จับเพิ่มอีก 2 รีสอร์ตใกล้ผาหัวสิงห์ ภูทับเบิก เพชรบูรณ์ ลุยยึด 9 วัน รวมพื้นที่กว่า 5 ไร่

เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2566 จากกรณีมีนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวภูทับเบิก ได้โพสต์ในโซเชียลว่า พบการก่อสร้างรีสอร์ต และอาคารที่พักใกล้กับผาหัวสิงห์ ต.บ้านเนิน อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ โดยมีการตั้งคำถามในโลกออนไลน์ว่า การสร้างสิ่งปลูกสร้างอาคารที่พัก และแนวเขตพื้นที่บดบังทัศนียภาพอันสวยงามทางธรรมชาติของผาหัวสิงห์

ต่อมาที่ปรึกษา รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยฯ รองอธิบดีกรมป่าไม้ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป 4.กอ.รมน ตำรวจกองกำกับการ 4 บก.ปทส. ฝ่ายปกครองอำเภอหล่มเก่า เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ลงตรวจสอบพื้นที่ เมื่อวันที่ 26 ก.ค.2566 ที่ผ่านมา

ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง โดยตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ได้ร่วมกับหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พช.18 (น้ำชุน) ชุดปฏิบัติการป่าไม้พิเศษเพชรบูรณ์ ฝ่ายปกครองอำเภอหล่มเก่า และอุทยานแห่งชาติเขาค้อ ลงพื้นที่ตรวจสอบการก่อสร้างรีสอร์ตที่กำลังดำเนินการก่อสร้างใหม่ 3 แห่ง บริเวณใกล้กับผาหัวสิงห์ ภูทับเบิก แต่ไม่พบผู้กระทำผิด จึงได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.หล่มเก่า ไว้แล้ว

ล่าสุด พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน.เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับ นายประสาน เอียดสังข์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาค้อ นำกำลังคณะเจ้าหน้าที่ดังกล่าว เข้าตรวจสอบพื้นที่บริเวณด้านทิศใต้ของ ผาหัวสิงห์ พบว่ามีรีสอร์ตก่อสร้างบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาค้อ 2 แห่ง

โดยแห่งแรกคือ “สวนสวรรค์ภูทับเบิก” อยู่ริมหน้าผาด้านทิศใต้ ห่างจากผาหัวสิงห์ ประมาณ 200 เมตร มีหินก้อนขนาดใหญ่ ด้านบนก้อนหินทำเป็นบันไดขึ้นไปชมวิวได้ 360 องศา ต่อจากก้อนหินใหญ่ตลอดแนวหน้าผาเชื่อมต่อจากผาหัวสิงห์ ความยาวประมาณ 200 เมตร มีการก่อสร้างอาคารที่พักรุกล้ำเข้าไปในเขตของอุทยานแห่งชาติเขาค้อ ประกอบด้วยอาคารถาวรทำด้วยคอนกรีต หลังคามุงด้วยเมทัลชีท ด้านหน้าผาทำเป็นกระจก จำนวน 4 หลัง และมีฐานกางเต็นท์โดม ริมหน้าผารวม 15 โดม และอยู่บนก้อนหินอีก 2 โดม ปลายหน้าผาทำบันไดขึ้นไปบนเนินเขาที่ชัน และอันตรายมาก เพื่อทำเป็นจุดเช็กอิน” สวนสวรรค์” ซึ่งจุดนี้สามารถชมวิวผาหัวสิงห์ และมองเห็นวัดผาซ่อนแก้ว อ.เขาค้อ ได้อย่างชัดเจน ส่วนอีกด้านของรีสอร์ตอยู่ในพื้นที่ที่ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงจังหวัดเพชรบูรณ์ (พม.) ขอใช้ประโยชน์จากป่าไม้ และได้จัดให้ราษฎรรายนี้ทำกิน แต่รีสอร์ตรายนี้สร้างออกนอกเขตที่ได้รับอนุญาตจาก พม. เจ้าหน้าที่จึงจับค่าพิกัดพื้นที่บุกรุก คำนวณเนื้อที่ได้ 1 - 2 - 69 ไร่ จึงตรวจยึดดำเนินคดี พร้อมสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 4 รายการ ประกอบด้วย บ้านพักถาวร ขนาด 5 x 4 เมตร จำนวน 4 หลัง โดม จำนวน 5 หลัง แคร่ไม้ไผ่เพื่อใช้ในการกางเต็นท์ ขนาด 4 x 4 เมตร จำนวน 15 แคร่ แคร่พื้นยิปซัม ขนาด 3.6 x 3.6 เมตร พร้อมราวเหล็ก จำนวน 3 แคร่

แห่งที่สอง คือ” กู๊ดวิว ฮอตวิว ภูทับเบิก” อยู่ริมหน้าผาด้านทิศใต้ ห่างจากผาหัวสิงห์ ประมาณ 100 เมตร มีการปรับพื้นที่ทำเป็นลานกางเต็นท์ยาวประมาณ 100 เมตร มีเพียงรั้วไม้ชั่วคราวกั้นกันตกริมหน้าผาเท่านั้น มีการก่อสร้างเสาไฟฟ้าโซล่าเซลเป็นแถวตามแนวหน้าผาจำนวน 5 ต้น โดยนักท่องเที่ยวติดต่อจองที่พักกางเต็นท์ ผ่านทางเพจของรีสอร์ต โดยคิดค่าบริการเต็นท์ละ 150 บาท/คืน ซึ่งรีสอร์ตรายนี้ใช้ประโยชน์ออกนอกเขตที่ได้รับอนุญาตบุกรุกเข้าไปในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาค้อ เจ้าหน้าที่จึงจับค่าพิกัดพื้นที่บุกรุก คำนวณเนื้อที่ได้ 0 - 2 - 82 ไร่ จึงตรวจยึดดำเนินคดีพร้อมสิ่งปลูกสร้างเสาไฟ จำนวน 6 ต้น

เจ้าหน้าที่จึงได้จัดทำบันทึกเรื่องราวพร้อมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง นำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหล่มเก่า เพื่อดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 19(1) “ฐานยึดถือครอบครองที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ไปจากเดิม” และความผิดตามมาตรา 19(6) “ฐานเข้าไปดำเนินกิจการใดๆ เพื่อหาผลประโยชน์” โดยมอบให้ นายประสาน เอียดสังข์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาค้อ เป็นผู้กล่าวโทษ

พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน เปิดเผยว่า สรุปผลการตรวจยึดพื้นที่รีสอร์ต บริเวณผาหัวสิงห์ ในห้วง 19 - 27 ก.ค.2566 รวมทั้งหมด 6 ราย เนื้อที่รวม 5 –3 - 31 ไร่ สิ่งปลูกสร้าง 36 หลัง และเสาไฟ 6 ต้น