคนเป็นแม่ / แม่ก็ไม่อยากจะพูดเรื่องนี้เพราะตัวแม่เองก็ออกมาจากครอบครัวอดีตสามีซึ่งเป็นพ่อของลูกมานานแล้ว และงานศพ แม่ก็คงจะไม่ไป ยืนยันที่พูดมาทั้งหมด ไม่ได้พูดเข้าข้างลูก

ลูกทรพีฟิวส์ขาดมีดจ้วงพ่อไม่ยั้ง ดับสลดฉุนปิดบ้านดัง ชาวบ้านแฉลูกเทพเรียกพ่อ "มึง"