กรณีเกิดเหตุ น.ส.ภัทรวดี ไชยพรหม หรือเอ๋ สาวสวยดีกรี ป.เอก หายตัวลึกลับ ออกจากบ้าน ที่จ.ลำพูน ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา

วันนี้ (4ส.ค.66) ทีมข่าวช่อง8 ได้เดินทางไปพบกับนายกาญจน์ รอดวิจิตร หรือต๊อบ สามีของน.ส.ภัทรวดี หรือเอ๋ ผู้สูญหายเพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนายต๊อบ เล่าว่า ตอนนี้ตนไม่ได้ติดใจประเด็นที่ภรรยาหนีออกจากบ้าน หรือประเด็นที่ภรรยาของตนจะคิดทำร้ายตัวเองแล้ว เพราะหลังจากที่พยายามติดต่อภรรยาของตน หลังจากที่หายตัวออกจากบ้านไป เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก็ไม่สามารถติดต่อได้ เพราะภรรยาได้ปิดการสื่อสารทุกช่องทาง กระทั่งเมื่อคืนเมื่อเวลาประมาณสองทุ่มครึ่งภรรยาได้โทรกลับมาหาแม่ แล้วบอกกับแม่ว่าให้แม่ไปถอนแจ้งความเดี๋ยวนี้ “ถ้าไม่ถอนแม่จะไม่ได้เจอหน้าหนูอีกและหนูจะไปอยู่ต่างประเทศ”

นายต๊อบ สามีของผู้สูญหาย ได้บอกกับทีมข่าวว่า การพูดคุยของภรรยากับแม่เมื่อคืนดูมีพิรุธ เพราะเหมือนการพูดคุยกันดูไม่ใช่คำพูดของภรรยาที่เคยพูดกับแม่มีทั้งขู่แม่ บางทีก็ตะโกนใส่แม่ และร้องไห้ ดูเหมือนกำลังโดยบังคับให้พูด

สามีของผู้สูญหายยังบอกอีกว่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่จากสภ. เมืองลำพูนซึ่งก่อนนี้ได้ช่วยติดตามหาตัวภรรยาอย่างเต็มกำลัง ได้แจ้งกับตนว่าตอนนี้นางสาวเอ๋ ผู้สูญหายได้ไปทำบันทึกประจำวันไว้ที่สน. ฉลองกรุง กรุงเทพฯ ว่าตนไม่ได้สูญหายไปไหน แค่อยากจะขอหลบไปพักผ่อน และยังไม่พร้อมที่จะกลับไปตอนนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำเรื่องนี้มาแจ้งให้กับทางผู้เป็นสามีให้ถอนแจ้งความด้วย


นอกจากนี้ ยังพบจดหมาย ระบุว่า ฝากดูแลหลานทั้ง 2 คนและแม่ด้วย

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวช่อง8 ได้สอบถามนางนวลจันทร์ ไชยพรหม แม่ของผู้สูญหาย เล่าว่า เมื่อคืนนี้ช่วงเวลาประมาณสองทุ่มลูกสาวได้โทรศัพท์มาหาตนแล้วก็บอกว่าตอนนี้หนูอยู่สบายดี ให้แม่ไปถอนแจ้งความเดี๋ยวนี้ หากแม่ไม่ไปถอนแจ้งความอาจจะไม่ได้เห็นหนูอีก หนูจะหนีไปอยู่ต่างประเทศตนจึงถามลูกสาวว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนเอาโทรศัพท์ใครโทรมาลูกสาว ตอบเพียงว่าเอาโทรศัพท์ลุงแถวๆนี้โทรมา หลังจากนั้นก็วางสายไปพอตนโทรกลับไปยังเบอร์ดังกล่าวก็ไม่ติด ไม่สามารถติดต่อได้จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถติดต่อเบอร์โทรเบอร์นี้ได้อีกเลย รู้สึกเป็นห่วงลูกสาวมาก อยากจะบอกลูกผ่านทีมข่าวช่องแปดว่าหากลูกดูอยู่ขอให้ลูกรีบกลับมาบ้านเพราะตอนนี้แม่เป็นห่วงมากมีอะไรให้กลับมาพูดคุยกันที่บ้านเราไม่อยากให้หนีหายไปแบบนี้

ทีมข่าวช่อง8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิด ความยาว 46 วินาทีเผยให้เห็นภาพของรถกระบะสีดำคันหนึ่ง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นรถของผู้ต้องสงสัย ที่ได้ขับมาตามทางหลวงหมายเลข 1015 ผ่านหน้าร้านเสริมสวยไป แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยข้างตึกซึ่งห่างจากร้านเสริมสวยไปเพียงไม่ถึง 200 เมตรเพื่อที่จะไปรับน้องเอ๋ (ผู้สูญหาย) ที่ไปรอขึ้นรถ จากนั้นรถคันดังกล่าวได้ถอยหลังออกมาและขับมุ่งหน้าออกไปตามถนน

ภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งเป็นภาพต่อเนื่องหลังจากที่รถกระบะสีดำต้องสงสัยคันดังกล่าว ถอยกลับออกมาแล้วก็ได้ขับมุ่งหน้าไปตามทางหลวงหมายเลข 1015

นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้ มักมานั่งดื่มกาแฟที่ร้านในช่วงเวลาเช้ากับผู้สูญหายอยู่บ่อยๆ ซึ่งข้อมูลนี้ตรงกับข้อมูลที่สามีของผู้สูญหายบอกกับทีมข่าวว่าภรรยามักออกจากบ้านในช่วงเช้าอยู่บ่อยๆ เมื่อตนถามก็บอกว่าแค่ออกไปตลาด ซึ่งตนก็ไม่ได้ติดใจอะไร

ด้านนายต๊อบ สามีของผู้สูญหาย ยังบอกกับทีมข่าวอีกว่า ตอนนี้ตนได้ถอนแจ้งความที่สภ.ลำพูน เรื่องคนหายเรียบร้อยแล้ว ก็ยังไม่รู้จะเดินหน้าต่อไปยังไง ยังไม่ทราบชะตากรรมว่าภรรยาของตนอยู่ที่ไหน สบายดีหรือไม่ เพราะติดต่อไม่ได้อีกเลย ตอนนี้ตนและครอบครัวเป็นห่วงมาก หากภรรยาได้ยินเสียงของตนตอนนี้ขอให้รีบติดต่อกลับมา ทุกคนที่บ้านพร้อมจะรับฟัง

ด้านสามีผู้สูญหาย ยังบอกกับทีมข่าวอีกว่าตอนนี้ประเด็นที่ตนสงสัยมากที่สุดคือ ประเด็นที่ภรรยาของตนอาจถูกหลอกชักชวนไปลงทุน โดยนกต่อคุยคุยกันผ่านโซเชี่ยล เพราะก่อนนี้เคยสังเกตุเห็นภรรยาฝึกพูดภาษาจีน และมีข้อความแชทแปลกๆ ซึ่งอาจจะมาจากโปรแกรมแปลภาษา ไม่น่าจะใช่คำพูดที่คนเราใช้พูดคุยกัน มีการโอนเงินออกจากบัญชีไปให้คนอื่น และบางทีภรรยาก็ส่งข้อความมาขอเงินตน ซึ่งตนเชื่อว่าเป็นการกะทำของมิจฉาชีพแน่นอน ส่วนเฟสบุ๊คของภรรยาได้บล็อกเพื่อนและคนรู้จักหมดแล้วรวมทั้งตนเองด้วย ต้องใช้ชื่อบัญชีอื่นเข้าไปดูเฟสบุ๊คของภรรยา จะเห็นว่าเพื่อนในเฟสบุ๊คส่วนใหญ่90%นั้น เป็นชาวอาหรับ และเมื่อเข้าไปดูเฟซบุ๊กของแต่เพื่อนอาหรับละคน คิดว่าอาจจะเป็นพวกมิจฉาชีพแน่นอน ซึ่งก่อนนี้ตนเคยสงสัยว่าทำไมภรรยาถึงต้องฝึกพูดภาษาจีน

ทีมข่าวสอบถาม นางสาวบุญจิรา เจ้าของร้านเสริมสวย เล่าว่า น้องเอ๋เป็นลูกค้าประจำของร้านตนมานานแล้ว แต่ในวันเกิดเหตุน้องเอ๋ก็มาด้วยท่าทางอาการปกติ แต่ผิดสังเกตตรงที่น้องเอ๋จะนั่งก้มหน้าแชตอยู่ตลอดเวลา แต่ตนก็ไม่รู้ว่าน้องเอ๋แชทคุยอะไรกับใคร มีอยู่ช่วงหนึ่งที่น้องเอ๋ถามตนว่าตนสามารถลบเบอร์โทรศัพท์ในเฟซบุ๊กได้ไหม ซึ่งตนก็บอกกับน้องไปว่าตนทำไม่เป็น น้องก็บอกไม่ เป็นไรพี่เดี๋ยวหนูลองทำเอง

จนกระทั่งทำผมเสร็จ น้องเอ๋ก็บอกกับตนว่าหนูจะขอฝากกุญแจรถไว้ให้สามี ตนจึงถามว่าแล้วเอ๋จะไปไหนน้องเอ๋ตอบเพียงว่าไปเรื่อยๆ หรืออาจจะไปบวชเลยก็ได้ จากนั้นก็โทรเรียกรถผ่านแอปฯให้มารับ ซึ่งตอนที่รถมารับนั้นตนไม่เห็นเนื่องจากว่าน้องเอ๋ ได้เดินออกไปแล้ว คิดว่าน่าจะหลบไปขึ้นข้างๆตึก

สาว ป.เอก หายตัวทิ้งปริศนา "ฝากแม่ด้วย" ผัวถูกบล็อกเฟซ หวั่นถูกหลอกลงทุนจีน