อาจารย์วิศวะ จุฬาฯ เผย เมาแล้วขับช่วงปีใหม่ พบเสียชีวิตในระยะ 10 กม. จากวงเหล้า

เป็นประจำทุกปีในช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่จะมีผู้คนเดินทางกลับภูมิลำเนาเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นเทศกาลสำคัญ และเป็นช่วงวันหยุดยาวหลายวัน แต่จำนวนผู้เดินทางในแต่ละเส้นทางที่มากกว่าปกติหลายเท่าตัว ทำให้เกิดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดอุบติเป็นท้องถนนมากกว่าปกติด้วยเช่นเดียวกัน

 

ศ.ดร. เกษม ชูจารุกุล รองคณบดี และผู้จัดการศูนย์ความเป็นเลิศ ThaiRAP คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการคมนาคม ระบุว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย เผชิญกับโรคระบาด อย่างเชื้อโควิด 19 ทำให้การเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ลดน้อยลง แต่ในปีนี้ถือเป็นปีแรก ที่เริ่มผ่อนคลายมาตราการเกี่ยวกับการเดินทาง จึงอาจเชื่อได้ว่า จะมีผู้คนเดินทางกลับภูมิลำเนามากกว่าช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา และจากจำนวนผู้คนที่อาจจะเพิ่มขึ้นนี้ ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงที่จะทำให้มีผู้เสียชีวิต พิการ หรือบาดเจ็บ จากอุบัติเหตุเพิ่มสูงมากขึ้นด้วยเช่นกัน

​ปัยจัยสำคัญ ตามหลักวิศวกรรมศาสตร์ที่จะส่งผลให้เกิดอุบติเหตุบนถนนและมีจำนวนผู้เสียชีวิตมากขึ้นนั้น  ศ.ดร. เกษม ชูจารุกุล เปิดเผยว่า มีด้วยกัน 2 ปัจจัยหลัก คือเรื่องความเร็ว ที่คนมักใช้ความเร็วในการขับรถเดินทางไกล ยิ่งมีอัตราเร่งหรือความเร็วเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนถนนก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน เนื่องจากความเร็วของรถเมื่อเกิดอุบัติเหตุและกระทบวัตถุที่ขวางอยู่ แรงอัดที่เกิดขึ้นจากความเร็วที่มากกว่า ย่อมสร้างเสียหายได้มากกว่าอัตราเร่งตามปกติที่กฏหมายกำหนด และจากสถิติที่เก็บรวบรวมก็พบว่า ความเร็วเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนถนน ส่วนอีกปัจจัย คือ การเมาแล้วขับ และยังคงเป็นสาเหตุยอดฮิตในช่วงเทศกาลปีใหม่ และจากสถิติยังพบอีกด้วยว่า ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถ มักจะเสียชีวิตไม่ห่างจากจุดเริ่มเดินทางในระยะ 10 กิโลเมตร

 

​ศ.ดร. เกษม ชูจารุกุล จึงมีคำแนะนำให้กับผู้ที่เดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงปีใหม่นี้ ควรทำตามขั้นตอนดังนี้

  1. ตรวจสภาพรถก่อนออกเดินทาง เพื่อลดปัญหาอุบัติเหตุที่เกิดจากความพร้อมของรถ
  2. ลดความเร็วให้อยู่ในอัตราที่กฏหมายกำหนด ตามสภาพถนนนั้นๆ
  3. อ่านป้ายข้อความแจ้งเตือนล่วงหน้า ลักษณะทางที่ไม่คุ้นเคย
  4. ศึกษาเส้นทางเป้าหมายที่ต้องการเดินทางล่วงหน้า
  5. พักผ่อนให้เพียงพอ เตรียมสภาพร่างกายให้พร้อม

 

​ส่วนประเด็นเรื่องป้ายแก้ง่วง  ที่เป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ ศ.ดร. เกษม ชูจารุกุล รองคณบดี และผู้จัดการศูนย์ความเป็นเลิศ ThaiRAP คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า จากการศึกษา ตามหลักวิศวกรรมพบว่า มีส่วนช่วยให้ตื่นตัวขึ้นจริง ซึ่งได้ทำการศึกษาด้วยการวัดคลื่นสมอง ในขณะที่ขับรถผ่านและอ่านป้ายข้อความ แต่อาจจะต้องมีการเปลี่ยนข้อความคำถามอยู่เรื่อยๆ เพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับคนที่ขับรถบนถนนเส้นนั้นบ่อยครั้ง

 

​ส่วนข้อกังวลว่า การเพ่งมองป้ายแก้ง่วง อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้หรือไม่นั้น ศ.ดร. เกษม ชูจารุกุล มองว่า มีโอกาสเป็นไปได้ แต่ก็เป็นส่วนน้อยมาก เนื่องจากปกติผู้ขับรถก็มักจะอ่านป้ายข้อความข้างถนนอยู่แล้ว และจากศึกษาภาพรวมก็พบว่าการมีป้ายแก้ง่วงมีผลดีมากกว่าผลเสีย