พม.เตรียมสั่งปิดมูลนิธิ เด็กร้องถูกครูทารุณ-ทำร้ายร่างกาย พร้อมเตรียมอพยพเด็กออกนอกพื้นที่

วันที่ 2 พ.ย.65 สืบเนื่องจากเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้โพสต์คลิปที่เด็กในมูลนิธิเด็ก ร้องเรียนมาว่า ถูกครูใจบุญที่ก่อตั้งมูลนิธิคุ้มครองเด็กในจังหวัดสมุทรสงครามใช้แรงงาน ทำร้ายร่างกาย ล่าสุดทางกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และจังหวัดสมุทรสงคราม เตรียมสั่งปิดมูลนิธิแห่งนี้แล้ว พร้อมเตรียมอพยพเด็กออกนอกพื้นที่

เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิเส้นด้ายรายหนึ่ง กล่าวว่า ได้เก็บข้อมูลและพูดคุยกันเด็กก่อนที่จะไปแจ้งความดำเนินคดี พบว่า เด็ก ๆ ให้ข้อมูลว่า ถูกทำร้ายร่างกาย เช่น ต่อยตี ใช้ไม้ไผ่-ไม้ม็อบฟาด จนเลือดออก บางคนถูกจับกดน้ำ ให้อาบน้ำคลอง เด็ก ๆ ยังบอกอีกว่า ของรับบริจาคที่มูลนิธิรับบริจาคไป เด็ก ๆ จะได้กินคือใกล้หมดอายุหรือหมดอายุไปแล้ว และอีกหลาย ๆ เรื่องที่ฟังแล้วหดหู่ใจมาก เด็ก ๆ ยังบอกอีกว่าถูกพาไปใช้แรงงานที่รีสอร์ตของเจ้าของ ได้ค่าแรงวันละ 30 บาท ถ้าขัดขืนไม่ยอมไปทำจะถูกทำโทษ หักค่าไปโรงเรียน บางคนโดนหักเหลือ 10 บาท ไปเรียนได้แต่หาขนมกินแทนข้าว

ล่าสุดทาง มูลนิธิเส้นด้ายและเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้เข้าช่วยเหลือเด็กออกมาได้แล้ว 8 คน จาก 55 คน

ด้านนายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เผยว่า ตอนนี้ได้ถึงทราบพฤติการณ์เบื้องต้นของครูยุ่น ผู้ดูแลเด็ก คือ ใช้แรงงานเด็ก ซึ่งบางอย่างเด็กทำไม่ได้ตามที่ต้องการ จึงมีการลงโทษ แต่อย่างไรก็ตาม ลักษณะเช่นนี้ถือว่า "เด็กถูกกระทำ" ถึงแม้ครูยุ่นจะอ้างว่าตีเพื่อสั่งสอน แต่ถือว่ามีความผิดชัดเจน

สำหรับเรื่องการจัดตั้งมูลนิธิแห่งนี้เปิดมานานหลายปี ซึ่งเจ้าหน้าที่ พม.จังหวัดสมุทรสงคราม ได้เข้ามาตรวจสอบทุกปี มูลนิธิคุ้มครองเด็กแห่งนี้ ประวัติค่อนข้างดีในอดีต ซึ่งการเข้ามาตรวจสอบเจ้าหน้าที่ได้มีการสุ่มพูดคุยกับเด็กในมูลนิธิ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้รับสัญญาณอะไรจากเด็ก

ในส่วนเรื่องของเงินบริจาค ทางมูลนิธิจะใช้จ่ายเงินที่ได้รับบริจาคเรื่องดูแลเด็ก การศึกษา อาหาร ซึ่งจำนวนเงินบริจาคก็จะหมดไปปีต่อปี หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเร่งหาข้อสรุป 2 ส่วน คือการย้ายเด็กออกจากมูลนิธิคุ้มครองเด็กแห่งนี้เพื่อให้ไม่ได้รับอันตราย แต่ไม่สามารถแจ้งได้ว่าจะย้ายไปที่ไหน เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคล

ส่วนที่ 2 เจ้าหน้าที่จะเร่งพิจารณารายละเอียด เรื่องการหยุดการดำเนินการของมูลนิธิแห่งนี้ ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย ส่วนการเพิกถอนใบอนุญาต ขอให้มีการดำเนินการของพนักงานสอบสวนให้ชัดเจนก่อน เนื่องจากหลักฐานการไปตรวจร่างกาย หาบาดแผลไม่เจอ ขณะนี้มีเพียงคำให้การของเด็กที่บอกว่าถูกทำร้ายเท่านั้น เบื้องต้น ความผิดที่ชัดเจนในขณะนี้ มีเพียงการทำร้ายร่างกายเด็ก ความผิดตาม พ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก มาตรา 61

ทางมูลนิธิยืนยันว่ากล้องวงจรปิดติดอยู่บริเวณทางเข้าห้องน้ำ ไม่ได้อยู่ในห้องน้ำ และพื้นที่ที่อาบน้ำกลางแจ้งของเด็กผู้ชาย แม้บางครั้งจะมีเด็กผู้หญิงโดนลงโทษให้มาอาบน้ำข้างนอกบริเวณนั้น แต่ทุกคนที่อาบน้ำบริเวณนี้จะใส่เสื้อผ้าทั้งหมด

ส่วนสาเหตุที่ต้องติดกล้องวงจรปิดบริเวณนี้เพราะเป็นบริเวณทางเข้าประตูห้องนอนของเด็กในมูลนิธิคอยป้องกันไม่ให้เด็กหนีออกไปยามค่ำคืน

ล่าสุด ช่วงบ่ายที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ พม. จังหวัด นำเอกสารเเละรายละเอียดเกี่ยวกับการคุ้มครองเด็กเข้ามาตรวจสอบสถานที่เเละสอบถามเด็กภายในมูลนิธิ เเละได้เจอกับลูกชายของครูยุ่น จากนั้นเจ้าหน้าที่เเจ้ง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ในการมารับเด็ก 55 คน ไปดูเเล เพราะเด็กอยู่ในอันตราย

แก้วสรร อติโพธิ อดีตสมาชิกวุฒิสภาไทย ยืนยันว่า ที่นี่เป็นบ้านเด็ก ๆ มูลนิธิเเห่งนี้สร้างขึ้นมาเพื่อดูเเลเด็กมีปัญหาจากครอบครัวที่ไม่สามารถเลี้ยงดูได้ เเละเด็กที่ถูกกระทำความรุนเเรง เเละเรื่องทางเพศ ยืนยันว่าไม่มีอันตรายอะไรกับเด็ก เปรียบเหมือนบ้านของเด็กที่ไร้ที่พึ่ง ไม่ใช่การยกพวกมาเอาเด็กไป เด็กกำลังเรียนอยู่ทั้งนั้น การร้องเรียนที่เกิดขึ้น ให้ฟังความมูลนิธิบ้าง อย่าฟังความจนไม่ให้เด็กไม่ได้เรียน อยากทบทวนให้ดี เเละให้สอบถามว่าเด็กเขาอยากไปหรือไม่

นายเเก้วสรร ยืนยันว่า เด็กที่ถูกตี เด็กติดยาเสพติด เอายาเสพติดมาเผยเเผร่ให้น้อง ๆ เเละยังพาเด็กเสีย พาเด็กลงน้ำ ที่ผ่ามาพยายามดึง ๆ กันไว้ ว่าเด็กจะเสียอนาคต อยากให้ฟังครูยุ่นบ้าง การเข้ามาเเบบนี้ ไม่ต่างจากการมายึดลูกจากพ่อเเม่เขาไป เเละถามว่าเอาเด็กไปจะดูเเลอย่างไร มารังเเกเด็ก ผมไม่ยอม กว่าจะสร้างมูลนิธิมาได้