หวิดรุมประชาทัณฑ์ "ไอ้ต้น" ฆ่าโหดเผา-แทงเมียดับ ลั่นเครียดหนัก อยากฆ่าตัวตายตามเมีย เผยเสียใจที่ครอบครัวเมียไม่ให้อภัย เตรียมฝากขังศาลสมุทรปราการพรุ่งนี้เช้า

วันที่ 8 มี.ค.66 ตำรวจคุมตัวนายพิสุทธ์ศิริ หรือ ต้น อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุใช้น้ำมันราดแล้วจุดไฟเผาและเอามีดสปาร์ตาแทง นางณัฐนันท์ หรือ หมอน อายุ 45 ปี ภรรยา จนเสียชีวิต เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 6 มี.ค. ที่ผ่านมา ก่อนจะขับรถยนต์กระบะมิซูบิชิ สีขาวหลบหนีไป ก่อนจะจับกุมได้วานนี้ (7 มี.ค.66)

ความคืบหน้าวันนี้ (8 มี.ค.66) ตำรวจนำตัว นายต้น ผู้ต้องหา มาทำแผนบริเวณภายในนิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นจุดสำคัญ ส่วนจุดอื่นจะนำผู้ต้องหาไปชี้จุดภายหลังจากนี้ อีกครั้งหนึ่ง

โดยบริเวณ นิคมอุตสาหกรรมบางปู มีกำลังตำรวจ ทั้งในและนอกเครื่องแบบจำนวน 70 นาย เพื่อเตรียมไว้ป้องกันเหตุ เกรงว่าญาติและเพื่อนผู้เสียชีวิตจะเกิดความไม่พอใจและอาจจะเกิดเหตุเข้ารุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องหาระหว่างทำแผนได้

ทั้งนี้เมื่อตำรวจคุมตัวนายต้น ผู้ต้องหา ลงมาจากรถสวมใส่เสื้อเกราะพร้อมหมวกกันน็อกและแมสก์ ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะนำตัวผู้ต้องหาชี้จุดบนรถกระบะสีขาวซึ่งเป็นคันที่ผู้ต้องหานั่งมากับผู้เสียชีวิต จากนั้นได้ให้ผู้ต้องหาลงจากรถไปชี้จุดไฟเผาผู้เสียชีวิต ระหว่างที่ผู้เสียชีวิตวิ่งหลบหนีลงมาจากรถ ก่อนจะพาไปชี้จุดที่ผู้ต้องหาตามลงไปใช้มีดแทงผู้เสียชีวิตในคูน้ำที่ผู้เสียชีวิตพยามจะดับไฟที่ตัว จนกระทั่งเสียชีวิต

โดยหลังจากชี้จุดทำแผนเสร็จแล้ว ตำรวจได้ควบคุมตัวในต้นผู้ต้องหาขึ้นรถ เพื่อกลับไปที่สถานตำรวจ ได้มีประชาชนและญาติของ พลเมืองดีที่เข้าไปช่วยเหลือผู้ตายได้รับบาดเจ็บ
พยายามตะโกนด่าสาปแช่งและเข้ามาทำร้ายผู้ต้องหาด้วยความโกรธแค้นจากพฤติกรรม โหดเหี้ยมที่ผู้ต้องหาทำกับผู้เสียชีวิต แต่ตำรวจพยายามเข้าห้ามปรามและนำผู้ต้องหาขึ้นรถทันทีจึงทำให้ไม่มีเหตุบานปลายเกิดขึ้น

ขณะที่ผู้ต้องหาได้เปิดเผยระหว่างการทำแผนว่าตนเองรู้สึกเสียใจและเครียดมาก อยากฆ่าตัวตาย เพราะจะได้ตายตามกับผู้เสียชีวิตไป และรู้สึกเสียใจที่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตไม่ให้อภัยตนเอง

ด้านนายสมพงษ์ เทียมภูเขียว หลานผู้บาดเจ็บ เปิดเผยถึงอาการบาดเจ็บของนายประภาส กาภูคำ ผู้บาดเจ็บ ตอนนี้แพทย์ได้มีการให้การรักษาและดูแลอย่างใกล้ชิดแล้ว ซึ่งมีความกังวลว่าแผลจะติดเชื้อ เพราะแขนส่วนที่ถูกไฟไหม้ค่อยข้างตึงและบวม ตอนนี้ย้ายไปอยู่ห้องพิเศษแล้ว ส่วนสภาพจิตใจดีขึ้นตามลำดับ หลังจากที่มีหน่วยงานของรัฐ และมีนักข่าวโทรศัพท์ไปถามอาการก็มีกำลังใจมากขึ้น แต่ยังคงมีความกังวลใจ เรื่องของการสูญเสียรายได้ เนื่องจากเป็นเสาหลักของครอบครัว มีลูก 2 คน ที่ต้องดูแล แต่ต้องนอนพักฟื้นโรงพยาบาล โดยแพทย์ยังไม่ได้มีการระบุวันออกจากโรงพยาบาลทำให้ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ

วันนี้ตนเองตั้งใจมาดูหน้าของคนก่อเหตุ ว่าคนที่ทำกับลุงตนเองแบบนี้คือใคร ดูจากการทำแผนประกองคำรับสารภาพ ก็ดูเหมือนว่าไม่ได้สำนึกผิด ที่นายพิสุทธิ์ศิริ ผู้ต้องหาบอกว่าเสียใจ อยากฆ่าตัวตาย มองว่าเป็นแค่การแสดง เพราะเขาเตรียมการมาทุกอย่าง พอเห็นแล้วก็อดใจไม่ได้เลยต้องพุ่งตัวเข้าไปประชิดผู้ก่อเหตุ

ในส่วนของนายประภาส ผู้บาดเจ็บ เป็นคนจิตใจดี มีน้ำใจ ตอนเกิดเหตุเขายังให้น้ำดื่มกิน นายประภาส ผู้บาดเจ็บ ก็ยังพูดตัดพ้อว่า ทำไมถึงทำกับลุงถึงขนาดนี้ ส่วนเรื่องการรับผิด ก็อยากให้ตำรวจดำเนินคดีความตามกฎหมาย

ด้านพันตำรวจเอกพิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผู้กำกับการ สภ.บางปู ระบุถึงความคืบหน้าคดีว่า หลังจากเมื่อวานนี้ (7 มี.ค.66) ได้สอบปากคำตัวผู้ต้องหาตลอดทั้งวัน พบว่าผู้ต้องหามีอาการเครียดและบ่นอยากฆ่าตัวตาย จึงได้กำชับสิบเวรที่ดูแลหน้าห้องขังดูแลกรณีพิเศษ และให้แยกขังเดี่ยว เนื่องจากมีกล้องวงจรปิดและตำรวจสามารถดูแลได้ตลอด แต่จากการเรียกมาพูดคุยอีกครั้งในวันนี้พบว่าดีขึ้น โดยผู้ต้องหายังคงยืนยันในคำให้การเหมือนเดิม และเต็มใจที่จะมาชี้จุด ประกอบคำให้การในวันนี้ ซึ่งได้เน้นชี้จุดหลักที่ก่อเหตุ

เบื้องต้นผู้ต้องหามีอาการบาดเจ็บที่บริเวณมือ เพราะถูกไฟลวก รวมถึงหัวเข่าถลอก เนื่องจากปีนขึ้นมาจากคูน้ำ ส่วนญาติของผู้ต้องหายังไม่มีติดต่อเข้ามา โดยวันนี้ (8 มี.ค.66) ยังคงยึดในข้อหาเดิม คือ “"ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและข้อหาเกี่ยวกับการพกพามีด" โดยขณะนี้ทางตำรวจมั่นใจในพยานหลักฐานทั้งคลิปจากโซเชียล ประจักษ์พยาน และการรวบรวมพยานหลักฐานที่ชัดเจนถึงพฤติการ์ณในการก่อเหตุ เนื่องจากไม่ใช่อุปกรณ์ปกติ และมีการเตรียมการมาก่อนชัดเจน

โดยจากการสอบสวนพบว่าผู้ต้องหาไม่ได้มีอาการป่วยทางจิต แต่คาดว่าสาเหตุมาจากเรื่องพฤติกรรมส่วนตัว

ส่วนประเด็นกรณีพลเมืองดี อยู่ระหว่างสอบปากคำผู้บาดเจ็บและรอผลใบแพทย์ก่อนจะแจ้งข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น” เบื้องต้นได้ประสานไปยัง กระทรวงยุติธรรมเพื่อให้เยียวยาตามสิทธิ์ของกฎหมายแล้ว

ในวันพรุ่งนี้ (9 มี.ค.66) จะมีการฝากขังผู้ต้องหาในช่วงเช้าที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการต่อไป