ผัวเมียคู่หนึ่งไปนั่งดื่มแอลกอฮอล์ หน้าร้านสะดวกซื้อ แล้วมีปากเสียงกับกลุ่มหญิงสาวข้าง ๆ พอฝั่งสามีของหญิงสาวรู้เรื่อง ก็ขี่รถไปหา อีกฝ่ายก็ขี่รถหนี จนรถเสียหลักล้ม ทำให้หนุ่มคนนี้ตามไปกระทืบซ้ำ

ชาวบ้านถ่ายเอาไว้ได้ หลังเจอเหตุระทึก กลางซอยสุขสวัสดิ์ 78 ตำบลบางจาก อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อชายเสื้อเหลือง พร้อมเพื่อน ได้พากันรุมกระทืบ ชายคนหนึ่ง ที่นอนแน่นิ่งไปกับพื้น และยังตามไปกระทืบ หญิงอีกคนหนึ่ง ที่นอนแน่นิ่ง ข้างรถตู้ จับใจความได้ว่า อีกฝ่ายไม่พอใจ ที่ 2 คนนี้ ไปทำร้ายเมีย ก่อนที่คนถ่ายคลิป จะตะโกนถาม ชายเสื้อเหลือง ด้วยความตกใจว่า อีกฝ่ายตายแล้วหรือไม่ เพราะนอนแน่นิ่งผิดปกติ แต่ชายเสื้อเหลืองก็ไม่สนใจ และ ยังมีอารมณ์ฉุนเฉียว

หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ พบร่าง นางสาวศิริพร สายตา อายุ 28 ปี นอนเสียชีวิต นอนเสียชีวิต ข้างรถตู้ มีรถจักรยานยนต์ สีดำ หน้ารถฝั่งซ้ายพังยับเยิน ห่างไป 5 เมตร พบชายอายุ ประมาณ 30 ถึง 35 ปี อาการสาหัส เจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ เบื้องต้นทราบว่า ทั้งคู่เป็นสามี ภรรยากัน ส่วนผู้ก่อเหตุ คือ นายอภิชาติ ก้าวปัญญา หรือตี๋ อายุ 26 ปี (เสื้อสีเหลือง) และ นายศรายุทธ พันธุ์อายุวัฒนะ หรือฟิล์ม อายุ 24 ปี ไม่ได้หนีไปไหน ได้ยืนรอมอบตัวในที่เกิดเหตุ ตำรวจจึงคุมตัวไปทำแผน ชี้จุดเกิดเหตุ

โดยนาย อติชาติ บอกว่า เรื่องมาจาก คู่กรณี ไปมีเรื่องกับเมียตน ที่หน้าร้านสะดวกซื้อ โดยใช้ขวดปาใส่เมียตน และ จะเอามีดมาแทงเมียตน ตอนนั้น ตนกำลังขี่รถไปรับเมียหลังเลิกงานพอดี และเห็นอีกฝ่ายกำลังโวยวาย พอเจอตน ก็ยังท้าทาย ก่อนขี่รถหนี ตนจึงขี่รถจะตามไปถาม พอถึงทางโค้ง อีกฝ่ายก็เสียหลักชนเสาไฟ และ ชนท้ายรถตู้ซ้ำ จนเสียชีวิต และ เจ็บสาหัส ด้วยความโมโห ตนจึงไปกระทืบซ้ำดังกล่าว

ส่วน นางสาวกัญญารัตน์ แพนดี อายุ 23 ปี แฟนผู้ก่อเหตุ บอกว่า หลังเลิกงาน ตนกับเพื่อน 4 คน ได้มานั่งสังสรรค์หน้าร้านสะดวกซื้อ ส่วนคู่กรณี ได้นั่งสังสรรค์ก่อนหน้านี้แล้ว และมีกัน 4 คนเช่นกัน พออีกฝ่ายเริ่มมึนเมา ก็ตะโกนต่อว่ากลุ่มตน คาดว่าคงไม่พอใจที่พวกตนเองไปบอกเสียงดัง ตอนนั้น ตนก็โทรคุยอยู่กับแฟนพอดี แฟนน่าจะได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย ที่อีกฝ่ายกำลังด่า จึงไม่พอใจ ขี่รถมากับเพื่อน อีกฝ่ายเห็นกลุ่มแฟนตนมา ก็รีบขี่รถหนี จากนั้นก็ไม่รู้แล้วเกิดอะไรขึ้น ตำรวจจึง เชิญผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด ไปสอบสวนเพิ่มเติม และเร่งตรวจสอบ วงจรปิด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย