หนุ่มพ่อลูกอ่อนถูกยิงดับบนเชิงเขา ขณะคู่หูอดีตจ่าทหารพร้อมภรรยาที่ไปด้วยกันถูกหิ้วสอบปากคำ คาดแอบพากันไปลักไก่ในฟาร์มเลี้ยง แต่ถูกดักยิง รวมถึงเรื่องยาเสพติด

เมื่อเวลา 07.30 นาฬิกา วันที่ 30 กรกฎาคม 2566 พ.ต.ท.โรจน์ เสาทอง สว.สอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งมีคนถูกยิงเสียชีวิตอยู่เชิงเขาพระงาม หลังวัดบ่อแก้ว หมู่ 6 ตำบลเขาพระงาม อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยพันตำรวจเอกรักษ์ศักดิ์ เมฆจินดา ผู้กำกับการ สภ.เมืองลพบุรี นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และแพทย์เวรโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช ร่วมตรวจสอบจุดเกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุอยู่ภายในชุมชนเขาพระงามที่ 9 บ้านบ่อแก้ว บริเวณที่ดิน สค. ของหน่วยทหาร เป็นสวนชาวบ้านจับจองทำการเกษตร ที่แคร่พักใต้ต้นไม้ติดกับรั้วแนวเขต พบศพนายสืบสาย อายุ 28 ปี สภาพนอนหงาย ถูกยิงด้วยกระสุนปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่กลางศีรษะ ลักษณวิถีกระสุนดิ่งลงหัว กระสุนฝังในจำนวน 1 นัด เลือดทะลักออกปากและจมูกคาดเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 6 ชั่วโมง ในกระเป๋งกางเกงผู้ตายพบมีเนสดจำนวน 6,500 บาท และถุงปุ๋ยวางอยู่ 1 ถุงเปิดดูพบมีซากไก่ และเป็นรวมจำนวน 5 ตัว ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าสีแดงขาวไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และรถจักรยานยนต์ฮอนด้าซูมเมอร์เอ็กซ์สีดำ ใต้เบาะพบถุงปุ๋ย มีซากห่านและเป็ดรวม 3 ตัว โดยรถทั้ง 2 คันถูกปล่อยลมยางล้อแบน และยังถูกถอดสายหัวเทียนหายไปอีกด้วย จอดอยู่ใกล้กัน บริเวณจุดเกิดเหตุ ไม่พบร่องรอยการต่อสู้

จากการสอบสวน นางสุกัญญา พี่สาวคนตาย ทราบว่า ช่วงประมาณสองทุ่มคืนที่ผ่านมา น้องชายยังนั่งกินข้าวร่วมกันอยู่ที่บ้าน ก่อนแยกย้ายกันไปนอน จึงไม่รู้ว่าน้องชายออกไปนอกบ้านตอนไหน จนกระทั่งช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน ได้มีมะนัจ อายุ 55 ปี หรือจ่าณัฐ อดีตทหารซึ่งเป็นคู่หูกับน้องชายได้โทรมาหาตนบอกน้องชายถูกยิงเสียชีวิตอยู่ที่เชิงเขางาม หลังวัดบ่อเงิน ให้รีบไปดู แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก

จนกระทั่งรุ่งเช้าเห็นน้องชายยังไม่กลับเข้าบ้าน จึงช่วยกันออกไปตามหาน้องชายบริเวณเชิงเขา และมาพบศพน้องชายถูกยิงนอนเสียชีวิตดังกล่าว โดยน้องชายตนมีอาชีพรับจ้างทั่วไป มีครอบครัวแล้ว และเมียเพิ่งคลอดลูกได้เพียง 3 วัน ยังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล หลังจากนั้นทางตำรวจจึงไปติดตามตัวนายมะนัจ และภรรยาไปสอบปากคำ

ด้านพันตำรวจเอกรักศักดิ์ เมฆจินดา ผู้กำกับการ สภ.เมืองลพบุรี เปิดเผยกับทีมข่าวถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีนี้ว่า หลังจากได้นำตัวนายมะนัจ หรือจ่านัจ มาสอบสวนปากคำพร้อมภรรยา ครั้งแรกไม่ยอมให้ความร่วมมือกับตำรวจ อ้างว่าไม่รู้เห็นการตายของนายสืบสวน แต่ด้วยมีภาพจากก้องวงจรปิดหมู่บ้านมายืนยันว่าไปกับผู้ตาย นอกจากนี้รถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ที่เกิดเหตุก็เป็นรถคันที่นายมะนัจ ขับขี่มากับผู้ตาย จึงยอมรับสารภาพ

โดยมูลเหตุครั้งนี้คาดการว่าจะมาจากการลักทรัพย์ ซึ่งนายมะนัจ เคยถูกปลดออกจากราชการทหาร ได้ร่วมกับภรรยา และผู้ตาย เข้าไปลักเป็ดไก่ในฟาร์มใกล้จุดเกิดเหตุมาหลายครั้งแล้ว จนเจ้าของฟาร์มต้องใช้วิธีป้องกันทรัพย์สินของตนเอง โดยใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่ศีรษะผู้ตายไป 1 นัดจนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ซึ่งตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานกล้องวงจรปิดต่างๆ รอบใกล้พื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งตอนนี้นายมะนัจ เองก็ยังให้การวกวนอยู่

นอกจากนี้ ทั้งผู้ตายและนายมะนัจ ยังมีเรื่องเกี่ยวกับยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย ส่วนเจ้าของฟาร์มนั้นทางตำรวจกำลังตรวจสอบอยู่ว่าใครเป็นเจ้าของ และมีใครเป็นผู้เฝ้าดูแลเพื่อติดตามตัวมาให้ข้อมูล ส่วนศพผู้ตายได้นำส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้งที่โรงพยาบาล