วันที่ 24 กรกฎาคม 2566 ผู้ตรวจการแผ่นดินแถลงผลวินิจฉัยกรณีขอให้ยื่นคำร้องพร้อมความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญตีความกรณีรัฐสภาลงมติวินิจฉัยว่าการเสนอชื่อบุคคลให้รัฐสภาเห็นชอบเพื่อแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีถือเป็น “ญัตติ” ซึ่งต้องปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2563 ข้อ 41

พันตำรวจโท กีรป (กี-รบ) กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับเรื่องร้องเรียนจากสมาชิกรัฐสภาและประชาชน จำนวน 17 คำร้องเรียน โดยผู้ร้องเรียนขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน เสนอคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 25610 มาตรา 213 จากกรณีที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 ลงมติวินิจฉัยว่า การเสนอชื่อบุคคลให้รัฐสภาเห็นชอบเพื่อแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีถือเป็น “ญัตติ” ซึ่งต้องปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2563 ข้อ 41 ซึ่งกำหนดว่า “ญัตติใดที่ตกไปแล้ว ห้ามนำญัตติซึ่งมีหลักการเช่นเดียวกันขึ้นเสนออีกในสมัยประชุมเดียวกัน” เป็นการกระทำที่เป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้ร้องเรียน จึงขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ นั้น
ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ประชุมปรึกษาหารือและเห็นชอบร่วมกัน โดยพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องเรียนว่า เข้าองค์ประกอบ เงื่อนไข และหลักเกณฑ์ ในการเสนอคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดไว้ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญพ.ศ. 2561 หรือไม่

โดยเห็นว่า รัฐสภาเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ เป็นหนึ่งในสามของอำนาจอธิปไตย รัฐสภาจึงถือเป็นหน่วยงานซึ่งใช้อำนาจรัฐ หากการกระทำของรัฐสภาละเมิดสิทธิเสรีภาพ ย่อมถูกตรวจสอบได้โดยศาลรัฐธรรมนูญและการกระทำของ “รัฐสภา” ในการลงมติวินิจฉัยว่าการเสนอชื่อบุคคลให้รัฐสภาเห็นชอบเพื่อแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีถือเป็น “ญัตติ” ซึ่งต้องปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2563 ข้อ 41 นั้น เป็นการนำข้อบังคับการประชุมไปทำให้กระบวนการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้กำหนดเรื่องการพิจารณาให้ความเห็นชอบเพื่อแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีไว้เป็นการเฉพาะแล้วมาตรา มาตรา 159 ประกอบ มาตรา 272 การกระทำของรัฐสภาดังกล่าวจึงขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ การกระทำของรัฐสภาในการลงมติวินิจฉัยดังกล่าว เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้ร้องเรียนโดยตรง

โดยผู้ร้องเรียนเป็นสมาชิกรัฐสภาและประชาชนผู้ทรงสิทธิและเสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้ ตามหมวด 3 ว่าสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย หากการกระทำของรัฐสภาดังกล่าวขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ การกระทำดังกล่าวย่อมเป็นอันใช้ไม่ได้ และมีผลเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้ร้องเรียน นอกจากนี้ ปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของการกระทำของรัฐสภาดังกล่าวยังคงมีอยู่และมิได้รับการวินิจฉัยให้เป็นที่ยุติย่อมส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งสิทธิและเสรีภาพของผู้ร้องเรียนและประชาชนทั่วไป ซึ่งอยู่ภายใต้การใช้อำนาจของรัฐโดยรัฐสภา ผู้ร้องเรียนรวมถึงประชาชนทั่วไปจึงได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้

คำร้องเรียนส่วนหนึ่ง ได้ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุติการเลือกนายกรัฐมนตรีไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีข้อวินิจฉัยในเรื่องนี้ออกมา ซึ่งเป็นคำขอเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดมาตรการหรือวิธีการใด ๆ เป็นการชั่วคราวก่อน
การวินิจฉัย ซึ่ง ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อป้องกันความเสียหายที่ยากแก่การเยียวยาในภายหลัง และเป็นคำขอที่อยู่ในหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่จะเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาได้ จึงได้ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้รัฐสภารอการดำเนินการเกี่ยวกับการเสนอชื่อบุคคลให้รัฐสภาเห็นชอบเพื่อแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญมีข้อวินิจฉัยในเรื่องนี้ออกมา ซึ่งก็เป็นดุลยพินิจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะพิจารณาตามความเหมาะสมกับข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ต่อไป

ดังนั้น ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงวินิจฉัยให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา 213 ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ประกอบ มาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561

นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล เดินทางมาประชุม สส.พรรค พร้อมให้สัมภาษณ์ประเด็นการเมืองกับสื่อมวลชน โดยระบุว่า ในเที่ยงวันนี้มีการประชุม สส.พรรคก้าวไกลผ่านทางออนไลน์ถึงแนวทางการจัดตั้งรัฐบาล ขอให้รอดูการประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลในวันพรุ่งนี้

ส่วนพรรคก้าวไกลจะตั้งหลักอย่างไร เนื่องจากหลายพรรคประกาศชัดว่าจะไม่ร่วมงานกับพรรคที่มีนโยบายแก้ไข ประมวลกฎหมายอาญา ม.112 นายชัยธวัช กล่าวว่า ขอให้รอฟังพรุ่งนี้ (25 ก.ค.66) เราเคยยืนยันมาหลายครั้งเรื่อง ม.112 เป็นแค่ข้ออ้าง สุดท้ายหลายพรรคการเมืองก็พูดออกมาชัดเจน เพราะถึงอย่างไรก็จะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล เพราะมีอุดมการณ์และวิธีทำงานการเมืองที่แตกต่างกัน ตอนนี้พรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดตั้งรัฐบาล อยู่ที่การตัดสินใจของพรรคเพื่อไทย

เมื่อถามว่าห่วงหรือไม่ว่าท้ายที่สุดแล้วพรรคเพื่อไทยจะปล่อยมือพรรคก้าวไกล นายชัยธวัช กล่าวว่า อย่าเพิ่งรีบสรุป พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้พูดแบบนั้น

ส่วนกรณีมีการมองว่าการที่พรรคเพื่อไทยเชิญ 5 พรรคการเมืองไปร่วมหารือและแถลงข่าว จะเป็นการยืมมือเพื่อสลัดพรรคก้าวไกลออกมา นายชัยธวัช กล่าวว่า คงห้ามประชาชนมองแบบนั้นไม่ได้ แต่สำหรับพรรคก้าวไกลรอฟังพรรคเพื่อไทยนำเสนอในวันพรุ่งนี้

ส่วนกังวลว่าจะเกิดผลกระทบในบ้านเมืองหรือไม่ เมื่อวานเนื่องจากเมื่อวานนี้มีกลุ่มมวลชนไปที่ทำการพรรคเพื่อไทย นายชัยธวัช กล่าวว่า ตนคิดว่าสิ่งที่ต้องกังวลตอนนี้คือประชาชนที่ได้เลือกตั้งไปแล้วไม่อยากให้พรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งทั้งอันดับหนึ่งและอันดับสองทำให้ประชาชนผิดหวัง

ส่วนกรณีที่นายกัณวีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรคเป็นธรรม เตรียมเสนอให้พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลร่วมลงนาม Advance MOU พรรคก้าวไกลมีจุดยืนอย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้

เมื่อถามว่าความชัดเจนที่อยากได้ในที่ประชุม 8 พรรคร่วมฯ มีอะไรบ้าง นายชัยธวัช กล่าวว่า เป็นไปตามที่ประชุมร่วมกันครั้งล่าสุด เพียงแต่บอกว่าหลังจากที่พรรคเพื่อไทยไปทำการบ้านมาจะมีข้อเสนออะไรเป็นทางเลือกบ้าง ตนคาดหวังว่าพรุ่งนี้จะได้คุยกันถึงเรื่องแนวทางต่างๆ ส่วนรายละเอียด เวลา สถานที่ ยังไม่ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการ ตอนนี้ทราบผ่านสื่อมวลชนเท่านั้น

ส่วนพรรคเพื่อไทยได้อัพเดตความคืบหน้าในการพูดคุยกับ สว.บ้างหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ยังไม่มี คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นภายในวันพรุ่งนี้

เมื่อถามว่า 3 แนวทางที่ 8 พรรคร่วมฯ พูดคุยกันครั้งล่าสุด ได้แก่ 1.หาเสียง สว. 2.หาเสียง สส. 3. แนวทางอื่น มองว่าทางไหนน่าจะเป็นไปได้มากที่สุด นายชัยธวัช ตอบว่า ยังไม่ได้พูดคุยกันเลย ในส่วนของพรรคก้าวไกลคิดว่าการหาเสียงจาก สว. เพิ่ม ยังมีความเป็นไปได้ เมื่อเปลี่ยนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็ยังไม่อยากให้ละทิ้งแนวทางนี้

เมื่อถามว่า 50 เสียงที่คิดว่าเป็นไปได้มาจากไหน นายชัยธวัช กล่าวว่า คิดว่ามาจากการประเมิน ตนคิดว่า สว.เอง ก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ยืดเยื้อจนไม่มีทางออก

ส่วนความเป็นไปได้หาก 8 พรรคลงมติผลักพรรคก้าวไกลออกจากกลุ่ม เหลือเพียง 7 พรรค นายชัยธวัช กล่าวว่าคงไม่มีมติแบบนั้น ปัจจัยสำคัญอยู่ที่พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย เพราะรวมกันแล้ว เสียงเกินกึ่งหนึ่ง คือ 292 เสียง

ส่วนที่ได้ให้สัมภาษณ์ว่าพรรคเพื่อไทยอาจจะต้องเลือกว่าระหว่างอุดมการณ์ของ 5 พรรคฝั่งตรงข้ามหรือใน 8 พรรคร่วมฯ นายชัยธวัช ระบุว่า เรื่องนี้ตนพูดในความหมายที่ว่าหากบอกว่าไม่มีทางอื่น ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ด้วยเหตุผลนี พรรคเพื่อไทยไปคุยแล้วถึงสถานการณ์ที่จำเป็นต้องเลือก ซึ่งตนคิดว่ายังไปไม่ถึง แต่ถ้าต้องเลือก ในเมื่อพรรคจำนวนหนึ่งบอกว่าอุดมการณ์ วิธีการ และแนวทางในการทำงานการเมืองไม่ตรงกับพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทยก็จำเป็นต้องเลือก ถ้าเดินถึงสถานการณ์นั้นจริง ว่าพรรคเพื่อไทยมีอุดมการณ์และแนวทางการเมืองใกล้เคียงกับใครมากกว่า

ส่วนหากมีพรรคภูมิใจไทยเข้ามาเพิ่มเสียง พรรคก้าวไกลจะยอมรับได้หรือไม่ เนื่องจากไม่ใช่พรรคลุง นายชัยธวัช กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกัน ซึ่งวันนี้จะมีการหารือ สส.ในทางออนไลน์ ส่วนผู้จะไปคุยกับ 8 พรรคในวันพรุ่งนี้ จะยังคงเป็นเป็นคณะเจรจาเปลี่ยนผ่านรัฐบาลเหมือนเดิม

ส่วนพรุ่งนี้จะถึงขั้นฉีก MOU เลยหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า อย่าเพิ่งคิดไปไกลขนาดนั้น เมื่อถามว่า ม.112 มักจะถูกใช้เป็นข้ออ้างในการร่วมรัฐบาล มองว่าเป็นเครื่องมือสกัดพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายชัยธวัช ยืนยันว่าเราเคยแถลงไปหลายครั้ง หากทาง สว.ที่พรรคเพื่อไทยไปคุยและมีข้อเสนอเรื่องนี้ เราก็คงรอฟังว่ารายละเอียดเป็นอย่างไร ต้องฟังข้อเสนอก่อน

ส่วนมีแผนหรือไม่ว่าหากต้องถอยจะถอยได้แค่ไหน นายชัยธวัช ย้ำว่า อยู่ที่ข้อเสนอ ส่วนที่มีการประเมินว่าอาจมีการเลื่อนการโหวตนายกรัฐมนตรีไปจนถึง 10 เดือน นายชัยธวัช มองว่า 10 เดือนอาจนานเกินไป ตอนนี้เรายังเชื่อว่าถ้าพรรคอันดับหนึ่ง อันดับสอง รวมถึงอีก 6 พรรค จับมือกันแน่น การจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นไปได้ยากกว่าของฝั่ง 8 พรรคร่วมฯ

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยยอมทิ้งแฟนเก่าไปเลือกแฟนใหม่ เพื่อให้ได้เป็นรัฐบาล นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นสิทธิของพรรคเพื่อไทยที่จะตัดสินใจ

ทั้งนี้ ระหว่างเดินขึ้นตึกเพื่อไปประชุม สส.พรรค ออนไลน์ นายชัยธวัชยังรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน พร้อมกล่าวว่า มีคนเข้ามาร้องเรียนบ่อย ไม่ใช่เพราะจะเป็นรัฐบาล แต่ตอนเป็นฝ่ายค้านก็มีคนมาร้องเรียนตลอด

ส่วนกรณีที่มีคนส่งดอกไม้มาให้กำลังใจที่พรรคอย่างต่อเนื่องนั้น นายชัยธวัช บอกว่า ขอบคุณสำหรับดอกไม้ และจริงๆก็มีขนมด้วย และข้อความเยอะ ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ และขอไม่ต้องกังวล พวกตนจะไม่หมดกำลังใจและจะเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ได้เสียขวัญ เสียกำลังใจ และยังมีสีหน้าปกติ จากนั้นนายชัยธวัช ก็ยิ้มหัวเราะ

ก่อนเดินทางขึ้นไปประชุมร่วมกับ สส.ของพรรคก้าวไกล ผ่านระบบออนไลน์ โดยยืนยันว่า หากมีมติจากที่ประชุมในวันนี้จะนำไปนำเสนอต่อที่ประชุมแกนนำ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลในวันพรุ่งนี้ด้วย

ทั้งนี้ บริเวณหน้าเคาน์เตอร์อาคารอนาคตใหม่ซึ่งเป็นที่ทำการของพรรคก้าวไกล มีช่อดอกไม้สีส้ม จากแฟนคลับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน หัวหน้าพรรคก้าวไกล และมอบกำลังใจให้พรรคก้าวไกล ทั้งดอกกุหลาบสีส้ม ดอกทิวลิป ช็อคโกแลต พร้อมข้อความให้กำลังใจกับทีมงานพรรคก้าวไกล เช่น "เลือกก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม"


พร้อมกันนี้ พรรคก้าวไกล ยังเปิด 6 เหตุผล ที่ให้สัจจะกับประชาชน ที่จะไม่ร่วมรัฐบาลที่มีพลังประชารัฐ ที่มีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นหัวหอก


ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย มีการโพสต์ผ่านทวิตเตอร์ ระบุว่า "เดินหน้าหาเสียงสนับสนุนตั้งรัฐบาล

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว , นายภูมิธรรม เวชยชัย , นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ยืนยันเดินหน้าหาเสียงต่อ เร่งตั้งรัฐบาลแก้ปัญหาประชาชน

Key pointหลังจากนี้พรรคเพื่อไทยจะรอความเห็นจาก สว. ซึ่งมีตัวแทนไปคุย ซึ่งจะแจ้ง ปชช.รับทราบเพื่อไทยจะเชิญทั้ง 8 พรรคร่วม หารือ คำตอบ 25 ก.ค.66 เวลา 14.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย

จะนำประเด็นทั้งหมดที่ได้มาจากการหารือกับพรรคการเมืองต่างๆ แจ้งต่อ 8 พรรคร่วม เพื่อพิจารณาตัดสินใจ

พรรคจะแถลงข่าว ถึงความชัดเจนเกี่ยวกับการประชุมร่วมกันของรัฐสภาวันที่ 27 ก.ค.นี้"


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วง 2-3 วันของที่ทำการพรรคก้าวไกล อาคารอนาคตใหม่ มีกลุ่มแฟนคลับและผู้สนับสนุนพรรค ส่งดอกไม้มาให้ให้กำลังใจบุคคลในพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค

โดยดอกไม้ที่นำมามอบให้ มีทั้งดอกกุหลาบสีส้ม ดอกทิวลิป ช็อคโกแลต พร้อมข้อความให้กำลังใจกับทีมงานพรรคก้าวไกล เช่น "เลือกก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม" “Love you Pita” “รักก้าวไกล”

นอกจากนี้ ยังมีมีแฟนคลับชาวไทยที่อาศัยอยู่ประเทศเกาหลีใต้ ชื่อ อิมโซฮี ส่งดอกกุหลาบสีส้ม พร้อมเขียนข้อความว่า ขอมอบดอกไม้ช่อนี้ เป็นตัวแทนเพื่อส่งกำลังใจอีก 1 เสียงจากแดนไกลให้ (ท่านชัยธวัช ตุลาธน) และสมาชิกพรรคก้าวไกลทุกๆท่านสู้ๆนะคะ

เจ้าหน้าที่"พรรคเพื่อไทย" สำรวจความเสียหายหลังกลุ่มทะลุวังบุกเข้าพรรควานนี้ ขณะกลุ่มเสื้อแดงแฟนคลับพรรค ประนามการกระทำ เตรียมเดินทางมาให้กำลังใจแกนนำเพื่อไทย 26 ก.ค. นี้ ไม่ติดจับมือพรรคขั้วเดิม ยกเว้น ปชป.

บรรยากาศที่พรรคเพื่อไทย หลังวานนี้ถูกกลุ่มทะลุวัง บุกเข้ามาภายในพรรค ขึ้นไปถึงชั้น 2 หน้าห้องประชุม สส. เช้านี้เจ้าหน้าที่พรรคได้มาตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้น พร้อมมีเจ้าหน้าที่อาคารมาดูเรื่องกลอนประตูทางหนีไฟ ว่า สามารถปรัยเปลี่ยนอย่างไร เพื่อรับมือไม่ให้มีการบุกรุกเข้าไปในตัวอาคารแบบเมื่อวานอีก

นอกจากนี้ ยังมาดูประตูกระจกด้านหน้าที่กลุ่มผู้ชุมนุมงัดเข้ามาด้วย ว่า ทำอย่างไรจะแน่นหนามากกว่านี้

ทั้งนี้ นายนิยม นพรัตน์ หรือ เค เสื้อแดง แกนนำกลุ่ม "คนเสื้อแดงแฟนคลับพรรคเพื่อไทย" เปิดเผยว่าวันที่ 26 กรกฎาคม​ เวลา 16.00 น. จะเดินทางมาให้กำลังใจพรรคเพื่อไทย ในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะตอนนี้เหมือนพรรคเพื่อไทยกำลังถูกโจมตีจากผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล ทั้งที่ดำเนินการตามมติ 8 พรรคร่วมจัดตั้ง

นายนิยม ยังรับไม่ได้กับการกระทำของกลุ่มทะลุวัง ที่บุกเข้ามาที่พรรคเพื่อไทยวานนี้ โดยที่ไม่รู้เลยว่าพรรคเพื่อไทยทำผิดอะไร และการที่บังคับให้นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ลาออกต้องถามว่าลาออกเรื่องอะไร เขาพูดไว้จริง แต่เขายังไม่ได้ทำ ตอนนี้เป็นการดำเนินการตามมติพรรค ร่วมจัดตั้งรัฐบาล

"ถ้าตัวเองเป็นคนเรียกร้องประชาธิปไตย เวลาโดนเจ้าหน้าที่รัฐคุกคามก็ร้องแรกแหกกระเชอ เวลาเข้าไป บุกเข้าไปในพรรคเขา ก็เอาแป้งเอาเปิ้งไปสาดนักข่าว ไม่เห็นหัวใครเลย พฤติกรรมมันถอยมาก คุณจะไปขับไล่พี่หมอชลน่านเรื่องอะไร เขาก็ยังไม่ได้ทำอะไรผิด พฤติกรรมแบบนี้ผมว่าไม่ควรเกิด ถ้าอยู่ในฝั่งประชาธิปไตยการเคารพคนอื่นต้องมาเป็นอันดับแรก ไม่ใช่ว่าคุณจะเอาแต่สิทธิ์ของคุณ และไปละเมิดสิทธิ์คนอื่นอันนี้ไม่ควรทำ"นายนิยม กล่าว

นายนิยม ยังกล่าวต่อด้วยว่าสำหรับการจัดตั้งรัฐบาลตอนนี้ก็ให้กำลังใจพรรคเพื่อไทยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และสำหรับกลุ่มคนเสื้อแดงไม่มีปัญหากับการจับมือกับรัฐบาลขั้วเดิม ยกเว้นพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นคู่กรณีกับคนเสื้อแดงโดยตรง วันนี้เราต้องมองข้ามความขัดแย่ง เพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้

ก๊วนแดงไม่ทนทะลุวังจ่อยกทัพให้กำลังใจ ก้าวไกลลั่นไม่เอาพรรคลุง วัดใจเพื่อไทยบอกลา