ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง นปช.คดีก่อการร้ายแต่แก้ให้ เจ๋ง ดอกจิก คุก 5 ปี 4 เดือน

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 มกราคม ที่ห้องพิจารณา 814 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ก่อการร้าย หมายเลขดำ อ.2542/2553 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อายุ 71 ปี อดีตประธาน นปช., นายจตุพร หรือตู่ พรหมพันธุ์ อายุ 58 ปี ประธาน นปช., นายณัฐวุฒิ หรือเต้น ใสยเกื้อ อายุ 48 ปี เลขาธิการ นปช., นพ.เหวง โตจิราการ อายุ 72 ปี, นายก่อแก้ว พิกุลทอง อายุ 58 ปี และพวก รวม 24 คน 

ในความผิดข้อหาร่วมกันก่อการร้าย โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการใดให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของรัฐ ประโยชน์สาธารณะ โดยมีความมุ่งหมายขู่เข็ญรัฐบาลไทยให้กระทำการใด หรือเพื่อสร้างความปั่นป่วนโดยให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1, ขู่เข็ญว่าจะทำการก่อการร้าย โดยสะสมกำลังพล หรืออาวุธ หรือตระเตรียมการสมคบกันเพื่อก่อการร้าย มาตรา 135/2 และร่วมกันชุมนุมหรือมั่วสุม ณ ที่ใดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปในท้องที่ผู้รับผิดชอบประกาศกำหนด อันเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548

 

จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา 

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งหมดว่า ไม่มีความผิดฐานก่อการร้าย

โดยศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์นำสืบฟังได้ว่า นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก อายุ 65 ปี มีความผิดจริง 

พิพากษาแก้ ลงโทษนายยศวริศ ฐานข่มขืนใจผู้อื่น โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป จำคุก 5 ปี และฐานร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ จำคุก 3 ปี รวมจำคุก 8 ปี

คำให้การจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก รวม 5 ปี 4 เดือน และให้นับโทษจำเลยที่ 7 ต่อจากคดีหมายเลขแดง อ.193/2556 ของศาลชั้นต้น

ส่วนสุขเสก จำเลยที่ 12 ให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ฐานร่วมกันก่อการร้าย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ขณะนี้นายยศวริศ จำเลยที่ 7 และนายสุขเสก จำเลยที่ 12 อยู่ระหว่างยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอประกันตัวสู้คดี แต่ศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว จึงออกหมายขังไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไป

ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวว่า วันนี้ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีก่อการร้าย อันเนื่องมาจากการชุมนุมของกลุ่ม นปช. เมื่อปี 2553 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง และวันนี้ศาลอุทธรณ์ก็พิพากษายกฟ้อง สาระสำคัญคือ ข้อกล่าวหาของอัยการซึ่งเป็นโจทก์ ไม่ได้มีพยานหลักฐานหรือข้อเท็จจริงที่ชัดเจนว่าการชุมนุมของกลุ่มนปช. โดยคณะแกนนำมีเจตนาที่จะสร้างความรุนแรง สร้างความเสียหาย หรือใช้กำลังอาวุธในการชุมนุมแต่อย่างใด