"รุ้ง ปนัสยา" เดินทางมาให้กำลังใจ "อานนท์" แจ้งความเอาผิดตำรวจ คฝ.ใช้ความรุนแรงกลุ่มผู้ชุมนุมราษฎรหยุดเอเปค2022

วันนี้ (19 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.40 น. ที่ สน.สำราญราษฎร์ นางสาวปนัสยา หรือ "รุ้ง" สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำกลุ่มราษฎร ได้เดินทางมาที่ สน.สำราญราษฎร์ เพื่อมาให้กำลังใจ ทนายอานนท์ นำภา เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ เอาผิดเจ้าหน้าควบคุมฝูงชนทุกระดับชั้นที่มีส่วนใช้ความรุนแรงเข้าสลายการชุมนุมบริเวณถนนดินสอ จนเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา

โดย รุ้ง เปิดเผยว่า ไม่คิดว่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้น มีคนได้รับาดเจ็บถึงขั้นตาบอด ทั้งที่มีการดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี ระหว่างมีการประชุมของผู้นำต่างประเทศมาประชุมเอเปค แต่ในสายตาของตำรวจไม่ได้มองแบบนั้น ไม่แน่ใจว่าเขาคิดกับเราเกินไปแบบไหน ซึ่งกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้น ถือเป็นเรื่องเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ตนเองรู้สึกช็อกและตกใจกับเหตุที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก

"กับคนที่ถูกยิงจนถึงขั้นตาบอด จึงไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ต้องใช้อารมณ์ในการปฏิบัติหน้าที่มากมายขนาดนั้น มีคลิปและภาพปรากฎชัดเจน ทั้งนี้ ตนเองเชื่อว่าภายในของตำรวจทุกคนไม่ได้มาเพื่อชุมนุมมาตีประชาชนอาจจะมาจากคำสั่ง แต่ขอให้มีวิจารณญาณทำหน้าที่ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวอีก" รุ้ง กล่าว

ต่อมาเวลา 14.10 น. ทนายอานนท์ กล่าวว่า วันนี้ทางกลุ่มราษฎรได้ส่งตัวแทนแจ้งความกล่าวโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ กล่าวโทษ ผกก.สน.สำราญราษฎร์ ใช้กำลังเข้าทำร้ายผู้ชุมนุมและสื่อมวลชน ซึ่งทำการสลายการชุมนุมหลายคนได้บาดเจ็บโดยเฉพาะนายพายุ ที่อาจสูญเสียดวงตา อย่างไรก็ตาม จะดำเนินคดีทุกคนระดับปฏิบัติการจนถึงผู้บังคับบัญชา หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง มีทั้งคลิปและภาพเป็นหลักฐาน ทั้งนี้ ขอให้ผู้เสียหายรายอื่นดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนมีความกังวลตำรวจช่วยเหลือกันหรือไม่ ตำรวจที่ช่วยกันคือตำรวจที่เลวคิดว่าไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น

ด้านนายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตโฆษกประจำสำนักนายรัฐมนตรี  กล่าวว่า ตนเองเดินทางไปเยี่ยมพายุ ผู้บาดเจ็บมา ขณะนี้ยังไม่ฟื้นจากการสลบ จากการสอบถามทางแพทย์ที่ทำการรักษาทราบว่า มีอาการกล้ามเนื้อตาฉีดขาด หัวตาฉีกขาด อวัยวะในลูกตาออกมาข้างนอกหมด หมอทำความสะอาดเย็บกลับเข้าไปเช่นเดิม อีกรายนึงกระดูกเบ้าตาด้านขวาแตก มีฟันหักและแผลในปาก และมีผู้บาดเจ็บหลายคน พายุอาการหนักสุดคือไม่รับรู้ถึงแสงสว่างแต่อย่างใด ถือว่าเป็นการบาดเจ็บสาหัส ทั้งนี้ ประชาชนเสียดวงดาไปแล้ว 3 ราย ขอไม่ให้เกิดเหตุการณ์สูญเสียอวัยวะดังกล่าวอีก