เกิดเหตุชายวัย 46 ถูกตีหัวดับคาศาลา วัดศาลาทอง จ.นครราชสีมา พยานชี้เป้าฝีมือพระในวัดลงมือฆ่า เหตุปมมีปากเสียงเรื่องเหล้าขาว

วันที่ 24 ส.ค. 2568 มีรายงานว่า กลางดึกที่ผ่านมา ร.ต.ท.ภานุวัฒน์ บัวผัน รองสว.(สอบสวน) สภ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา ได้รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิตจากการถูกทำร้ายร่างกายไม่ทราบอาวุธที่ใช้ประกอบเหตุ อยู่ภายในศาลาติดเจดีย์ วัดศาลาทอง ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา จึงได้ประสานแพทย์นิติเวชแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลมหาราช รพ.มหาราชนครราชสีมา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างเมตตา เดินทางไปตรวจสอบ




ที่เกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชายรูปร่างผอม สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้นสีน้ำตาล ตามร่างกายมีรอยสัก บริเวณศีรษะมีร่องรอยการถูกตีด้วยของแข็ง มีแผลแตกที่ท้ายทอยและหน้าผาก ทรายชื่อคือ นายสมศักดิ์ อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่บริเวณศาลาเอนกประสงค์ใกล้กับเจดีย์ของวัดศาลาทอง พบคราบเลือดและโทรศัพท์มือถือตกอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ มีร่องรอยการปูเสื่อตั้งวงนั่งดื่มสุรา พบกระติกน้ำชามกับแกล้มและพบขวดสุราขาว 40 ดีกรี ลักษณะเชื่อได้ว่าเป็นอาวุธที่คนร้ายใช้ทำร้าย โดยตีบริเวณศีรษะของผู้เสียชีวิต




จากการสอบถามเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างเมตตา เปิดเผยว่า จากการบอกเล่าของตาสีผู้อยู่ในเหตุการณ์ ทราบว่าผู้ตายนั้นเป็นคนในชุมชนใกล้วัด และชอบมานั่งเล่นบริเวณศาลาเอนกประสงค์ภายในวัด ในคืนวันเกิดเหตุ "พระติ๊ก" (ยังไม่ทราบชื่อจริง-นามสกุล) ได้มีปากเสียงกับผู้ตายก่อนลงมือทำร้าย เนื่องจากบริเวณศาลาดังกล่าวมีคนจรจัดแอบเข้ามาพักอาศัย จับกลุ่มพูดคุยจนไปถึงการตั้งวงดื่มสุราอยู่เป็นประจำ




โดยพระติ๊กจะจ้างให้คนจรจัดไปซื้อสุราขาว 40 ดีกรี 1 ขวด มีค่าจ้างให้ครั้งละ 20 บาท เพื่อแอบเอาไปกินในกุฏิ จากนั้นเมื่อสุระหมดพระติ๊กจึงได้เดินออกมาเหมือนว่าจะใช้ไปซื้ออีก ขณะนั้นผู้ตายได้ตะโกนถามพระติ๊กว่า "มึงเป็นพระมาทำเหี้xอะไร" จึงได้มีปากเสียงกัน เกิดการตะลุมบอลเป็นเหตุทำให้นายสมศักดิ์ถูกตีด้วยขวดเหล้าขาวที่ศีรษะจนเสียชีวิตดังกล่าว


ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้บุกไปตรวจสอบที่กุฏิของพระติ๊ก พบว่าประตูกุฏิล็อกแต่ยังเปิดพัดลมอยู่จึงได้งัดเข้าไปแต่ไม่พบตัวของพระติ๊ก พบเพียงคาบเลือดในบริเวณกุฏิ คาดว่าพระติ๊กได้หลบหนีไปตั้งแต่ก่อเหตุแล้ว


เบื้องต้นทราบว่า พระติ๊กเป็นพระมาจากที่อื่นมาขอจำวัด อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน และดำเนินการติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษต่อไป