รวบแก๊ง​ลักพาตัว​รีดทรัพย์​หนุ่มจีนเกือบ 4 ล้าน สอบสวนพบตัวบงการเป็นแฟนสาว อดีตผู้เข้าประกวดนางงามเวทีใหญ่​ ร่วมมือกับกิ๊กหนุ่มชาวไทย

วันที่ 17 เมษายน 2566 พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เดินทางมาประชุมกับฝ่ายสืบสวน กรณีเมื่อวันที่ 15 เมษายน ที่ผ่านมา นาย YU นักท่องเที่ยวชาวจีนได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.ลุมพินี ว่าไม่สามารถติดต่อ นาย WANG เพื่อนชาวจีนได้หลายวัน กระทั่งนาย WANG ได้ติดต่อกลับมาเมื่อวันที่ 16 เมษายน โดยได้วีดีโอคอลพร้อมระบุว่า “ไม่ต้องไปแจ้งความ เดี๋ยวคนร้ายจะปล่อยตัวถ้าโอนเงินมา” นาย YU เห็นสภาพเพื่อนพบว่าบริเวณใบหน้ามีรอยบอบช้ำ และไม่สบายใจกลัวเพื่อนจะถูกฆ่าทิ้งจึงได้ตัดสินใจเข้าแจ้งความ

ล่าสุด มีการตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนชุดคลี่คลายคดี นำโดย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.  พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.น. 5 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี สืบบก.น.5 สืบนครบาล ประชุมเพื่อเร่งรัดติดตามคดีอย่างใกล้ชิด

พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.  เปิดเผยว่า  จากแนวทางการสืบสวนพบว่านาย WANG ผู้เสียหาย มีแฟนเป็นหญิงสาวชาวไทย ซึ่งคบกันมาเป็นระยะกว่า 1 ปี และได้มีการเลิกรากันไป 3 เดือน ก่อนที่จะกลับมาคบกันอีกครั้ง โดยผู้หญิงทราบว่านาย WANG มีเงินและมีทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก และเป็นคนกลุ่มจีนสีเทา มีหมายจับทางการจีน เชื่อว่าคงไม่กล้าแจ้งความ จึงได้วางแผนกับนายกาย ผู้ชายไทยซึ่งเป็นกิ๊กใหม่ ชักชวนกันก่อเหตุ โดยใช้รถ BMW ซึ่งเป็นรถที่นายWANG ซื้อให้หญิงสาวไว้ใช้เพื่อสะดวกต่อการเข้าออกคอนโดมิเนียม

กระทั่งเมื่อวันที่ 14 เมษายน เวลาประมาณ 19.00 กลุ่มชาวไทยผู้ก่อเหตุประมาณ 3  คน ได้เดินทางมาที่คอนโดมิเนียมย่านสาทร ซึ่งเป็นคอนโดที่นาย WANG ใช้พักอาศัย และได้ใช้คีย์การ์ดที่หญิงสาวได้มอบไว้ให้ ขึ้นไปที่ห้องที่อยู่บนคอนโดเพื่อเปิดประตูห้อง ก่อนจะล็อกตัวนาย WANG จับมัดมือ มัดเท้าขังไว้ในห้อง

จากนั้นได้มีการใช้โทรศัพท์ของนาย WANG คุยกับ รปภ. ข้างล่างขอยืมรถเข็นในการขนของ แล้วหนึ่งในผู้ก่อเหตุออกไปซื้อลังพลาสติกขนาดใหญ่ เพื่อนำนาย WANG ใส่กล่องพลาสติก ใส่รถขับออกจากคอนโดไปขังผู้เสียหายไว้ที่หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 1 คืน

เมื่อถึงที่บ้านพัก ได้ข่มขู่และซ้อมทำร้ายร่างกายนาย WANG ก่อนที่จะวิดีโอคอลไปหาเพื่อนของผู้เสียหาย คือ นาย YU ว่าไม่ให้แจ้งความกับตำรวจ จากนั้นบังคับให้นายหวังโอนเงินเข้าบีญชีนายกบ จำนวน 2 ครั้ง  ครั้งแรกจำนวน 2 ล้านบาท ต่อมาครั้งที่สองโอนเพิ่มอีก 9 แสนบาท  และโอนครั้งที่ 3 เป็นบัญชีของ น.ส.ตา จำนวน 1.03 ล้านบาท รวมเป็น 3.93 ล้าน ซึ่งขณะนี้สามารถอายัดเงินได้จำนวน 2.3 ล้านบาท

เมื่อผู้ก่อเหตุได้เงินตามที่ต้องการแล้วทำทีจะมาปล่อยตัวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ตำรวจได้ติดตามกระทั่งพบตัว จึงได้เข้าช่วยเหลือและเข้าจับกุมตัวผู้ต้องสงสัย เป็นชายชาวไทยได้ 1 ราย คือ นายกบ ต่อมาได้มีการขออนุมัติออกหมายจับผู้ก่อเหตุ 4 หมาย ประกอบด้วย นายกาย นายโจว นายจูน และน.ส.ตา ผู้รับโอนเงิน  ซึ่งต่อมาสามารถจับกุมตัวนายจูนได้เพิ่มอีก 1 ราย  ส่วน น.ส.น้ำเพชร ซึ่งเป็นแฟนสาว อดีตผู้เข้าประกวดนางงามเวทีชื่อดัง อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ หลังสอบสวนพบว่าเป็นผู้ให้ข้อมูล และร่วมวางแผนการลักพาตัวเรียกค่าไถ่ในครั้งนี้ นอกจากนี้จากการสอบสวนยังพบว่า น.ส.น้ำเพชร คบหาดูใจกับนายกาย หนึ่งในผู้ต้องหา

จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดหน้าลิฟต์บริเวณชั้น17 พบว่า ในวันเกิดเหตุ นายกบ ลักษณะสวมใส่เสื้อยืดสีขาว-ดำ สวมหมวกแก๊ป และนายโจ หนุ่มผมยาว ได้เข็นกล่องพลาสติกขนาดใหญ่ เข้าไปภายในลิฟต์  โดยขณะที่เข้าลิฟต์ฝากล่องมีการเผยอขึ้น ทำให้นายกบต้องใช้มือกดปิดเอาไว้  ก่อนที่จะขึ้นลิฟต์กดไปชั้นล่างซึ่งเป็นลานจอดรถ แล้วช่วยกันยกกล่องขึ้นท้ายรถเบนซ์  ก่อนจะเดินทางไปหัวหิน นำตัวไปกักขังที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ซึ่งต่อมานายจูน  ผู้ต้องหาอีกรายได้ขับรถตามมาสมทบที่รีสอร์ตดังกล่าว

ต่อมาตำรวจได้ควบคุมตัวนายกบ ออกจากห้องขัง สน.ลุมพินี ไปชี้รถที่ใช้ก่อเหตุและจำลองเหตุการณ์ ซึ่งนายกบให้การรับสารภาพว่า ถูกว่าจ้างมาจากนายกาย แต่ปฏิเสธไม่ขอตอบคำถามว่าได้รับค่าจ้างในการร่วมลงมือก่อเหตุครั้งนี้เท่าไร และทำไมถึงตัดสินใจร่วมก่อเหตุ

ส่วนวิธีการอุ้มรีดทรัพย์ผู้เสียหาย ได้ร่วมกับนายโจ จับผู้เสียหายลงไปนอนในกล่องพลาสติกที่นายกบซื้อมา ในลักษณะนอนตะแคง งอขา มัดเท้าและมัดมือไว้ด้านหลัง แล้วปิดฝากล่อง เพื่อนำใส่รถเข็นลงมาที่ลานจอดรถ ซึ่งขณะที่พาผู้เสียหายเดินทางไปยังหัวหินได้เปิดฝากล่อง เพื่อให้ผู้เสียหายหายใจได้ และแก้มัดเชือกออก ถึงแม้ว่าจะมีอาการขัดขืนบ้างแต่ผู้เสียหายก็ยอมไปด้วย  ตลอดเวลาที่เดินทาง ผู้เสียหายยังมีสติรู้ตัวตลอดเวลา หลังไปอยู่ที่รีสอร์ตไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายอีก

ส่วนผู้เสียหายชาวจีน หลังถูกช่วยเหลือ จากการตรวจสอบประวัติจากตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ได้ประสานไปยังทางการจีน พบว่า ผู้เสียหายรายนี้เป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกง มูลค่า 12 ล้านหยวน หรือราว 60 ล้านบาทไทย  ซึ่งทางการจีนได้ออกหมายจับไว้แล้ว  แต่ยังไม่ได้ขึ้นเป็นหมายแดงในอินเตอร์โพล  ทไให้เดินทางเข้าประเทศได้โดยที่ไม่มีประวัติหมายจับดังกล่าว  ซึ่งขณะนี้ได้กักตัวไว้ที่ ตม. เตรียมผลักดันออกนอกประเทศต่อไป