"ครูยุ่น" ยืนยัน ตีเพราะสั่งสอน เผยไม่ใช่คนโรคจิตทำร้ายทารุณเด็ก ทำไปเพราะมีเหตุผล

นายมนตรี สินทวิชัย หรือ ครูยุ่น เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็ก จังหวัดสมุทรสงคราม เปิดเผยถึงกรณีทำร้ายร่างกายเด็กในมูลนิธิ โดยยืนยันว่า ไม่มีเจตนาทำร้ายร่างกาย แต่เป็นการสั่งสอน เพราะเด็กหนีไปเล่นน้ำ โดยมีเด็กบางคนว่ายน้ำไม่เป็น เกรงได้รับอันตราย ส่วนตัวไม่ได้มองว่าเป็นการใช้ความรุนแรง แต่เป็นการสั่งสอนมากกว่า และอีกอย่างไม่ใช่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกสำหรับพฤติกรรมเด็กกลุ่มนี้

ส่วนกรณีใช้ความรุนแรงเป็นประจำ ราดปัสสาวะใส่เด็ก รวมถึงทิ้งเสื้อผ้าเด็กนั้น ครูยุ่น ยืนยันไม่เป็นความจริง ส่วนกรณีทิ้งเสื้อผ้าเด็ก คือจริง ๆ แล้ว เด็กใส่เสื้อผ้าแล้วเอาไปซุกตามซอกต่างๆ เมื่อผมพบจึงรื้อออกมาเพื่อให้เด็กเอาไปซัก เพราะของเหล่านี้มาจากการบริจาคควรเป็นคุณค่า ในเรื่องของการลงโทษที่มีการหักเงินนั้นก็พอมีอยู่บ้างแต่หัก 5 บาท ถ้าไม่ทำเวร ทิ้งเสื้อผ้าหรือทำข้าวของเสียหาย

"ทำไมต้องตีเด็ก ผมเป็นโรคจิตเหรอ ผมทำไปเพียงเพื่อลงโทษเด็กที่ทำผิด และเด็กหลายคนก็ไม่ชอบผม เพราะถูกผมลงโทษเมื่อทำผิด ทำไปเพราะมีเหตุผล" ครูยุ่น กล่าว

ส่วนกรณีที่มีคนไปสืบประวัติ ว่าเคยต้องโทษคดีพรากผู้เยาว์ กรณีนั้นคือ เด็กหญิงถูกพ่อทำร้ายร่างกาย ข่มขืนลูก จึงเข้าไปช่วย ซึ่งศาลได้ยกฟ้อง และฟ้องพ่อเด็กแทน

หากคนที่เคยดูแลเด็กจำนวนมากๆ คงเข้าใจ เพราะเด็กแต่ละคน นิสัย ไม่เหมือนกัน บางคนดื้อ เสพยาเสพติด ลักขโมย ไม่ช่วยทำความสะอาด กลุ่มเด็กเหล่านี้ควรถูกทำโทษ ซึ่งก็ทำให้เด็กหลายคนดีขึ้น

ส่วนกรณีเงินบริจาค ยืนยันโปร่งใสตรวจสอบได้ มีหลักฐานเงินเข้า-ออก ทุกปี ส่วนการใช้แรงงานที่รีสอร์ตนั้น ส่วนตัวมองว่าเป็นการช่วยงาน ไม่ได้มีการบังคับให้ทำ บางคนมาช่วยงาน บางคนมานั่งเล่น คุยกัน ก็ไม่ได้ว่าอะไร คนทำงานก็มีค่าขนมให้ ไม่ใช่ค่าจ้างแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ครูยุ่น ยังกล่าวถึงกรณีที่ พม.จะไม่ต่อใบอนุญาตให้ ก็คงเป็นไปตามกฎหมาย มูลนิธิคุ้มครองเด็ก ยังคงอยู่ แต่อาจไม่ใช่สถานสงเคราะห์เด็กอีกต่อไป

ด้าน "นายแก้วสรร อติโพธิ " ประธานมูลนิธิ ให้ข้อมูล บอกว่าทางตำรวจได้แจ้งข้อหาครูยุ่น ใน 2 ข้อหา “ทำร้ายร่างกายเด็กในคลิป” และ “ใช้แรงงานเด็ก” ทางด้านครูยุ่นเองได้ให้ปากคำในเรื่องกรณีทำร้ายร่างกายเด็ก เนื่องจากเด็กถูกห้ามไม่ให้ลงน้ำ แต่ยังฝ่าฝืนทำอีก ยังพาน้องที่ว่ายน้ำไม่เป็นไปลงเรือจนเกือบทำน้องตาย จึงจำเป็นต้องลงโทษตีเด็กหน้าเสาธง เพื่อให้ทุกคนทราบว่านี่เป็นความผิดร้ายแรงอย่าทำกันอีก

ส่วนการสอบสวนครูยุ่นในวันนี้ ซึ่งทางครูยุ่นเดินทางมาพบตำรวจและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่มีทีท่าจะหลบหนีหรือว่าจะไปยุ่งกับพยานหลักฐาน ตำรวจจึงปล่อยตัวโดยไม่ต้องใช้หลักประกัน ส่วนคดีการใช้แรงงานเด็กตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มสอบสวน ซึ่งทั้งหมดก็ต้องรอสอบสวนอีกครั้งก่อนจะสรุปสำนวนคดีในภายหลัง