รุ่นน้อง ม.1 ขอลาออกเอง! พร้อมให้โอกาสกลับตัว ไม่เอาผิดรุ่นพี่ ม.5 โหดทำโทษสั่งลงไปแช่ในบ่อเกรอะ แผลติดเชื้อ หวั่นรุ่นพี่เสียอนาคต

วันที่ 20 ก.พ.66 จากกรณีที่นางสาวกรภัทร อายุ 38 ปี พา เด็กชายเอ อายุ 13 ปี และเด็กชายบี อายุ 14 ปี ลูกชาย เข้าพบนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอดขอความช่วยเหลือ เนื่องจากลูกชายทั้ง 2 คน ถูกรุ่นพี่โรงเรียนประจำชื่อดังในจังหวัดเพชรบุรีสั่งลงโทษอย่างทารุณไร้เหตุผล ให้ลงแช่ในบ่อเกรอะ และลงโทษแบบทหาร จนเกิดบาดแผลติดเชื้อรักษาไม่หาย ซึ่งทางโรงเรียนและครูหอพักปัดความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ครั้งนี้

โดยเด็กชายเอ อายุ 14 ปี และ เด็กชายบี อายุ 13 ปี สองพี่น้องผู้เสียหาย เล่าว่า ตามกฎระเบียบของหอพัก นักเรียนต้องตื่น 5:30 น. มาออกกำลังกาย ช่วงปลายเดือนมกราคม ตนเอง และเพื่อนในหอพักตื่นสายตอน 5:40 น. เพราะไม่มีคนมาปลุก และมีประเด็นถูกรุ่นพี่ดุว่าทำความสะอาดหอไม่สะอาด และไม่เก็บอุปกรณ์ ทั้งที่ตนเองเก็บอุปกรณ์เรียบร้อยและทำความสะอาดแล้ว หลังเลิกเรียนจึงถูกรุ่นพี่ ม.5 ของหอพัก สั่งลงโทษนักเรียน ม.1 ถึง ม.4 ซึ่งตนเองทั้ง 2 คน ก็โดนไปด้วย โดยรุ่นพี่สั่งให้ทุกคนกระโดดลงไปแช่ในบ่อเกรอะหลายนาที ก่อนจะสั่งให้ขึ้นจากบ่อ โดยไม่ให้ล้างตัวและลงโทษต่อแบบทหารเช่น ดันพื้น ลุกหมอบ กลิ้งไปกลิ้งมาจนเป็นแผลทั่วร่างกาย ทั้งยังนำน้ำอุจจาระมาเทราดพวกตนเองด้วย

หลังเกิดเหตุตนเองได้แจ้งให้แม่ทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม่จึงรีบเดินทางมารับตัวไปรักษาบาดแผลที่โรงพยาบาลทันที แต่ปรากฏว่าแผลติดเชื้อ ผ่านไป 1 ดือน ก็ยังรักษาไม่หาย และมีท่าทีว่าจะอักเสบมากขึ้น เบื้องต้นนางสาวกรภัทรสอบถามข้อเท็จจริงกับคุณครูประจำหอ ปรากฏว่าครูประจำหอบ่ายเบี่ยงที่จะรับผิดชอบ โดยอ้างว่าเด็กสมัครใจโดดลงไปเองและเป็นไปตามธรรมเนียมรุ่นพี่ปกครองรุ่นน้องที่ต้องบ่มเพาะอบรมให้รุ่นน้องมีระเบียบวินัย และยังท้าทายให้ไปแจ้งความดำเนินคดี อีกทั้งอัดคลิปทำทีให้นักเรียนรุ่นพี่พูดกล่าวหาว่าลูกตนเองสมัครใจโดดลงไป ทั้ง ๆ ที่ข้อเท็จจริง น้องผู้เสียหายถูกสั่งให้กระโดดลงไปและต้องทำตามด้วยความกลัว ตนเองไม่เข้าใจว่าการสร้างเสริมวินัยนักเรียนทำไมต้องทำเกินกว่าเหตุเช่นนี้ ตนเองส่งลูกให้มาเป็นนักเรียน ไม่ใช่มาเป็นนักโทษ ก่อนหน้านี้ เด็กชายเอก็เคยถูกลงโทษเมื่อเดือนธันวาคม 2565 ด้วยการลุกนั่งถึง 200 ครั้ง จนโรคหอบหืดกำเริบ

ต่อมาเวลา 16.30 น. วันที่ 19 ก.พ.66 ที่ผ่านมา นางสาวกรภัทร พร้อมลูกชายทั้ง 2 คน ซึ่งเป็นผู้เสียหายเดินทาง เข้าพบนางสิริณิกุญช์ เพ็ชร์สุกใส ผู้อำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 47 จังหวัดเพชรบุรี โดยมี พ.ต.ท.ชูเกียรติ เพ็ชรแท้ รอง ผกก.สภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เดินทางมาร่วมพูดคุย โดยใช้เวลาพูดคุยนานกว่า 1 ชั่วโมง

หลังการพูดคุย เด็กชายเอ เปิดเผยว่า วันนี้รุ่นพี่ที่เป็นคนต้นเรื่องก่อเหตุได้เข้ามาพูดคุยสำนึกยอมรับผิดและขอโทษตนเองกับน้อง ตนเองจึงพร้อมที่จะให้โอกาสรุ่นพี่ในการแก้ตัว เนื่องจากเห็นว่าหากถึงขั้นเป็นคดีความ รุ่นพี่อาจจะเสียอนาคตทางการศึกษาและโรงเรียนอาจจะได้รับความเสียหายเพิ่มเติมมากยิ่งขึ้น ตนเองจึงพูดคุยกับน้องชาย และแม่ ตัดสินใจไม่ดำเนินคดีทางกฎหมาย อย่างไรก็ตามตนเองไม่อยากจะศึกษาต่อที่สถานศึกษาแห่งนี้ต่อไปอีกเพราะอับอาย และได้ขอให้แม่พาไปศึกษาต่อในสถานศึกษาอื่นแล้ว หวังว่าคงไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต

ทั้งนี้นางสาวกรภัทร เปิดเผยว่า เมื่อลูกไม่อยากแจ้งความและต้องการให้อนาคตต่อกับรุ่นพี่ และให้อภัย ตนเองเคารพการตัดสินใจของลูก แต่ไม่อยากให้ลูกเรียนต่อที่นี่อีกเพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุซ้ำซ้อนอีก ตอนนี้ตนเองให้ลูกลาออกจากโรงเรียนดังกล่าวแล้ว ส่วนกรณีครูประจำหอ ผู้อำนวยการรับว่าจะเรียกมาดำเนินการทางวินัย และจะแจ้งให้ตนเองทราบถึงมาตรการการลงโทษต่อไป

ด้านนางสิริณิกุญช์ เพ็ชร์สุกใส ผอ.โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 47 จังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่าจากนี้จะเรียกประชุมครู นักเรียนทั้งหมด และจะกำชับห้ามไม่ให้เกิดกรณีความรุนแรง และเหตุไม่เหมาะสมเช่นนี้อีก