ผู้ปกครองสุดทุน ลูกหลานอายุไม่เกิน 13 ปี ถูกครูเฒ่าหื่นวัย 75 ปี ล่วงเกินวันเดียว 3 คน แถมนำยาบางอย่างให้เด็กกิน เจ้าตัวอ้างเอ็นดู คิดแค่ลูกหลาน

วันที่ 23 ก.ค. 2566 กรณีเพจเรื่องจริงนครนายก ได้รับแจ้งจากผู้ปกครองเด็กนักเรียนว่า มีเหตุครูกระทำอนาจารลูกหลาน บริเวณโรงเรียนวัดหนองเคี่ยม อ.บ้านนา จ.นครนายก จึงได้เดินทางไปที่โรงเรียนดังกล่าว และได้พบผู้ปกครองเด็กๆ หลายรายกำลังตะโกนด่าทอครูผู้ก่อเหตุด้วยความโกรธแค้นอยู่ด้านหน้าห้องประชุมของโรงเรียน หลังทราบว่า ลูกหลานตนถูกกระทำอนาจารในห้องเรียน

สอบถามข้อมูลจากผู้ปกครองเด็ก ซึ่งผู้ปกครองได้เล่าว่า ช่วงเช้าเวลาประมาณ 11.00 น. ของวันที่ 21 ก.ค. มีคุณครูผู้หญิงได้โทรมาแจ้งผู้ปกครอง ว่าเกิดเหตุครูผู้ชายวัย 75 ปี ได้กระทำอนาจารเด็ก

ต่อมาทราบตัวครูผู้ก่อเหตุ อายุ 75 ปี เป็นครูจิตอาสาสอนวิชาภาษาอังกฤษ ไม่ได้รับเงินเดือน ซึ่งมีพฤติกรรมในการก่อเหตุคือ นำเด็กมานั่งตัก กอด หอม จูบปาก จับอวัยวะเพศ และลูบคลำทั้งตัว จำนวน 3 คน ซึ่งเด็ก 2 คนอยู่ชั้น ป.5 และเด็กอีก 1 คนอยู่ชั้น ป.6 เมื่อผู้ปกครองเด็กทราบจึงได้รีบเดินทางไปที่โรงเรียนทันที

เมื่อได้พบกับครูผู้ก่อเหตุ ผู้ปกครองจึงได้ถามครูคนดังกล่าวว่าได้ทำจริงหรือไม่ ซึ่งครูได้ปฏิเสธ บอกเพียงว่าสอนเด็กเล่นดนตรี ก็ต้องมีจับมือหรือโดนตัวบ้างเพื่อสอนให้เด็กจับคอร์ด ซึ่งผู้ปกครองพยายามถามอยู่หลายรอบเพื่อให้ครูคนดังกล่าวยอมรับความจริง แต่ครูไม่ยอมรับ ผู้ปกครองจึงเกิดอารมณ์ โกรธอย่างมาก จึงได้เข้าตบที่ใบหน้าครูผู้ก่อเหตุไป 1-2 ที จากนั้นได้มีครูท่านอื่นเข้าห้ามปราม

หลังจากที่ถูกผู้ปกครองตบหน้าไปแล้ว ผู้ปกครองก็ได้ถามอีกว่า ได้ทำจริงหรือไม่ ซึ่งสุดท้ายครูผู้ก่อเหตุก็ได้ยอมรับว่ามีการทำพฤติกรรมดังกล่าวจริง แต่ไม่ได้คิดอะไร มองเป็นลูกหลาน เอ็นดูเฉยๆ ครูอายุขนาดนี้แล้วไม่ได้คิดเรื่องชู้สาวอะไรกับเด็กแน่นอน ผู้ปกครองได้ถามต่ออีกว่า กระทำแบบนี้มากี่ครั้งแล้ว ครูผู้ก่อเหตุพูดวกไปวนมา และตอบว่า 2 ครั้ง แต่ผู้ปกครองไม่ปักใจเชื่อ จึงได้ไปพูดคุยกับเด็กๆ ทั้ง 3 คนว่าถูกกระทำมากี่ครั้ง ซึ่งเด็กบางคนได้บอกว่า หลายครั้ง นานเป็นปีแล้ว แต่ไม่กล้าบอกใคร

ด้านครูผู้หญิงที่เป็นคนโทรแจ้งผู้ปกครอง เล่าว่า ช่วงเวลาก่อนเกิดเหตุ ครูผู้ก่อเหตุเข้ามาที่ห้องเรียน แต่ไม่ใช่เวลาสอนของครูผู้ก่อเหตุ ซึ่งก็ไม่ได้มีท่าทีผิดปกติอะไร จากนั้นคุณครูผู้หญิงได้เรียกเด็กๆ ไปรวมแถวหน้าหน้าอาคาร เด็กๆ ก็ได้ลงกันมาทั้งหมด ต่อมาครูผู้ก่อเหตุได้เรียกเด็กๆ ทั้ง 3 คนให้ไปปิดไฟห้องเรียน ซึ่งเด็กๆ บอกว่า เหตุผลที่ไม่ได้ปิดไฟแล้วลงมาจากห้องเรียนเพราะว่าเห็นครูผู้ก่อเหตุนั่งอยู่ในห้องเรียน หลังจากนั้นเด็กๆ ก็ได้กลับเข้าไปบริเวณห้องเรียนอีกครั้ง ซึ่งเด็กๆ ขึ้นไปประมาณ 5 นาที ก่อนวิ่งลงมาบอกคุณครูผู้หญิงว่าถูกครูผู้ก่อเหตุเรียกเด็กๆ มานั่งตัก กอด หอม จูบปาก จับอวัยวะเพศ และลูบคลำทั้งตัว

ซึ่งก่อนจะถูกกระทำนั้น ครูผู้ก่อเหตุได้พูดว่า คิดถึงจังเลย และครูก็จะให้กินยาด้วย ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าคือยาอะไร แต่เด็กๆ ไม่ได้กิน เมื่อถามครูผู้ก่อเหตุว่าให้เด็กกินยาอะไร ครูผู้ก่อเหตุนั้นตอบไม่ชัดเจน พูดวกไปวนมา บอกเพียงว่าเด็กๆ ขอยากิน ก็เลยป้อนยาเด็กๆ เมื่อสอบถามต่อว่าใช้อะไรป้อน ครูผู้ก่อเหตุก็พูดวกไปวนมาอีก ซึ่งตอนแรกบอกว่าใช้ปากป้อน ตนยังแสบคออยู่เลย ไม่ได้ตั้งใจจูบปาก แค่จะป้อนยาเท่านั้น แต่เมื่อพูดไปพูดมาสักพักก็บอกว่าใช้มือป้อนไม่ได้ใช้ปาก

ต่อมา ผู้อำนวยการโรงเรียนได้เรียกผู้ปกครองเด็กๆ เข้าไปพูดคุยภายในห้องประชุม พร้อมกับคุณครูท่านอื่นๆ ซึ่งมีผู้ชายอีกคนอ้างว่าเป็นทนายของผู้ก่อเหตุ อยู่ภายในห้องประชุมด้วย ซึ่งจากการพูดคุย ผู้ปกครองได้เล่าว่า ทางผู้อำนวยการโรงเรียนพยายาม จะไกล่เกลี่ยให้ผู้ปกครองยอมความ โดยมีชายที่อ้างตัวว่าเป็นทนายพยายามเสนอเงินให้กับผู้ปกครอง ซึ่งในตอนแรกเสนอเงินจำนวนหลักหมื่นบาท แต่ผู้ปกครองก็ไม่ยอมรับเงินและยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ทางชายคนดังกล่าวก็ได้เสนอจำนวนเงินหลักแสนบาทมาอีกครั้ง ผู้ปกครองก็ไม่ยอมรับ

ระหว่างพูดคุยกันอยู่นั้น ทางชายที่อ้างตัวว่าเป็นทนายได้มีคำพูดถ้อยคำที่ไม่ดีกับผู้ปกครอง ทางผู้ปกครองจึงได้พูดไปว่า ทนายนี่ปากแซบเนอะ ปากแซบดีจริงๆ ชายคนดังกล่าวจึงเกิดความไม่พอใจ และได้พูดกลับมาว่าแซบตรงไหน ก่อนเดินเข้ามาหาผู้ปกครองทันที ซึ่งผู้ปกครองก็บอกกลับไปว่า มาสิ จากนั้นผู้อำนวยการโรงเรียนจึงได้เดินมาบอกว่าให้ใจเย็นๆ จากนั้นก็ดึงชายคนดังกล่าวที่อ้างว่าเป็นทนายแยกออกไป ทางผู้ปกครองก็ได้ตะโกนกลับไปอีกว่า เอามั้ยมึงกับกูคนละ 500 เอามั้ยละ จากนั้นผู้ปกครองของเด็กๆ ทั้ง 3 คน ก็ได้ยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และไม่รับเงินตามที่ได้เสนอมาเพื่อให้ยอมความเนื่องจากผู้ปกครองรับไม่ได้กับพฤติกรรมของครูคนดังกล่าว ซึ่งผู้ปกครองเกรงว่าหากยอมความไปก็จะได้ใจ และอาจไปก่อเหตุกับเด็กๆ คนอื่นอีก ซึ่งมีข้อมูลว่า ครูผู้ก่อเหตุได้สอนอยู่หลายโรงเรียน และคาดว่าน่าจะมีเด็กๆ คนอื่นทั้งในโรงเรียนที่เกิดเหตุและโรงเรียนอื่นๆ อาจจะโดนกระทำแบบนี้เหมือนกัน

ผู้ปกครองจึงอยากให้เจ้าหน้าที่สอบปากคำเด็กๆ ผู้หญิงทุกคนในโรงเรียนรวมถึงโรงเรียนอื่นๆ ที่ครูคนนี้ไปสอนอยู่ด้วย ว่ามีใครที่ถูกกระทำแบบนี้อีกหรือไม่ เนื่องจากว่าเป็นห่วงเรื่องสภาพจิตใจของเด็กที่อาจจะถูกกระทำอยู่แต่ไม่กล้าบอกผู้ปกครอง

หลังจากเจรจากันไม่สำเร็จ ผู้ปกครองจึงได้นำเด็กๆ เข้าแจ้งความที่ สภ.บ้านนา พร้อมประสานไปยังหน่วยงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อให้เข้าช่วยเหลือ และดูแลสภาพจิตใจของเด็กๆ ซึ่งทาง พม.ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือในทันที โดยจะส่งเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพซึ่งเป็รนักสังคมสงเคราะห์ที่เชียวชาญผ่านการฝึกอบรมในการสอบปากคำเด็กเยาวชนโดยเฉพาะ เข้าสอบปากคำพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันอังคารที่ 25 ก.ค. นี้

ซึ่งทาง พม. ได้แจ้งว่าเบื้องต้น จากการกระทำดังกล่าว เข้าข่ายกระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม มีโทษจำคุก 1 – 10 ปี หรือปรับ 10,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งหลังจากนี้ต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำ และรวบรวมข้อมูลหลักฐานอย่างละเอียดอีกครั้ง ถึงจะสามารถสรุปผลว่า การกระทำของครูผู้ก่อเหตุดังกล่าวจะเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายในข้อหาอื่นๆ อีกหรือไม่

ผู้สื่อข่าว ได้รับแจ้งจากทางเพจเรื่องจริงนครนายกว่า ได้มีผู้ปกครองของเด็กแจ้งมาว่า ทางโรงเรียนจะฟ้องเพจเรื่องจริงนครนายก รวมถึงผู้ปกครอง ที่ทำให้ทางโรงเรียนเสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งทางเพจเรื่องจริงนครนายก ได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า หากถูกฟ้องมาก็พร้อมจะต่อสู้คดี