ศาลอาญาคดีทุจริตฯ สั่งคุกตลอดชีวิต เเก๊งตำรวจกับพวก ทุจริตจัดสร้างเเฟลตตำรวจ

วันนี้ (30 มี.ค.66) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.เลียบทางรถไฟ ตลิ่งชัน ศาลอ่านคำพิพากษาคดีอาญา ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.ท.ธีรยุทธ กิติวัฒน์ คณะกรรมการประกวดราคาจัดสร้างโครงการ เป็นจำเลยที่1 ส่วนจำเลยที่ 2 พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ, จำเลยที่ 3 พล.ต.ต.สมาน สุดใจ,จำเลยที่ 4 พ.ต.อ.ปัทเมฆ สุนทรานุยุตกิจ,จำเลยที่ 5 พ.ต.อ.จิรวุฒิ จันทร์เพ็ญ,จำเลยที่ 6 พ.ต.ต.สิทธิไพบูลย์ คํานิล,จำเลยที่ 7 พ.ต.ท.คมกริบ นุตาลัย,จำเลยที่ 8 ด.ต.สายัณ อบเชย,และบริษัทพีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จํากัด จําเลยที่ 9

ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ กรณีเรียกรับเงินบริษัทเอกชน เพื่อช่วยเหลืออำนวยความสะดวกในการดำเนินการก่อสร้าง การตรวจการจ้าง การตั้งเรื่องเบิกจ่าย และการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานตามทางการไต่สวนประกอบสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง ของโจทก์และพยานหลักฐานของจำเลยทั้งหมดแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1-6 เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตๆ อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิด ความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151,157 และเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทำการใดๆ โดยมุ่งหมายมิให้ มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมเพื่อเอื้ออำนวยแก่บริษัทเอกชน จำเลยที่ 9 ให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ และเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐซึ่งมีอำนาจหรือหน้าที่ในการพิจารณาหรือดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเสนอราคา รู้หรือมีพฤติการณ์ปรากฏแจ้งชัดว่าควรรู้ว่าการเสนอราคาในครั้งนั้น มีการกระทำผิด ละเว้นไม่ดำเนินการเพื่อให้มีการยกเลิกการดำเนินการเกี่ยวกับการเสนอราคาในครั้งนั้น ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 10,12 ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 เป็นบทเฉพาะย่อมไม่ต้อง ปรับบทความผิดตาม มาตรา 157 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก

ส่วนจำเลยที่ 7 และจำเลยที่ 8 เป็นเจ้าพนักงานเรียก รับ ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 157 ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 เป็นบทเฉพาะย่อมไม่ต้อง ปรับบทความผิดตาม มาตรา 157 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก

ทั้งนี้ ทรัพย์สินหรือประโยชน์อันอาจคำนวณราคาเป็นเงินได้กรณีจำเลยที่ 7 จำนวน 60,000 บาท และกรณีจำเลยที่ 8 จำนวน 91,618,000 บาท ที่ได้มาจากการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการให้รับตามพ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 32 เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าเงินจำนวนดังกล่าวถูกนำไปรวมกับทรัพย์สินอื่นหรือมีการจำหน่ายจ่ายโอนเป็นทรัพย์สินอื่นโดยสภาพไม่สามารถส่งมอบได้ หรือการติดตามเอาคืนจะกระทำได้โดยยากเกินสมควร จึงให้จำเลยที่ 7-8 ส่งสิ่งที่ศาลสั่งริบชำระเป็นเงินจำนวนดังกล่าวแทน ตามมูลค่าภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันอ่านคำพิพากษา

ส่วนจำเลยที่ 9 เป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 1-6 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

พิพากษาว่า จำเลยที่ 1-6 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 (เดิม) และพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 10,12 ส่วนจำเลยที่ 7,8 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147(เดิม) และจำเลยที่ 9 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐฯ มาตรา 12 การกระทำของจำเลยที่ 1-6 เป็นการกระทำกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ มาตรา 12 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90

ลงโทษจำเลยที่ 1-6 จำคุกตลอดชีวิต และปรับคนละ 3.9 แสนบาท จำเลยที่ 7 จำคุก 5 ปี จำเลยที่ 8 จำคุก 19 ปี และจำเลยที่ 9 ปรับ 2.6 แสนบาท ทางนำสืบของจำเลยที่ 1-8 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุกจำเลยที่ 1-6 คนละ 33 ปี 4 เดือน และปรับคนละ 2.6 แสนบาท จำเลยที่ 7 คงจำคุก 3 ปี 4 เดือน จำเลยที่ 8 คงจำคุก 12 ปี 8 เดือน นับโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ต่อจากโทษในคดีอาญา หมายเลขแดงที่ อท 28512561 ของศาลนี้ โดยให้จำเลยที่ 7,8 ส่งสิ่งที่ศาลสั่งริบเป็นเงินแทน ตามมูลค่าดังกล่าวภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันอ่านคำพิพากษา

หากจำเลยที่ 1-6 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30 กรณีต้องกักขังแทนค่าปรับ ให้กักขังเกินกว่า 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี ได้ จำเลยที่ 9 ซึ่งเป็นนิติบุคคลไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,29/1 ยกฟ้องจำเลยที่ 9 ในความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน การกระทำความผิดของจำเลยที่ 7 และที่ 8