ตำรวจค้นสถานดูแล "ออทิสติก" บางบัวทอง ยึดสาก 3 มีด 12 หลังแม่เดือด อ้างลูกชายถูกทารุณ

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566 นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมด้วยนางเอ (นามสมมุติ) อายุ 57 ปี และนายบี (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี ลูกชายเป็นออทิสติก ที่นำไปฝากสถานที่รับดูแลคนออทิสติกแห่งหนึ่งย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี มีครูพี่เลี้ยง 5 คน ดูแลเด็กออทิสติก มีทั้งอยู่ประจำ แต่ลูกชายถูกทำร้าย ได้เข้าพบ พ.ต.อ.จักริน พันธ์ทอง รอง ผบก.ภ.จ.นนทบุรี พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี และได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดนนทบุรีเข้าตรวจค้นบ้านทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น เปิดเป็นสถานรับดูแล

โดยนางปวีณา พร้อมแม่และเด็ก เดินทางมายังบ้านดังกล่าวเพื่อชี้จุดต่างๆ ภายในบ้านเพื่อหาพยานหลักฐานนำไปประกอบสำนวน แต่ปรากฏว่าเจ้าของบ้านไม่อยู่ที่บ้าน จนเวลา 15.00 น. เจ้าของบ้านได้เดินทางกลับมา ก่อนตำรวจจะแสดงหมายค้นเพื่อเข้าตรวจค้น โดยไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าด้านในบ้านและถ่ายภาพบุคคลในบ้าน

ขณะที่นางปวีณา แม่และลูกชายเข้าไปหาสิ่งที่ใช้ทำร้าย เด็กผู้เสียหายมีอาการหวาดกลัวไม่ยอมเข้าบ้าน แต่ได้เปิดตู้เก็บรองเท้ากลับไป หลังใช้เวลาตรวจค้นนานกว่า 1 ชั่วโมง

จากการตรวจค้นตำรวจตรวจยึดสากกะเบือ 3 อัน มีด 12 เล่ม และหลักฐานต่างๆ ไปตรวจสอบ หลังตรวจค้นเสร็จสิ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพาแม่และเด็กที่ถูกทำร้ายเดินทางกลับมาที่ สภ.บางบัวทอง เพื่อให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำเพิ่มเติม

พ.ต.อ.พฤฒ กล่าวว่า หลังได้รับการประสานจากมูลนิธิปวีณา ตำรวจได้ขอหมายค้นเพื่อเข้าตรวจค้นหาพยานหลักฐานภายในบ้านเกิดเหตุตามที่เด็กผู้เสียหายกล่าวอ้าง ตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐานเข้าสำนวนและรอผลตรวจร่างกายจากโรงพยาบาลนำมาประกอบสำนวน สำหรับคดีนี้ตำรวจทำงานตามพยานหลักฐานที่รวบรวมได้ พร้อมให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย

ทางด้านผู้ดูแล กล่าวว่า เจ้าหน้าที่มาก็มีถ่ายรูปเก็บทุกอย่างที่เป็นมีดทั้งหมด แล้วก็สาก และก็ใบประกาศเอาไปหมดเลย ตนมีความเข้าใจว่าเขาหน้าจะเอาไปตรวจสอบว่าจริงหรือปลอมถ้าภาษาบ้านๆอะเนอะ ตอนนี้ก็จะเดินทางไป สภ.บางบัวทอง น่าจะเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ถ้าถามว่ากังวลไหมถ้าเป็นตัวของตนเอง ตนไม่ได้ทำตนไม่กังวล แต่แค่ไม่รู้ว่าสเตปมันมีอะไรบ้าง ก็ยังยืนยันว่าตนเองไม่ได้ทำอะไรไม่ได้ก่อเหตุ ถ้าเป็นตนตนไม่ได้ทำแน่นอน ก็อยากให้สังคมให้โอกาสเราบ้าง ให้เราได้มีจุดยืนบ้างอย่างน้อยๆ ตนไม่ได้เปิดเป็นศูนย์ เปิดเป็นเหมือนรับเลี้ยงปกติธรรมดา ถ้าตนเปิดเป็นศูนย์ สภาพแบบนี้เปิดศูนย์ไม่ได้หรอก และมันก็เป็นความพึงพอใจของผู้ปกครอง

วันนี้เขาให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาว่าทางคู่กรณีเขาแจ้งความว่าข้อหาอะไรบ้างแล้วเราจะต้องทำอะไรยังไงต่อไป เพราะว่าตนไม่ได้รู้เรื่องอะไรขนาดนั้น ตามขบวนการของรัฐบาลมันจะต้องเป็นขั่นตอน แล้วตนยังไม่ได้เตรียมอะไรเลยสักอย่าง ไปทั้งหมดเลย 4 คน ก็อยากบอกว่า เลี้ยงเหมือนลูกสุดๆแล้ว ตัวของตนไม่ได้ทำ บางทีรู้สึกความเป็นครูที่เราเป็นก็น้อยใจเหมือนกัน สังคมตราหน้าเราขนาดนี้ ก็ไม่ร้องขอแค่เราก็เต็มที่ แค่บางทีบางเรื่องมันสอบถามกันได้ ว่าอะไรยังไงดีกว่า ถ้าเป็นมุมของตน คนที่เป็นแม่ ก็จะมาไฟต์กับครูก่อน ควรจะคุยกันก่อน แต่ก็เข้าใจมุมของแม่เขาเหมือนกันที่ต้องทำแบบนี้