ตำรวจสน.บางซื่อสกัดจับ อดีตทหารบก พร้อมเพื่อน ลักตู้เซฟทองคำหนีเข้ากรุงได้คาด่าน

เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.บางซื่อ และ ฝ่ายสืบสวนสภ. เมืองสระบุรี กำลังเข้าจับกุม 2 คนร้ายที่ก่อเหตุลักทรัพย์ในพื้นที่สระบุรี ที่ขับรถหลบหนีการจับกุมมาจากจังหวัดสระบุรี ก่อนถูกสกัดจับได้พร้อมของกลางที่ก่อเหตุมาหลายรายการ

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อเวลา 16.00 น. ที่ผ่านมา ( 23 มิ.ย. ) พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.ภูวดล อุ่นโพธิ์ ผกก.สน.บางซื่อ โดย พ.ต.ท.พูลพัฒน์ ธรรมรัชต์เจริญ รอง ผกก.สส.สน.บางซื่อ พ.ต.ท.วรภัทร สุขไทย รอง ผกก.ป.สน.บางซื่อ ได้ร่วมกันนำกำลังสายตรวจ ชุดสืบสวน จราจร สน.บางซื่อ สนับสนุนชุดสืบสวน สภ.เมืองสระบุรี ในการจับกุมตัวสิบเอกนพพร หรือปุ๊ อายุ 54 ปี อดีตทหารบก และนายอัคคะเมศฐ์ อายุ 50 ปี พร้อมของกลาง รถเก๋ง สีดำ รวมทั้ง ทองคำ หนักรวม 32 บาท เงินสด พระเครื่องเลี่ยมทอง อุปกรณ์แก๊สตัดเหล็ก เครื่องมือช่างซ่อมรถ และเลื่อยมือใบเลื่อย คีมตัดเหล็ก โดยจับกุมได้ที่บริเวณใต้สถานีบีทีเอส สะพานควาย ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก สน.บางซื่อ ได้รับการประสานจากชุดสืบสวน สภ.เมืองสระบุรี ว่ามีผู้ต้องหาที่ก่อเหตุตระเวนลักทรัพย์ตามบ้านเรือนประชาชนในหลายพื้นที่ทั้งจังหวัดกาญจนบุรี ขอนแก่น และสระบุรี โดยอาศัยช่วงที่ไม่มีคนอยู่จะทำทีขับรถวนดูลาดเลาก่อนลงมือก่อเหตุเข้าไปงัดเพื่อเอาทรัพย์สิน ซึ่งฝ่ายสืบสวนสภ.เมืองสระบุรี ได้ติดตามหาข้อมูลของคนร้ายรายนี้มาโดยตลอด กระทั่งทราบว่าคนร้ายใช้รถยนต์เก๋ง ในการก่อเหตุจึงเฝ้าติดตาม แต่คนร้ายไหวตัวทันขับรถหลบหนีเจ้าหน้าที่เข้ามาในพื้นที่กรุงเทพชั้นใน โดยใช้เส้นทางถนนพหลโยธิน ขาเข้า ทางพ.ต.อ.ภูวดล อุ่นโพธิ์ ผกก.สน.บางซื่อ จึงสั่งการให้ฝ่ายสืบสวน ฝ่ายปราบปราม และจราจรนำกำลังไปตั้งจุดสกัด บริเวณใต้สถานีบีทีเอส สะพานควาย ถนนพหลโยธิน กระทั่งพบรถยนต์ที่คนร้ายใช้กำลังขับเข้าที่ด่านเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม เป็นเวลาเดียวกับที่เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองสระบุรี ตามมาทันพอดีจึงได้ร่วมกันเข้าควบคุมตัวคนขับรถทราบชื่อภายหลัง สิบเอกนพพร และนายอัคคะเมศฐ์ ที่นั่งโดยสารมาด้วย และจากการตรวจสอบพบของกลางข้างต้นอยู่ภายในรถจึงควบคุมตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมที่สน.บางซื่อ

อย่างไรก็ตามจากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 2 คนยังไม่ให้การใดๆ รวมถึงยังไม่ยอมบอกถึงที่มาของทรัพย์สินที่พบในรถยนต์