สายไหมต้องรอด พาเหยื่อพบ รอง ผบ.ตร. ไล่บี้คดีพ่อแท้ๆขายลูกแลกยาบ้า ส่งให้นายจ้างขยี้กาม และอัดคลิปเด็ก

วานนี้ 4 พ.ค. 66 ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม. ทีมงานสายไหมต้องรอดพาน.ส.เมย์ (นามสมมุติ) อายุ 36 ปี พร้อมด้วยบุตรสาวคือด.ญ.เอ (นามสมมุติ) วัย 7 ขวบ เดินทางเข้าพบพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีของบุตรสาวซึ่งถูกนายจ้างของบิดาข่มขืนกระทำชำเราและมีการถ่ายคลิปวีดีโอ ซึ่งมีการแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสภ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง ตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 เม.ย. ที่ผ่านมา แต่ไม่มีความคืบหน้าของคดีแม้แต่อย่างใด

น.ส.เมย์ กล่าวว่า โดยก่อนหน้านี้ตนเคยอยู่กินกับนายสมควร หรือโก๋ ชื่นอุรา อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆของด.ญ.เอ (นามสมมุติ) ก่อนแยกทางกันไปตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนส.ค. ปีที่แล้ว โดยบุตรสาวตนอยู่กับอดีตสามี ที่จ.อ่างทอง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 27 เม.ย. ที่ผ่านมา เพื่อนบ้านของบุตรสาวตนเห็นความผิดปกติเนื่องจากมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงจึงเข้าไปสอบถามก่อนทราบข้อมูลว่าถูกนายสุเทพ หรือหนุ่ม เหมือนนรุต อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นนายจ้างของอดีตสามีตนข่มขืนกระทำชำเราอยู่หลายครั้งพร้อมถ่ายคลิปวีดีโอตั้งแต่ช่วงก่อนสงกรานต์ที่ผ่านมา โดยใช้กลอุบายให้บุตรสาวตนไปหลบพักในบ้านขณะที่อดีตสามีกำลังทำงานก่อสร้างในพื้นที่บ้านของผู้ก่อเหตุเนื่องจากข้างนอกมีอากาศร้อน ก่อนฉวยโอกาสลงมือก่อเหตุสลดดังกล่าว พร้อมหลอกล่อและให้เงิน 200 บาท เพื่อเป็นการปิดปากห้ามเหยื่อบอกใคร จนกระทั่งเพื่อนบ้านของบุตรสาวโทรศัพท์มาแจ้งเรื่องราวทั้งหมดก่อนตนจะพาไปดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

น.ส.เมย์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้บุตรสาวตนยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นายโก๋ มักนำยาคาดว่าเป็นยาเสพติดใส่ขนมปังให้บุตรสาวกินโดยตนเชื่อมั่นว่าอดีตสามีกระทำในลักษณะดังกล่าวจริงเนื่องจากมีพฤติกรรมเสพยาเสพติด และทุกครั้งหลังจากกินจะถูกนายหนุ่ม ลงมือก่อเหตุโดยเจอหน้ากันประมาณ 3-4 ครั้ง จะลงมือทุกครั้งและทำหลายๆรอบซึ่งมีการถ่ายคลิปทุกครั้งเช่นกัน โดยครั้งที่ 2 นายหนุ่ม ไปรับบุตรสาวตนถึงบ้าน โดยใช้กลอุบายกับนายโก๋ อดีตสามีตนว่าจะพาไปซื้ออุปกรณ์การเรียนและก่อเหตุบนรถ ซึ่งหลังจากทราบเรื่องตนจึงพาบุตรสาวไปตรวจร่างกาย โดยแพทย์ระบุว่า บุตรสาวตนมีอวัยวะเพศฉีกขาดจริง ก่อนนำตัวบุตรสาวพร้อมใบตรวจร่างกายไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายแต่กลับไม่มีใบบันทึกประจำวันและใบแจ้งความแม้แต่อย่างใด

“ซึ่งตนมีความกังวลใจในเรื่องของรูปแบบคดีความที่ไม่มีความชัดเจน และไม่เคยได้เห็นสำนวนคดี จนกระทั่งสหวิชาชีพมาสอบปากคำเหยื่อเมื่อวันที่ 2 พ.ค. ที่ผ่านมา จึงได้พบกับทางอัยการจึงได้เห็นเพียงแค่ใบบันทึกการให้ปากคำเท่านั้น ซึ่งตนเคยพบกับตัวผู้ก่อเหตุแบบผ่านๆในช่วงคืนที่ไปแจ้งความ แต่ตำรวจกลับบอกตนว่าหลักฐานอ่อน ทั้งๆที่มีคลิปหลักฐานปรากฏในโทรศัพท์ซึ่งเป็นเด็กหญิงรายอื่น และผู้ก่อเหตุรับสารภาพเพียงแค่กระทำอนาจารเท่านั้น กระทั่งวันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังต่อศาลและได้รับการประกันตัวออกมา โดยใช้ชีวิตตามปกติ ซึ่งตนและลูกเป็นห่วงเรื่องของความปลอดภัยในชีวิต และทราบมาว่าผู้ก่อเหตุเป็นผู้มีอิทธิพลจึงมาร้องเรียนในวันนี้ ” น.ส.เมย์ กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันที่ 8 พ.ค. ที่จะถึงนี้ ทางพนักงานสอบสวนสภ.โพธิ์ทอง จะนัดพบมารดาผู้เสียหายอีกครั้ง เพื่อให้ไปดูหลักฐานการกู้ข้อมูลโทรศัพท์ของผู้ต้องหาเพิ่มเติม หากกลุ่มญาติผู้เสียหายยืนยันการก่อเหตุ รวมถึงพยานหลักฐานสอดคล้องกับผลตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอจากทางนิติวิทยาศาสตร์จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป