ย้อนคดี "ผอ.กอล์ฟ" ลงมือสุดเหี้ยมปล้นทองเซ่น 3 ชีวิตรวมเด็กวัย 2 ขวบก่อนถึงวันถูกตัดสินประหารชีวิต

จากกรณีที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาลงโทษประหารชีวิตนายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือ กอล์ฟ อายุ 39 ปี อดีต ผอ.โรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสิงห์บุรี หรือ "ผอ.กอล์ฟ" ที่ก่อเหตุฆ่า 3 ศพชิงทอง จ.ลพบุรี โดยหนึ่งในผู้เสียชีวิตคือเด็กวัยเพียง 2 ขวบเท่านั้น

 

ทั้งนี้ย้อนคดีดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 2563 เมื่อวันที่ 9 มกราคม เกิดเหตุคนร้ายบุกเดี่ยวไปที่ร้านทองภายในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาลพบุรี แล้วยิง นายธีระฉัตร นิ่มมา พนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ของห้าง รวมทั้งประทุษร้ายบุคคลทั่วไปจนเป็นเหตุให้ เด็กชายภาณุวิชญ์ วงศ์อยู่ และ น.ส.ธิดารัตน์ ทองทิพย์ พนักงานร้านทองออโรร่า จนถึงแก่ความตาย และยังได้ยิงบุคคลอื่นอีก 4 คน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนชิงเอาสร้อยคอทองคำ น้ำหนักเส้นละ 1 บาท จำนวน 22 เส้น น้ำหนักเส้นละ 2 สลึง อีก 11 เส้น รวม 33 เส้น เป็นเงินทั้งสิ้น 664,470 บาท ก่อนขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป

 

คดีดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจให้กับคนในสังคมเป็นอย่างมากเนื่องจากภาพจากกล้องวงจรปิดที่ปรากฏเป็นไปด้วยความอุกอาจโหดเหี้ยมคนร้ายใช้เวลาไม่เกิน 2 นาที บุกเดี่ยวถือปืนติดลำกล้องเก็บเสียง เข้าไปในห้างแล้วกราดยิง รปภ. พนักงานร้านทอง ประชาชนลูกค้ายิ่งไปกว่านั้นหนึ่งในเหยื่อเป็นเพียงเด็กชายวัยเพียง 2 ขวบที่เดินจูงมืออยู่กับแม่เท่านั้น

 


คดีนี้ทำให้พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ในขณะนั้น บินด่วนลงพื้นที่ พร้อมระดมมือปราบฝีมือดีเข้ามา ทำคดี พบพิรุธของคนร้ายซึ่งเป็นที่น่าสังเกตอย่างเห็นชัดคือว่า คนร้ายใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนม โดยเฉพาะรองเท้ามีความคล้ายคลึงรุ่น Adidas Tubular X Primeknit Core Black Dark Grey มีราคาเริ่มต้น 7,000-8,000 บาท และยังพบว่าคนร้ายเดินขากะเผลก บางช่วงลงน้ำหนักไม่ได้ ส่วนอาวุธปืนพบว่าเป็นรุ่น “CZ P 01 Tactical” ขนาด 9 ม.ม. เป็นปืนที่มีราคาสูง ติดลำกล้อง ลดเสียงได้ แสดงว่าต้องมีความรู้ และโอกาสที่จะเป็นปืนเถื่อนเป็นไปได้น้อย

 

ตำรวจใช้เวลา 14 วัน สามารถแกะรอยจนนำไปสู่การออกหมายจับและสามารถควบคุมตัวคนร้ายได้นั่นก็คือ "ผอ.กอล์ฟ" ซึ่งเจ้าตัวได้อ้างว่ายิงเปิดทาง ไม่ได้ตั้งใจฆ่า พร้อมสารภาพก่อเหตุเพราะปัญหาส่วนตัว และปัญหาเรื่องเงิน พร้อมยืนยันว่า ไม่เห็นเด็กชายที่เสียชีวิตเดินมา ที่ยิงไปทางด้านนั้นเพราะต้องการเปิดทางหนี แต่กระสุนกลับพลาดไปโดน และในการก่อเหตุครั้งนี้ใช้เวลาวางแผนล่วงหน้ามาประมาณ 2-3 วัน

 

ในเวลานั้นโลกโซเชียล มีการตั้งข้อสังเกตว่า หลังก่อเหตุได้ไปเที่ยวกับแฟนสาวและใช้ชีวิตตามปกตินั้น เป็นการทำตัวเพื่อไม่ให้มีพิรุธ แต่เมื่อเห็นข่าวก็รู้สึกสำนึกผิด และเสียใจทุกครั้ง อยากจะบอกครอบครัวผู้สูญเสียว่า เสียใจ และขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น รวมถึงตั้งใจจะมอบตัวในวันที่ 24 เนื่องจากตนเองเป็น ผอ.โรงเรียน มีภารกิจที่โรงเรียนที่จะต้องทำให้สำเร็จ

 

ทั้งนี้ในคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2563 ว่าลงโทษบทหนักสุดให้ประหารชีวิต และปรับ 1,000 บาท ริบของกลาง พร้อมสั่งให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหาย

 

ขณะที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนประหารชีวิตเมื่อวันที่ 20 ก.ค.2564 ว่า แม้จำเลยได้พยายามบรรเทาผลร้ายด้วยการมอบเงินชดใช้ให้แก่ผู้ได้รับความเสียหายจากคดีนี้ แต่เห็นว่า พฤติการณ์ของจำเลยเป็นการกระทำโดยทารุณโหดร้ายขัดต่อหลักความสงบและไร้มนุษยธรรม อีกทั้งเป็นเรื่องร้ายแรง ที่ศาลล่างพิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลยศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น จนมาวันนี้ (26 เม.ย.66) ศาลฎีกาพิพากาษายืนโทษประหารชีวิตชี้พฤติการณ์อุกอาจโหดเหี้ยมอันตรายร้ายแรงผิดมนุษย์ ไม่สมควรลดโทษ