สั่งเด้ง! 7 ตร.ห้วยขวาง หลังสอบเข้มทั้ง 14 นาย ยืนกรานปัดรับเงินดาราสาวไต้หวัน ส่วนปมตำรวจพาผู้เสียหายไปกดเงินที่ตู้ธนาคาร ATM ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง เตรียมเชิญพยานชาวสิงคโปร์ให้มาสอบปากคำ เร่งประสานขอผู้เสียหายวิดีโอคอลให้ข้อมูล

วันที่ 31 ม.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการที่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้สอบปากคำตำรวจทั้ง 14 นาย ที่ตั้งด่านในวันเกิดเหตุเมื่อคืนวานนี้ (30 ม.ค.66) ด้วยตัวเองนั้น ล่าสุดได้ข้อมูลครบทุกประเด็นว่าตำรวจแต่ละนายทำหน้าที่อยู่จุดไหนบ้าง ขณะนี้อยู่ระหว่างรอสอบปากคำผู้เสียหายและพยานที่อยู่ในวันเกิดเหตุ แต่ติดปัญหาตรงที่ผู้เสียหายอยู่ต่างประเทศ จึงทำให้ประเด็นนี้ค่อนข้างทำงานได้ช้า แต่ยอมรับว่าเบื้องต้นได้ประสานไปยังนักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์แล้ว ซึ่งถือเป็นพยานสำคัญ หากวันนี้ (31 ม.ค.66) จะเดินทางเข้ามาพบกับนายชูวิทย์ก็จะเชิญให้มาสอบปากคำเพื่อประกอบข้อมูล โดยทุกข้อมูลต้องสอดคล้องกัน ก่อนจะได้ทราบข้อเท็จจริง พร้อมยอมรับว่าเมื่อวานนี้ (30 ม.ค.66) จากที่ได้ฟังนายชูวิทย์ไลฟ์สดมีข้อมูลที่ตรงกันในเรื่องที่มีตำรวจอยู่ใกล้กับนักท่องเที่ยวจำนวน 4 นายจริง

ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีตำรวจพาผู้เสียหายไปกดเงินที่ตู้ธนาคาร ATM จริงหรือไม่ แหล่งข่าวระบุว่า อยู่ระหว่างตรวจสอบ เพราะในเวลาเดียวกันมีตำรวจ 2 นาย ให้การว่า ออกไประงับเหตุ แต่ทั้งนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าออกไประงับเหตุจริงหรือไม่ รวมถึงการที่มีข้อมูลว่ามีตำรวจต่อรองกับนักท่องเที่ยวและเรื่องวีซ่าด้วย ประกอบกับผลจากการสอบปากคำทั้ง 14 นายเมื่อวานนี้ (30 ม.ค.66) ยังคงยืนยันปฏิเสธไม่ได้รับเงิน เบื้องต้นจากการพิจารณาได้สั่งให้ 7 ใน 14 นาย เข้ามาประจำที่ ศปก. แล้ว ส่วนอีก 7 นาย ยังให้ปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิม

ทั้งนี้จากการสอบปากคำตำรวจทั้ง 14 นาย ยอมรับว่าทุกคนรู้สึกเครียดกับกระแสข่าว แต่ทุกอย่างก็อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมถึงหลักฐานต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างส่งให้ พฐ. ไปตรวจสอบ

ด้านพลตำรวจตรีอัฎธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ระบุว่าในวันนี้ (31 ม.ค.66) คณะทำงานพนักงานสอบสวนที่มีการจัดตั้งขึ้นเป็นตำรวจ จาก สน. อื่นไม่ใช่ของ สน.ห้วยขวาง ซึ่งแนวทางการทำงานจนถึงขณะนี้ ทางตำรวจและคณะทำงานต้องการได้ข้อเท็จจริงจากทางผู้เสียหายเพื่อจะได้ใช้เป็นแนวทางในการสืบสวนขยายผล โดยอยากประสานฝากถึงผู้เสียหายสามารถติดต่อผ่านทางเฟซบุ๊กของทางตนเองเพื่อติดต่อวิดีโอคอลให้ข้อมูลกับทางคณะทำงาน ที่ขณะนี้ตนเองได้มีการเตรียมพนักงานสอบสวนหญิงที่สามารถสื่อสารในภาษาอังกฤษได้เพื่อใช้ในการพูดคุยกับทางผู้เสียหายหรือผู้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยหากได้ข้อเท็จจริงในประเด็นนี้หากพบว่ามีช่องที่สามารถดำเนินการแจ้งข้อหาเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 หรือ 157 ได้รวมถึงตามมาตราอื่นได้ก็จะสามารถดำเนินการแจ้งข้อหาได้ทันที

ส่วนแนวทางการสอบปากคำตำรวจทั้ง 14 นายจนถึงขณะนี้ ได้มีการนำเข้าสู่สำนวนเป็นที่เรียบร้อยโดยยังไม่มีการรับว่าเป็นผู้เรียกรับเงิน มีแต่การรับว่ามีการถ่ายบันทึกภาพบุหรี่ไฟฟ้าไว้ที่บริเวณด่าน ส่วนล่าสุดที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับการสั่งช่วยราชการตำรวจที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว 7 นาย เป็น 7 นายตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ใกล้ชิดกับผู้เสียหายในวันเกิดเหตุเพราะในวันเกิดเหตุมีตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายในด่านตรวจทั้งหมด 14 นายแบ่งเป็นคนละฝั่งถนนซึ่งฝั่ง 7 คนที่มีการสั่งให้ช่วยราชการถือว่าเป็นผู้ที่มีความใกล้ชิดต้องมีการเรียกสอบด้วยกันตอนพิเศษ แต่ในส่วนของ 14 นายตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ภายในด่านตรวจตอนนี้ได้มีการสั่งการให้หยุดปฏิบัติหน้าที่โดยสิ้นเชิง

ตนเองขอยืนยันว่าในฐานะผู้บังคับบัญชาตนเองพร้อมให้ความเป็นกลางกับทุกฝ่ายและ เปิดรับข้อมูลหลักฐานจากทุกคนไม่ว่าจะเป็นประชาชนที่สัญจรผ่านไปผ่านมาในวันเกิดเหตุหรือทางผู้เสียหายรวมถึงเพื่อนผู้เสียหายก็ตาม เพราะเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นผลกระทบโดยตรงกับทางประเทศตนเองในฐานะคนไทยก็ไม่ต้องการให้ประเทศไทยเสียชื่อเสียง และรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ส่วนประเด็นที่ผู้เสียหายมีความกังวลว่าจะถูกดำเนินคดีในฐานความผิดติดสินบนเจ้าพนักงานในประเด็นนี้ตนเองจากให้แนวทางว่าผู้ที่เป็นผู้จ่ายเงินให้กับทางตำรวจไม่จำเป็นต้องเดินทางมาพบหรือให้ข้อมูลกับทางตำรวจด้วยตนเองแต่ในเหตุการณ์ดังกล่าวมีกลุ่มเพื่อนที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ด้วยสามารถให้กลุ่มเพื่อนดังกล่าวติดต่อให้ข้อมูลกับทางตำรวจได้เช่นกันเพราะขณะนี้ทางคณะทำงานต้องการได้ข้อเท็จจริงในการไปขยายผลทั้งด้านการสืบสวนเพื่อนำไปใช้ในการแจ้งข้อหาผู้กระทำผิดต่อไป

นอกจากนี้ พลตำรวจโทธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังให้ข้อมูลด้วยว่า ได้มอบหมายให้ พลตำรวจตรี ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ไปสอบปากคำดาราสาว อันยู่ซิง ที่ไต้หวัน และให้นัดหมายกลุ่มเพื่อนชาย 3 คน สอบปากคำที่ สิงค์โปร์ พร้อมนำภาพถ่ายไปให้ชี้ตัวยืนยัน ส่วนที่ นายชูวิทย์ กมงวิศิษฎ์ ต่อสายคุยกับพยานที่เป็นเพื่อนชาย 1 ใน 3 คน ของดาราสาว หากผู้ที่พูดสายด้วยเป็นพยานที่อยู่ในเหตุการณ์จริง และจะเดินทางมาประเทศไทยตามคำชวนของ นาย ชูวิทย์ ก็พร้อมส่งตำรวจไปสอบปากคำ และดูแลความปลอดภัยให้